ใช้ใจ...เป็นกำลังให้ก้าวไปสู่ฝัน


การรับรู้คุณค่าของตนเองนั่นสำคัญยิ่งกว่าสิ่งใด

                        ใช้ใจ...เป็นกำลังใจก้าวไปสู่ฝัน

                ขณะนั่งรถกลับบ้าน  หลังจากการจัดทำค่ายเยาชนต้นกล้าเก่งและดี TO BE NUMBER ONE  โดยโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านน้ำพ่นร่วมกับองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านน้ำพ่นได้จัดขึ้นมา  วันนี้เป็นวันสิ้นสุดการอบรมแล้ว ฉันเป็นหนึ่งในวิทยากรค่าย รู้สึกเหนื่อยมากแทบจะลืมตาไม่ไหว  กับการทำงานทั้ง 9 วัน 8 คืน  ได้แต่คิดในใจว่า  สิ่งที่ทำมานั้น ผลจะเป็นอย่างไรนะ เยาวชนเหล่านี้เขาจะเป็นอย่างไรต่อไป 

              พอกลับมาถึงบ้าน   นึกไม่ถึงเลยว่ามีสิ่งที่ทำให้ฉันต้องหายเหนื่อยเมื่อกลับมาเจอเหตุการณ์ๆหนึ่งที่ฉันแทบไม่เชื่อในสายตาตัวเอง   นายน๊อต  อายุ  17 ปี หนึ่งในผู้เข้าร่วมอบรมค่ายเยาวชนต้นกล้าเก่งและดี TO BE NUMBER ONE        ภาพที่เห็นคือ  เมื่อออกจากค่ายมาถึงบ้าน สิ่งแรกที่นายน๊อตทำ คือ ก้มลงกราบเท้าแม่ของเขาพร้อมกับน้ำตาไหลอาบแก้ม บอกกับแม่ของเขาว่า “ ที่ผ่านมาผมทำตัวไม่ดี  ต่อไปผมจะเป็นคนดี  ผมจะไม่ทำให้แม่ต้องลำบากใจ  จะเลิกเสพกัญชา  เลิกคบเพื่อนที่ไม่ดี จะช่วยแม่และพ่อทำงานหาเงิน เพื่อเลี้ยงน้อง”  แม่ของนายน๊อตนั่งฟังยิ้มทั้งน้ำตา แววตาปลื้มปิติ   ทุกคนที่อยู่ ณ ตรงนั้น รวมทั้งฉัน ต่างก็แปลกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น  คาดไม่ถึงว่า นายน๊อต ซึ่งเป็นคนไม่เคยอ่อนน้อม  เป็นเด็กดื้อ เกเร  คบเพื่อนไม่ดี  ไม่เชื่อฟังพ่อแม่   มีพฤติกรรมที่ไม่ดีมาตลอด  จะกล้าพูดกล้าทำในสิ่งดีๆแบบนี้ได้   ฉันมองดูสีหน้าทุกคนคงมีความรู้สึกไม่ต่างจากฉัน  ทุกคนต่างก็ตะลึงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจนพูดไม่ออก   ทุกอย่างเหมือนการจัดฉากแสดงละครที่ลงตัวมาก  เขาไม่ใช่นายน๊อตคนเดิมแล้ว ระยะเวลา 9 วัน ทำให้เขาเปลี่ยนไปได้ราวฟ้ากับเหว ดั่งเช่นมีใครมาเนรมิตเขาขึ้นมาใหม่    อย่างไรก็ตาม  ฉันยังคงไม่เชื่ออย่างสนิทใจว่าภาพที่เห็นและคำพูดของนายน๊อตนั้นเขาจะทำได้จริง   ฉันยังเฝ้าติดตามดูอยู่ทุกวัน จนกระทั่งเวลาผ่านมา 1 เดือน นายน๊อตปฏิบัติตัวดีมาตลอด  จากที่เคยไปโรงเรียนสายเกือบเวลาพระฉันเพล ก็ไปแต่เช้า  จากที่เคยไปเล่นเกเรกับเพื่อนก็กลับมาทำงานช่วยพ่อแม่ทุกวัน   พฤติกรรมที่เห็นเปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือ ซึ่งที่ผ่านมาพ่อแม่ของนายน๊อตพยายามทำทุกวิธีทางเพื่อให้ลูกเป็นคนดี ไม่เกเร ไม่เสพยาเสพติด แต่ก็ไม่เคยประสบผลสำเร็จสักที   ฉันมองว่า  การที่เราจะเปลี่ยนแปลงจิตใจหรือความเชื่อของมนุษย์นั้น ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย  ขนาดผู้ซึ่งเป็นพ่อแม่แท้ๆของเขายังทำไม่ได้เลย  ฉันยังคงมีปริศนาในใจ ว่า  อะไร? ทำให้นายน๊อตคิดได้ และสำนึกได้ถึงเพียงนี้  ประโยคเดียวที่นายน๊อตตอบฉัน คือ   “ผมพึ่งได้รู้ว่าพ่อแม่เหนื่อยเพื่อผมมาก  และตัวผมยังมีค่าพอสำหรับทุกคน  ผมพึ่งรู้ว่าทุกคนรักผม ถ้าไม่ได้ไปเข้าอบรมเยาวชนต้นกล้า ผมคงยังสำนึกไม่ได้”   ฉันได้ฟังแล้ว ทำให้ความเหนื่อยล้าที่สะสมมาทั้ง 9 วัน 8 คืน ได้หายวับไปภายในเสี้ยววินาทีนั้น     รู้สึกว่าทุกอย่างที่ทำมาช่างคุ้มค่าเสียจริง  นี่คือค่าตอบแทนที่ดีที่สุดสำหรับฉัน   ในการจัดทำค่ายนี้ขึ้นมา ไม่ได้หวังว่าผู้เข้าร่วมอบรมทุกคนจะเลิกยาเสพติดได้ 100% แค่หวังว่าให้เขามีจิตสำนึกที่ดีขึ้น  เปลี่ยนความคิดของเขาให้รู้สำนึกผิดได้ นี่คือสิ่งที่ล้ำค่าและไม่ได้ทำได้ง่ายๆเลย ฉันจึงภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง ความเหนื่อยล้าทั้งหลาย มันหายไปหมดแล้ว  มีแต่ภาพดีๆที่เกิดขึ้น   จากที่ฟังนายน๊อตพูด  หลักใหญ่ใจความ ก็คือ  ที่คิดได้ก็เพราะรู้ว่าตัวเองมีคุณค่าพอ  นั่นก็หมายความว่า  การรับรู้คุณค่าของตนเองนั่นสำคัญยิ่งกว่าสิ่งใด  แสดงให้เห็นว่าสาเหตุที่ทำให้นายน๊อตติดยาเสพติดและเกเรนั้น ก็คือ  เขามีความรู้สึกว่าตัวเองไม่มีคุณค่า   ทำให้ได้ข้อคิดว่า  สิ่งสำคัญอย่างหนึ่งในการบำบัดรักษาผู้ติดยาเสพติดที่เราไม่ควรลืมก็คือ  เราจะต้องทำให้เขารู้ว่าตัวเองมีคุณค่าต่อคนอื่นและสังคม  เน้นในเรื่องของการให้กำลังใจสำคัญที่สุด ซึ่งการอบรมครั้งนี้ก็ได้มุ่งเน้นในเรื่องของจิตใจ การให้กำลังใจ  การชมเชยในสิ่งที่เขาทำได้ดี  เช่น การแสดงความรักความห่วงใยของครูพี่เลี้ยงที่มีต่อเขา    การใช้สื่อการสอนในเรื่องของบุพการี  บาป  บุญ  คุณ  โทษ  ของยาเสพติด                                                                                                                                              

                เรื่องเล่านี้ทำให้ฉันได้แง่คิดดีๆ ที่จะนำไปสานต่อและพัฒนาการทำงาน โดยเฉพาะในด้านของการบำบัด  สุขภาพจิต  หรือการให้คำปรึกษาต่อไป 

                  ความสำเร็จครั้งนี้ไม่ใช่แค่เป็นผลดีต่อนายน๊อตคนเดียวเท่านั้น  แต่เป็นผลดีต่อครอบครัวของเขา และสังคมของเราด้วย..... เพราะสังคมจะดีได้ต้องเริ่มที่หน่วยย่อยที่สุด คือ  บุคคล และ ครอบครัว นั่นเอง   

 

                                                             เล่าโดย                    

                                                  นางสาวสาลินี   ฮุยเสนา

                                                        พยาบาลวิชาชีพ

                                      โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านน้ำพ่น

                                               อ.หนองวัวซอ          จ.อุดรธานี

 

 

 

หมายเลขบันทึก: 496390เขียนเมื่อ 29 กรกฎาคม 2012 15:55 น. ()แก้ไขเมื่อ 30 กรกฎาคม 2012 09:04 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

นำสิ่งดีๆ ที่บางครั้งเราอาจลืมนึกถึง การรับรู้คุณค่าในตัวเอง ทำให้คนเรามีกำลังใจสู้ต่อไปได้

สังคมจะดีได้ต้องเริ่มที่บุคคลและครอบครัว

ไม้อ่อนพอดัดได้นะคะ....คุณค่าต้นกล้า ... สู่ไม้ใหญ่แข็งแรง เกื้อกูลกันต่อไป

ถ้าผู้ใหญ่ทุกคนช่วยกันดูแล และเป็นตัวอย่างที่ดีให้เเก่เด็กๆ ต้นกล้าเล็กๆนี้ก็จะเติบโตได้อย่างสวยงาม ค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท