ในยุคต่อนี้ เมื่อประเทศเราเข้าเป็นสมาชิกอาเซียนพวกเราก็สามารถที่จะไปทำงานที่ไหนก็ได้ในประเทศสมาชิก ตัวผู้รับบริการก็เพิ่มขึ้นจาก 70 ล้านเป็น 600 ล้านคน ในประมาณสิบประเทศ โอกาสก็ดีขึ้นสิบเท่านะ อุปสรรค์ก็สิบเท่าเหมือนกันเป็นแน่ และเราก็ได้รู้แล้วว่าแรงงานคุณภาพที่ตกลงให้สามารถไปทำงานได้อย่างเสรี ขณะนี้มี 7 อาชีพ นะครับ ก็มี แพทย์ ,ทันตแพทย์ ,วิศวกร ,สถาปนิค, นักสำรวจ, นักบัญชี ,พยาบาล ครับ
ตอนนี้ลูกผมอยู่มอสอง ฝันอยากเป็นหมอนะครับ เราอยู่ต่างจังหวัดข้อมูลหรือภาพการทำงานของวิชาชีพอื่นๆ นั้นมองไม่เห็น นึกภาพไม่ออกเลย ครอบครัวเราทำงานใน รพ. ภาพการทำงานของคนโรงพยาบาลก็เป็นสิ่งที่เราคุ้นเคย
ด้วยประสบการณ์ที่มีคุณแม่ทำงานเป็นพยาบาล ซึ่งเป็นอาชีพข้าราชการ รัฐจำกัดการเติบโตด้วยภาระทางการเงินของประเทศ จำนวนพยาบาลในงานบริการก็ขาดแคลน ทำให้มีภาระงานหนักมาก การจะเลือกเรียนตรงนี้ ก็ลืมกันไปเลย ส่วนในอาชีพแพทย์นั้นยังเป็นทางออกสำหรับเด็กต่างจังหวัด ก็เลยนิยมเรียนกัน
สิ่งสำคัญที่อยากคุยด้วยก็คือ มีหลายคนนะครับที่เป็นแพทย์ เขาก็ส่งเสริมให้ลูกไปเรียนในสาขาอื่นๆ เรียนด้านกฎหมาย ด้านบัญชี ด้วยว่างานสบาย ไม่ต้องทำงานกับคนป่วยซึ่งไม่มีความสุข เงินตอบแทนก็มากเทียบเท่ากันหรือเหนือกว่า
จากข้อมูลที่มีวันนี้ เริ่มด้วยว่าเรานั้น ประทับใจกับการจัดการการเงินส่วนบุคคลนะ จากหนังสือเศรษฐีชี้ทางรวย ซึ่งบอกเล่าเรื่องราวของหลักการใช้เงินของบาบิโลน ตรงนี้ก็ทำให้เราอยากเลือกให้ลูกมีความรู้ด้านการบริหารการเงิน สนใจวิชาชีพทางการเป็นนักบัญชี เพื่อที่จะได้ไม่ต้องมาทำงานหนัก อดนอน ชีวิตผิดคนธรรมดา อะไรประมาณนี้ เราได้เล่าได้คุยกันหลายครั้ง ก็ได้แค่รับทราบความปรารถนาของคุณพ่อคุณแม่แค่นั้น
ทำไมนะหรือ ถึงได้เปลี่ยนใจยากนัก
สิ่งสำคัญก็คือ ครอบครัวเรายังเป็นครอบครัวข้าราชการที่ไม่มีกิจการและเงินก้อนรองรับ
เมื่อเรียนจบแล้วก็สามารถใช้วิชาบริหารมาใช้กับกิจการของตัวเอง ตรงนี้เลยทำให้ไม่กล้าในการตัดสินใจเรียนวิชาที่มีความเสี่ยงต่อการหางานทำยาก เขาจึงบอกว่าจะเรียนหมอเป็นพื้นก่อนเพื่อจะได้รอดตัวไว้ก่อนแล้วค่อยไปสร้างกิจการอะไรต่อไป..ในส่วนของการทำตามแนวคิดคุณพ่อคุณแม่น่าจะทำในยุคครอบครัวของเขา ผมก็เลยไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรต่อ
ทั้งๆ ที่รู้ว่างานแพทย์ต่างจังหวัดสุดหนัก ชีวิตมีแต่งาน น่ะครับ
ผมบอกลูกว่า...เป็นอะไรก็ได้...ขอให้ได้ทำสิ่งที่ตัวเองรัก และช่วยเหลือคนอื่นบ้าง...อย่างน้อยทักทายกัน...สวัสดีครับ
เราก้าวหน้ากันนะครับคุณทิมดาบ วันนี้เราพูดกันไกลเป็นสิบปี อาชีพที่ตนเองรัก หากทำได้จริง คุณพ่อก็ใจกว้างมากๆ ครับ เค้าเกิดชอบ เล่นดนตรี เป็นนักเขียน ..เราก็ติดตามผลงาน และชื่นชมไปกับเขาด้วยนะครับ
สวัสดีครับอาจารย์วิ เรื่องที่เล่ามา น่าสนใจมากครับ และผมก็ชื่นชมน้องเค้านะ เพราะใจถึง กล้าตัดสินใจครับ กล้าที่จะบอกว่าอะไรที่ตัวเองชอบ ปกติเด็กๆ จะไม่ทำกันเนื่องจากเขาจะเรียนช้าและไปเรียนกับรุ่นน้อง จำต้องเรียนแบบภาคภูมิและจบไปทำงาน ในสาขาที่ฝืน สุดท้ายก็ได้รับความชื่นชมจากคนรายล้อมนะ จากนั้นเขาทำงานในหน้าที่การงานที่ภูมิใจ แต่ภายในใจนั้นแสนจะเป็นทุกข์ แล้วก็บอกใครไม่ได้ สถานการณ์แบบนี้ไม่ดีหรอกครับ
หากเขาบอกเรา คุยกับเรา และเราก็ยอมเข้าใจเขา เข้าข้างเขา ด้วยหลักที่ถูกต้อง คือทำอะไรก็ได้นะที่หนูมีความสุข เงินทองอาจจะน้อยนะ หากแต่เขาโล่งหัว หรือมีรอยยิ้มเมื่อกลับมาบ้าน แบบนี้ต่อให้ต้องเรียนสิบปี ผมก็ยินดีไปกับลูกด้วย ขอบคุณบันทึกดีดีนะครับ :)
ถ้าปริมมีลูก ปริมจะบอกลูกว่าเป็นอะไรก็ได้ที่อยากเป็น ที่ตัวเองทำได้ดีและรักที่จะทำค่ะ เพราะนั่นจะทำให้เขามีความสุข ตั้งแต่เด็กเราก็เลือกเองมาตลอด ผิดบ้างถูกบ้างแต่ก็ประคองมาจนได้และมีความสุขในสิ่งที่เราทำ ขอให้สมดังหวังนะคะ :)
ขอบคุณคุณปริม นะครับ ขอให้มีลูกบ้าง นะ มันสนุกมากๆ เลยล่ะ