สืบเนื่องจากตอนที่ 1 ที่ระบบการศึกษารวมถึงสังคมประเทศชาติ ชาวโลกพากันตื่นตัวเรื่องเทคโนโลยีแล้วนำวัสดุอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ ซอฟแวร์เหล่านั้นที่คิดว่าทันสมัยมาติดตั้งอยู่ในโรงเรียนเพื่ออัฟเกรด ยกฐานะของโรงเรียนให้ดูเท่าเทียมกับโรงเรียนไฮโซที่เขามีทุนเยอะๆ โดยยึดคำที่ว่าโรงเรียนในฝัน ซึ่งบันดาล งบประมาณมาพัฒนาโรงเรียนตามมาซึ่งถือว่าน่าสนใจสำหรับการบริหารจัดการเงินก้อนนั้น แต่จริงๆแล้ว โรงเรียนในฝันทั้งหลายก็คือโรงเรียนนายฝัน ดี ๆนี่เอง
...ค่านิยมเหล่านี้มาตกอยู่ที่เด็กโดยไม่รู้ตัว พวกเขาบริโภคเทคโนโลยีอย่างเมามันถึงขั้นเสพติด ขาดไม่ได้แม้แต่วันเดียวเพราะสถาบันยกระดับเทคโนโลยีให้สำคัญสูงสุดยิ่งกว่าการเห็นคุณค่าของตัวตน/บุคคลแวดล้อม/วัฒนธรรมดั้งเดิมที่ดีๆ แถมพ่อแม่ผู้ปกครองยังให้ความสำคัญอาทิ ซื้อไห้เป็นรางวัลแก่ลูก ๆ เนื่องในโอกาสต่าง ๆ ก็ดีค่ะ ไม่ได้อิจฉา แต่เมื่อเด็กเขาได้อุปกรณ์เหล่านี้ไปแล้ว เขาใช้มันไปในทางที่เหมาะสมหรือไม่ ช่วยติดตามหน่อย...
ปัจจุบันจึงรับผลที่เกิดขึ้นจากปัจจัยดังกล่าว ก็หาวิธีแก้ไขกันไปจนกว่าจะอิ่มตัวซึ่งไม่รู้ว่าอีกนานแค่ไหน... แถมรัฐบาลยังสนับสนุนเทคโนโลยีจนเกินงาม เอาแทปเล็ตมาแจกเด็กให้เสพติดอีก รับเองละกัน กับผลร้ายที่ตามมา ผลดีก็คงมีบ้าง ที่สำคัญคุณครูที่สอนตามโรงเรียนต่าง ๆ ร้อยละ 90 ยังตามไม่ทันกับเรื่องนี้ซึ่งอยู่ในระดับมากถึงมากที่สุด
สิ่งที่อยากให้มีในระบบการศึกษาไทยยุค 2020 คือการให้สถานศึกษาอบรมสั่งสอนการใช้เทคโนโลยีอย่างถูกทิศทาง เพื่อพัฒนา ไม่ใช่มอมเมา ใช้อย่างเหมาะสมกับฐานะของสถาบัน ไม่ต้องไปตะกายฝันมากเดี๋ยวโรงเรียนจะเป็นหนี้มาก โดยเฉพาะหนี้บุญคุณกับนักการเมืองทีเอื้อประโยชน์ให้จนทำให้โรงเรียนขาดศักดิ์ศรี บุคลากรทางการศึกษาขาดเอกภาพเพราะความริษยากันเอง ทำลายกันเอง อยากให้ครูทั้งหลายเน้นสอนเด็กให้รู้จักคิดแยกแยะดี-ชั่ว มีวิจารณญาณในการดำเนินชีวิตในทุกเรื่องทั้งทางสังคม เศรษฐกิจ การเมือง ศีลธรรมต่าง ๆ ซึ่งเปลี่ยนไปมากจนแยกแยะไม่ถูก ซึ่งเด็กอาจตกเป็นเหยื่อของผู้ที่ "หวังดีประสงค์ร้าย" โดยไม่รู้ตัว
ไม่มีความเห็น