สถานีความคิด :
เพลง "สัมพุทธะชยันตี"
ศิลปิน "รวมศิลปินชาวพุทธแห่งศรีลังกา"
(๑)
มีพระราชาอยู่องค์หนึ่ง พระองค์ทรงเป็นพระราชาที่ทรงธรรม ปกครองบ้านเมืองด้วยทศพิธราชธรรมเสมอมา จนทำให้แว่นแคว้นของพระองค์มีแต่ความสงบสุขและเจริญรุ่งเรืองก้าวหน้ายิ่งกว่าแคว้นอื่นๆ พระองค์ทรงโปรดการสนทนาธรรมและสดับฟังพระธรรมเทศนาจากพระสงฆ์อย่างมาก ด้วยเหตุนี้พระองค์จึงตรัสสั่งให้เสนาอำมาตย์ไปนิมนต์พระภิกษุสงฆ์มาแสดงพรธธรรมเทศนาโปรดทุกๆ วันพระ เพื่อจะได้นำเอาหลักธรรมที่พระสงฆ์แสดงให้ฟังมาประยุกต์ใช้ในการปกครองบ้านเมือง
วันหนึ่ง พระองค์ตรัสสั่งให้อำมาตย์ของพระองค์ไปนิมนต์พระมาแสดงธรรมเทศนาโปรดตามปกติเหมือนที่เคยปฏิบัติมา แต่เมื่อท่านอำมาตย์เดินทางไปถึงวัด ปรากฏว่าไม่มีพระเถรานุเถระอยู่ในวัดเลยสักรูป เพราะท่านเดินทางออกไปธุดงค์กันหมด เหลือเพียงสามเณรน้อยรูปเดียวที่อยู่เฝ้าวัดตามลำพัง เมื่อไม่รู้จะทำอย่างไรดี ท่านอำมาตย์ก็เลยถามสามเณรน้อยไปว่าสามเณรสามารถแสดงธรรมเทศนาโปรดพระราชาได้หรือไม่ สามาเณรตอบว่าได้ ท่านอำมาตย์ก็เลยจำเป็นต้องนิมนต์สามเณรน้อยเข้าไปแสดงพระธรรมเทศนาโปรดพระราชาในวังหลวง เพราะถึงอย่างไรเสียการนิมนต์สามเณรไป ก็ยังดีกว่าไม่ได้ใครไปเลย เพราะอาจจะทำให้พระราชาทรงกริ้วได้
เมื่อเดินทางไปถึงวังหลวงเรียบร้อยแล้ว ท่านอำมาตย์ได้กราบทูลให้พระราชาทรงทราบถึงสาเหตุที่ต้องนิมนต์สามเณรน้อยมาแสดงพระธรรมเทศนาโปรดแทนพระเถระทั้งหลาย ซึ่งพระองค์ก็ทรงเข้าพระทัย เมื่อได้เวลาอันสมควรแล้ว ท่านอำมาตย์ก็นิมนต์สามเณรน้อยขึ้นสู่ธรรมาสน์หลวงที่ตั้งอยู่เฉพาะพระพักตร์ของพระราชา เพื่อให้ทรงแสดงธรรมโปรดพระราชาและข้าราชบริภารทั้งหลาย
ฝ่ายสามเณรน้อย ครั้นเมื่อขึ้นนั่งบนธรรมาสน์หลวงเรียบร้อยแล้ว ก็มองสบพระเนตรของพระราชาและยิ้มนิดหนึ่ง เมื่อพนักงานพิธีอาราธนาธรรมเสร็จแล้ว สามเณรน้อยก็เริ่มแสดงธรรมเทศนาโปรดพระราชาพร้อมด้วยข้าราชบริภารทันที ด้วยการตั้งบทไหว้ครูว่า
“นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ” 3 จบ
จากนั้นก็สูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ และเปล่งเสียงอันดังก้องออกมาว่า “โอดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด ท่น (อดทน)”
แล้วก็ลงท้ายด้วยคำว่า “เอวัง ก็มีด้วยประการฉะนี้ ขอถวายพระพร”
จากนั้นก็เดินลงจากธรรมาสน์หลวงและรีบเดินกลับวัดทันที โดยที่ไม่สนใจเสียงใครทั้งสิ้น ปล่อยให้พระราชาและเหล่าเสนาอำมาตย์ทั้งหลายพากันงงและมึนหัวไปตามๆ กัน
เมื่อทรงตั้งสติได้ พระราชาก็ได้เสด็จพระราชดำเนินไปที่วัดด้วยพระองค์เอง เพื่อตรัสถามสามเณรน้อยให้หายสงสัยว่าทำไมถึงเทศน์สั้นนัก และสิ่งที่เทศน์นั้นมีความหมายว่าอย่างไรกัน เมื่อสามเณรได้ฟังดังนั้น ก็เลยอธิบายถวายพระราชาว่า
”ดูก่อนมหาบพิตรผู้ประเสริฐ สิ่งที่อาตมาภาพได้แสดงโปรดพระองค์วันนี้ คือธรรมะที่เรียกว่า “ขันติ หรือความอดทน” ซึ่งเป็นหลักธรรมที่มีความจำเป็นและมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อชีวิตของมนุษย์ คนเราทุกคนต่างก็มีภาระหน้าที่หรือการงานที่จะต้องทำ งานใหญ่บ้างเล็กบ้าง มีทั้งหนักและเบา มีทั้งการได้รับและการสูญเสีย ที่เป็นทั้งความสุขและความเจ็บปวด ซึ่งไม่ว่าเราจะตกอยู่ในสถานการณ์อย่างไรก็ตาม สิ่งหนึ่งที่เราจะต้องมีอยู่และขาดไม่ได้ก็คือ “ความอดทน” เพราะถ้าหากขาดความอดทนเสียแล้ว เราก็ไม่อาจจะข้ามพ้นอุปสรรคปัญหาหรือความทุกข์ยากต่างๆ ไปได้ และเราจะกลายเป็นคนที่พ่ายแพ้ในที่สุด
ความอดทนทำให้คนเป็นนักปราชญ์ ความอดทนสร้างคนให้ยิ่งใหญ่ ความอดทนทำให้คนเป็นวีระบุรุษ ความอดทนทำให้คนประสบความสำเร็จ ยิ่งมหาบพิตรทรงเป็นพระราชาผู้ยิ่งใหญ่ด้วยแล้ว ยิ่งจะต้องทรงมี”ขันติ หรือความอดทน” มากกว่าผู้อื่น ถ้าหากพระองค์ทรงมีขันติอยู่เสมอแล้ว ความยากต่างๆ ก็จะกลายเป็นความง่าย อุปสรรค์หรือปัญหาต่างๆ ก็จะพลอยหมดลงไปด้วย เพราะเมื่อมีขันติแล้ว สติปัญญาและแสงสว่างต่างๆ ก็จะเกิดขึ้นตามมาเสมอ ซึ่งจะทำให้เราสามารถนำเอาไปใช้แก้ไขปัญหาในชีวิตได้ตลอดเวลา”
เมื่อสามเณรน้อยอธิบายความหมายของคำว่า “ขันติ” เสร็จ พระราชาได้ทรงก้มลงกราบที่เท้าของสามเณรน้อยด้วยความปลื้มปีติในพระทัย พร้อมกับนิมนต์สามเณรไปฉันภัตตาเพลในวังหลวงทุกวันพระ จากนั้นพระองค์ก็ทรงเสด็จพระราชดำเนินกลับไปยังพระบรมมหาราชวัง
(๒)
ชีวิตของคนเราแต่ละคน เราต่างก็มีที่มาและที่ไปที่แตกต่างกัน สิ่งหนึ่งที่เหมือนกันมากที่สุด นั่นก็คือ เราต่างก็รักชีวิตด้วยกันทุกคน ไม่ว่าเราจะต้องตกอยู่ในสภาพใดก็ตาม เพราะชีวิตของคนเรานั้นช่างมีคุณค่ามากมายและงดงามมากเหลือเกิน
ในยามใดก็ตามที่มีอุปสรรคหรือปัญหาเกิดขึ้นในชีวิต เราจึงไม่ควรที่จะท้อแท้หรือคิดสั้น หากแต่จงอดทน กล้าหาญ และต่อสู้จนกว่าอุปสรรคหรือปัญหาเหล่านั้นจะผ่านพ้นไปหรือเบาบางลง ขอให้คิดอยู่เสมอว่าอุปสรรคและปัญหาต่างๆ เหล่านั้น ล้วนแต่เป็นเครื่องมือที่จะพิสูจน์ถึงความอดทนของเรา และเป็นเครื่องชี้วัดว่าเราเป็นคนที่มีศักยภาพมากน้อยเพียงใด
เมื่อมีปัญหาเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นปัญหาเรื่องสุขภาพ ปัญหาทางจิตใจ ปัญหาเรื่องการงาน ปัญหาหนี้สิน ปัญหาเรื่องคน ปัญหาเรื่องการเมือง หรือปัญหาเรื่องใดๆ ก็ตาม จงอย่ายอมแพ้ อย่าอ่อนแอ อย่าเบื่อหน่าย และอย่าวิ่งหนี แต่จงอดทนและเข้มแข็งอยู่ตลอดเวลา
แล้วเราจะสามารถข้ามพ้นทุกอย่างไปได้ในที่สุด
อดทนต่อการทำดี น่ารักดี ดูแล้วมีสุข
"..... ชีวิตของคนเราแต่ละคน เราต่างก็มีที่มาและที่ไปที่แตกต่างกัน สิ่งหนึ่งที่เหมือนกันมากที่สุด นั่นก็คือ เราต่างก็รักชีวิตด้วยกันทุกคน ...แล้วเราจะสามารถข้ามพ้นทุก...........แล้วเราจะสามารถข้ามพ้นทุกข์....อย่างไปได้ในที่สุด.........." ชอบมากครับ
สามสาวนี่ ใครเอ่ย?
สามเณรน้อยดูน่ารัก น่าเลื่อมใสจังครับ
สวัสดีครับ ท่าน วอญ่า-ผู้เฒ่า-natachoei--
ขอบคุณมากๆ ครับ ที่กรุณาแวะเข้ามาเยี่ยมและให้กำลังใจอย่างสม่ำเสมอ
ความภาคภูมิใจ ของพ่อ แม่ ปู่ ย่า ตา ยาย ครอบครัว ได้เห็นผ้าเหลือง และฝึกให้้เณร มีความอดทน ความอดทน==>คือ ธรรมะ ข้อหนึ่งนะคะ
ขอบคุณ บทความดีดีนี้นะคะ
สวัสดีครับ คุณหมออดิเรก(ทิมดาบ)
* "ขันติ ธีรัสสะลังกาโร ความอดทนเป็นอาภรณ์ของนักปราชญ์" นะครับ
** ขอบคุณมากๆ ครับ ที่คอยให้กำลังใจเสมอมา
สวัสดีครับ คุณหมอ ป.
สามสาวน้อยในภาพ คือ น้องพลอย น้องน้ำหวาน และน้องเพียงพอ นะครับ
กำลังยืนรอใส่บาตรเณรน้อยเมื่อตอนเดือนเมษายนที่ผ่านมาครับ
สวัสดีครับ คุณ พ.แจ่มจำรัส
ภาพชุดนี้ผมถ่ายเอาไว้ตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมานะครับ
พอดีในบันทึกนี้เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับเณรน้อย ผมก็เลยถือโอกาสนำเอารูปของเณรน้อยมาลงเอาไว้ด้วย
ซึ่งก็ดูน่ารักไปอีกแบบนะครับ
สวัสดีครับ คุณ Somsri
* ในบันทึกเรื่องนี้เล่าถึงเณรน้อย ผมก็เลยถือโอกาสนำเอารูปของเณรน้อยมาลงประกอบด้วย ซึ่งดูแล้วก็น่ารักมากเลยนะครับ
** "ขันติ ธีรัสสะลังกาโร ความอดทนเป็นอาภรณ์ของนักปราชญ์" นะครับ
ความอดทนเท่านั้นที่จะทำให้คนสามารถก้าวข้ามความทุกข์หรือปัญหาต่างๆ ได้
ดูแล้วสุขสงบสมกับความอดทนจริงๆค่ะ
สวัสดีครับ คุณครู krugui
ขอบคุณมากๆ ครับ ที่กรุณาแวะเข้ามาเยี่ยมและให้กำลังใจ
หากป้ากี้มีโอกาสผ่านมาทางสันกำแพง ก็อย่าลืมแวะเข้ามาแอ่วบ้านแม่ตาดนะครับ
อนุโมทนาบุญนะคะ สู้สู้
สนุก ได้ธรรมะ ด้วย สวัสดีครับ
สวัสดีครับ คุณ kunrapee
ขอบคุณครับที่แวะเข้ามาเยือน
ขอให้อดทนและสู้ๆ ตลอดเวลานะครับ
สวัสดีครับ คุณแว่นธรรมทอง
ขอบคุณมากๆ ครับ ที่แวะเข้ามาเยี่ยมและให้กำลังใจเป็นประจำ