"ฉันไม่อยากกลับไปเจอสภาพเเวดล้อมเดิม ๆ ที่เดิม ๆ มันจะทำให้ฉันคิดถึงลูกชายที่จากฉันไปมากยิ่งขึ้น ขอฉันอยู่กับญาติที่อื่นสักพัก เมื่อฉันดีขึ้นเเล้ว ฉันจะกลับไปในที่ที่มีแต่ความทรงจำกับลูกชาย"
เมื่อฉันได้ยินคำพูดเหล่านี้จากลูกความ แม้ว่าจะถูกเเปลจากภาษาหนึ่งมาเป็นภาษาไทยเพื่อให้ฉันเข้าใจ มันก็ทำให้ฉันสะดุด ไม่อยากให้เธอต้องรับรู้อะไรอีกที่จะไปกระทบกระเทือนจิตใจของเธอ ไม่อยากถามอะไรต่อกับเธออีกเเล้ว แต่ต้องมีอะไรอีกหลายอย่างที่เธอจะต้องรับรู้ และตัดสินใจเพื่อแก้ปัญหาต่าง ๆ ที่จะตามมาต่อไป ซึ่งฉันก็ไม่กล้าพอที่จะบอกกับเธอในเวลานั้นทีเดียว ฉันคงต้องค่อย ๆ ให้เธอมีกำลังใจมากกว่านี้ และพยายามอธิบายให้เธอเข้าใจเรื่องราว และบอกกับฉันว่าสุดท้ายเธอจะทำอย่างไร ฉันพร้อมจะช่วยเธอเสมอ
ไม่ว่าเธอจะตัดสินใจอย่างไร ฉันในฐานะพี่เลี้ยง ที่ปรึกษา นักกฎหมาย ก็คงต้องปฏิบัติตามในสิ่งที่เธอเลือกแล้ว และฉันก็ได้ทำหน้าที่ของฉันอย่างดีที่สุดแล้ว ในบางครั้งสิ่งที่ฉันทำไปก็ดูเหมือนฉันจะเป็นลูกความเสียเอง เป็นคนถูกละเมิดสิทธิเสียเอง ไม่ใช่ในฐานะที่ควรจะเป็น ฉันก็ต้องควบคุมอารมณ์ของฉันให้ได้ แต่ฉันไม่เข้าใจว่าคนที่กระทำกับลูกความ คนที่เบียดเบียนในสิ่งที่ลูกความจะได้
พวกเขาไม่เข้าใจความทุกข์ ความเดือดร้อนที่ลูกความของฉันได้รับมาทั้งหมดเลยเหรอ!!!!
อาจารย์เสน่ห์ จามริก เคยสอน อ.แหววและ อ.ต้อยใก้มีทั้งสมองและหัวใจกับทุกสิ่งรอบตัว เราเจ็บปวดกับเจ้าของปัญหาทเป็นลูกความได้ เราเป็นมนุษย์ ซึ่งมีหัวใจ จึงต้องรู้สึกให้ได้ทุกรสชาดของความจริง มันจะสร้างพลังให้แก่เรา ข้อเสียก็คือ อารมณ์ท้อจนจำนน อารมณ์โกรธจนไร้สติก็มาด้วยได้ จึงต้องยกสมองกับหัวใจ ร้องไห้กับเคสก็ได้ แต่ต้องแสดงกำลังใจและความมั่นใจที่จะเผชิญหนาและสู้ สิ่งที่เรารู้สึกได้ด้วยใจ. จะถ่ายทอดไปยังเคสค่ะ เขาจะกลายเป็นทนายความตีนเปล่าให้ตัวเขาเองและครอบครัวได้ค่ะ และเขาก็จะเอื้อมมือไปช่วยคนอื่นได้ค่ะ