“empathy” – สิ่งที่เรียกว่าความ “เข้าใจ”


๑.

นานมาแล้วในสมัยที่ไอศครีมซันเดย์ยังคงมีราคาไม่แพงนัก เด็กชายวัยสิบขวบคนหนึ่งเดินเข้าไปในร้านกาแฟ เขานั่งลงที่โต๊ะในมุมหนึ่ง พนักงานเสริฟเดินเข้ามาเอาน้ำเปล่าวางลงตรงหน้าเด็กชาย ๑ แก้ว

เด็กน้อยถามว่า “ไอศครีมซันเดย์ราคาเท่าไหร่ครับ?”

“๕๐ เซ็นต์” พนักงานเสริฟตอบ

เด็กน้อยล้วงกระเป๋ากางเกงเอาเงินเหรียญที่มีออกมานับสักครู่ “แล้วถ้าเป็นไอศครีมธรรมดา ราคาเท่าไหร่ครับ?” เด็กชายถามต่อ

ขณะนั้นแขกคนอื่นๆ เริ่มทยอยเข้ามาในร้านหลายต่อหลายคน พนักงานหญิงจึงตอบอย่างเสียไม่ได้ “๓๕ เซนต์”

เด็กน้อยนับเหรียญในมืออีกครั้ง แล้วตอบว่า “ผมขอไอศครีมธรรมดาที่หนึ่งก็แล้วกัน”

พนักงานเสริฟนำไอศครีมมาเสริฟ วางบิลลงบนโต๊ะแล้วเดินจากไป เด็กชายคนนั้นกินไอศครีมเสร็จแแล้ว เอาบิลไปจ่ายเงินที่เคาน์เตอร์แล้วเดินออกไปจากร้าน

เมื่อพนักงานหญิงคนเดินกลับมาทำความสะอาดโต๊ะที่เด็กชายกินไอศครีม เธอรู้สึกตื้นตันใจอย่างมากที่ได้พบเงินเหรียญวางอยู่ข้างๆ ถ้วยไอศครีมเป็นจำนวน ๑๕ เซนต์ เด็กคนนั้นไม่ได้กินไอศครีมซันเดย์ที่เขาตั้งใจไว้ในตอนแรกเพื่อที่จะเหลือเงินไว้เป็นค่าทิปให้หล่อน

..

๒.

การให้ทิปไม่ใช่เป็นวัฒนธรรมของชาวเอเชียอย่างเราๆ แต่มันเป็นข้อควรทำยิ่งสำหรับชาวตะวันตกโดยเฉพาะชาวอเมริกัน ที่จะต้องจ่ายทิปประมาณ 15% ของราคาอาหารและเครื่องดื่ม ที่สิงคโปร์เวลาไปทานอาหารตามร้านต่างๆ ร้านอาหารส่วนใหญ่จะมีการคิดค่าบริการ Service Charge อยู่แล้วในอัตรา 10% ของราคาบิล แต่ร้านบางร้านก็ไม่คิดค่าบริการดังกล่าว แต่ฉันกับคนใกล้พยายามเสมอที่จะใส่ใจกับเรื่องนี้ โดยเป็นที่รู้กันว่าหากไม่มี Service Charge เราจะให้ทิปไว้ 10% เราทำแบบนี้กันมาตลอดจนเป็นกฎระหว่างเราไปแล้ว

ทำไมเราจึงทำอย่างนั้น? คงเป็นเพราะประสบการณ์ที่ฝังใจเราเสมอ…

เมื่อตอนที่ไปเรียนหนังสืออยู่ที่เมืองแมนเเชสเตอร์เมื่อสิบกว่าปีก่อน โรงเรียนที่เรียนอยู่ในตัวเมือง ฉันพักอยู่ที่หอพักในมหาวิทยาลัยซึ่งใช้เวลาเดินเข้าไปใจกลางเมืองไม่ถึง ๑๐ นาที เพื่อนๆ พี่ๆ คนไทยหลายๆ คนทีมาเรียนอยู่ที่นี่ที่ไม่ได้รับทุนรัฐบาล หรือคนที่ได้รับทุนรัฐบาลแต่อยากหารายได้เพิ่มเติมจึงมาทำงาน part time ที่ร้านอาหารไทยในเมือง ฉันเองก็เป็นหนึ่งในนั้นที่ไปทำงานในคืนวันศุกร์และเสาร์ซึ่งเป็นวันที่มีแขกมากที่สุดและทางร้านก็ต้องการพนักงานเพิ่ม  

บางวันก็ช่วยงานในครัวบางวันก็ช่วยเป็นพนักงานเสริฟแล้วแต่ความต้องการของพี่เจ้าของร้าน ที่นั่นฉันจึงได้โอกาสกินอาหารไทยฟรีทุกวันหยุด และได้เรียนรู้วิธีการทำกับข้าวไปด้วย ตอนนั้นเราได้ค่าจ้างกันคืนละ ๑๗ ปอนด์ รวมค่าทิปที่แบ่งกันด้วยแล้วคืนหนึ่งก็จะได้เงินกันคนละ ๓๐ ถึง ๓๕ ปอนด์ ถือเป็นเงินที่มากอยู่สำหรับนักเรียนอย่างเราๆ ในตอนนั้น 

คนใกล้ไม่ได้ทำงานที่ร้านอาหารแต่เขาก็พอรู้ว่ามันเป็นอย่างไร เพราะเขาเดินไปรับไปส่งฉันที่หอพักกับที่ทำงานหลังเลิกงานทุกครั้ง เขาจึงเห็นว่าในวันที่ไปทำงานพอกลับหอพักฉันแทบเดินไม่ได้ ด้วยเพราะเท้าที่ระบมไปเพราะการใส่รองเท้าส้นสูง ใส่ชุดพนักงานเสริฟเดินไปมาไม่หยุด ๔ - ๕ ชั่วโมง ณ ที่นั้นเองฉันกับเขาจึงได้เรียนรู้ว่าทิปมีความสำคัญต่อจิตใจคนทำงานบริการมากเท่าใด

 ..

๓.

เด็กชายคนหนึ่งเดินเข้าไปในร้านขายสัตว์เลี้ยงเพื่อซื้อลูกหมาไปเลี้ยง ลูกหมาสี่ตัวนั่งอยู่รวมกันในกรงมีราคาติดไว้ ตัวละ ๕๐๐๐ รูปี และก็มีลูกหมาอีกตัวนั่งอยู่ที่มุมกรงตัวเดียว เด็กชายถามคนขายว่าลูกหมาทั้งหมดนี้มาจากคอกเดียวกันหรือไม่ และลูกหมาที่นั่งอยู่ตัวเดียวนั้นมีไว้ขายหรือไม่ ทำไมมันจึงนั่งอยู่ตัวเดียว

เจ้าของร้านตอบว่าลูกหมาทั้งหมดนี้มาจากแม่เดียวกัน แต่ลูกหมาตัวที่นั่งอยู่ตัวเดียวนั้นมันไม่สมบูรณ์จึงไม่ได้วางขาย เด็กชายจึงถามต่อด้วยความสงสัยว่าทำไมมันไม่สมบูรณ์ เจ้าของร้านบอกว่ามันเกิดมาพิการขาข้างหนึ่งของมันลีบทำให้มันเดินไม่สะดวก เด็กชายจึงถามต่อว่าเขาจะทำอย่างไรกับลูกหมาตัวนี้ เจ้าของร้านตอบว่าคงต้องฉีดยาฆ่าให้มันตายไป

เด็กชายขออนุญาติเล่นกับลูกหมาตัวนั้นซึ่งเจ้าของร้านก็ยินยอม เด็กชายอุ้มลูกหมาไว้ในวงแขน ลูกหมาแลบลิ้นเลียที่หูของเด็กชาย วินาทีนั้นเด็กชายตัดสินใจว่าลูกหมาตัวนี้คือตัวที่เขาต้องการ แม้เจ้าของร้านจะตอบว่าลูกหมาตัวนั้นไม่ใช่มีไว้ขาย แต่เด็กชายก็ยืนยันหนักแน่นจนเจ้าของร้านใจอ่อน เด็กชายดึงเอาเงิน ๒๐๐ รูปีออกจากกระเป๋ากางเกงแล้ววิ่งออกจากร้านไปขออีก ๔๘๐๐ รูปีจากแม่ซึ่งยืนอยู่นอกร้าน

เมื่อเด็กชายกลับเข้ามาเจ้าของร้านบอกเขาว่า “ฉันไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไมเธอจึงจะจ่ายเงินเต็มราคาเพื่อลูกหมาที่ไม่สมประกอบตัวนี้ทั้งๆ ที่ตัวอื่นๆ ก็ดีกว่า?” เด็กชายไม่ตอบเพียงแต่เลิกขากางเกงให้เจ้าของร้านดูขาเทียมที่เขากำลังใส่อยู่ข้างหนึ่ง

เจ้าของร้านตอบว่า “ฉันเข้าใจละ อย่างนั้นเอาไปเถอะ ลูกหมาตัวนี้ฉันยกให้”

นี่แหละที่เรียกว่า “empathy” การเข้าใจความรู้สึกของผู้อื่น ที่ต้องการความเข้าใจตัวเองเพื่อเข้าใจผู้อื่น เป็นอีกหนึ่งทักษะในการใช้ชีวิตจากข้างในออกข้างนอก

 

เรื่องราวของเด็กชายทั้งสอง แปลจาก http://great-motivational-stories.blogspot.sg/

 
ด้วยความนอบน้อม

ปริม ทัดบุปผา

เมืองสิงโตตัวเล็กๆ

๒๘ มิถุนายน ๒๕๕๕

 

I am Soramame - Japanese Dog Movie

http://www.youtube.com/watch?v=i_DDbzEUZ9U&feature=results_main&playnext=1&list=PLA13002EBEEA7584B

หมายเลขบันทึก: 492687เขียนเมื่อ 27 มิถุนายน 2012 23:11 น. ()แก้ไขเมื่อ 29 มิถุนายน 2012 00:23 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (25)

สวัสดีค่ะคุณเกษเกล้า

ที่บอกว่าน่ารักนั้นเจ้าเหมียวหรือเจ้าตูบคะ เจ้าเหมียวคือ ลักกี้ - นางฟ้าในบ้านค่ะ เจ้าตูบชื่อแฮรี่ เป็นเพื่อนบ้านค่ะ ส่วนเจ้าหมาในวีดีโอ หมาของใครไม่รู้ค่ะแต่เห็นมันน่ารักดี เห็นแล้วนึกถึงฮาชิโกะค่ะ

ขอบคุณค่ะที่มาทักทายค่ะ :)

เรียนอาจารย์ ปริม Emphaty เข้าใจความรู้สึกของผู้อื่น

การให้บริการด้วยหัวใจความเป็นมนุษย์ ที่วงการพยาบาลพูดกัน ก็ไม่อาจเข้าถึงอย่างแท้จริงได้ หากขาดการเข้าใจความรู้กของผู้อื่น .... ".เพราะมนุษย์ ไม่ใช่เครื่องจักร จึงต้องการความรักและเข้าใจ"

Emphaty แม้ยังออกเสียงไม่ถูก แต่จะขอนำไปใช้ ในการคุยให้ พี่น้องชาว รพ.สตูลฟัง เรื่อง"ทำอย่างไรให้หัวใจมีSHA"

เพราะการเข้าใจความรู้สึกของผู้อื่น คือหัวใจSHA

...

อยากรู้จักหัวใจของผู้อื่น
เพียงหยิบยื่นบางสิ่งที่มีให้
ความหวังดีที่เต็มเปี่ยมด้วยหัวใจ
จักตอบได้ใครคือคนที่เต็มคน

มนุษย์เราหลายคนไม่เคยคิด
ดีแต่ว่าคนอื่นผิดคิดสับสน
ชอบทำร้ายจิตใจของผู้คน
เพียงหวังผลประโยชน์แต่ตนเอง

...

โอ้ อาจารย์ปริม ผมแต่งกลอนไม่ค่อยดีเลย ;(

คุณ วอญ่า-ผู้เฒ่า-natachoei-- คะ

emphaty ออกเสียงว่า เอม - พะ - ตี้

เห็นด้วยอย่างยิ่งค่ะกับการใช้ emphaty กับการบริการด้านพยาบาล

เพราะหาก "เข้าใจ" การบริการนั้นก็จะออกมาจากใจ เราคงไม่ต้องฝืนความรู้สึกทั้งผู้ให้และผู้รับบริการ การทำอะไรที่ไม่ฝืนมันก็คือการ sustain ไปในตัวนะคะ ไม่ต้องใช้ความพยายามมาก แต่ได้ผลดี

ขอเอาใจช่วยค่ะ :)

อาจารย์ Wasawat Deemarn คะ,

อยากจะบอกว่าแม้ผ่านเเรื่องราวที่น่าปวดหัวมาทั้งวัน แต่ก็ยังแต่งกลอนได้ดีค่ะ เพราะกลอนนี้มันออกมาจากความรู้สึกของวันที่ผ่านมาใช่ไหมคะ แบบนี้เรียกว่า "เข้าใจ" ไหมคะนี่?

ขอบคุณและฝันดีค่ะอาจารย์

ขอบคุณการเรียนรู้และนำไปใช้ ส่วนคำนี้เจอบ่อยsustain ในงานคุณภาพ

สนุกครับ ได้แง่คิดที่ดี ความรู้ ดี ๆ ครับ

สวัสดีค่ะคุณปริม ซึ้งมากค่ะ เข้าถึงใจจริงๆ ขอบคุณที่แบ่งปันค่ะ

น้องปริมทำให้คุณพี่น้ำตาซึมแต่เช้าเลย (นอกจากน้ำตาไหลเอง จากต้อลม) มีความสุข รู้สึกปิติ กับเรื่องเล่าค่ะ.. วันนี้ต้องมีอะไรดีๆเกิดขึ้นกับชีวิตแน่นอน (จากผลการกระทำของคุณพี่เอง ฮิฮิ)

 

การเข้าใจความรู้สึกของผู้อื่นเป็นสิ่งสำคัญมากเนาะเจ้า....

แต่หากเข้าใจได้แล้วก็จะได้ใจกลับมา....

 สวัสดีค่ะคุณปริม...

...ภาพเจ้าเหมียวดูภาษาท่าทางแล้วคงจะมีความสุขน่าดูนะคะ:) ส่วนเจ้าหมาน้อยเจ้าของคงจะรักสวยรักงามนะคะ...

..."ความเข้าใจ" เป็นภาษาหัวใจที่แสดงออกมาเมื่อไหร่ทำให้โลกใบนี้น่าอยู่และมีชีวิตชีวาค่ะ...

..."ความเข้าใจ" เป็นสื่อกลางที่ช่วยเชื่อมโยงในความต่างของ อาชีพ ภาษา เชื้อชาติ(คน สัตว์ ต้นไม้) ก่อเกิดเป็นมิตรภาพที่ดีงามระหว่างกันค่ะ...

...ขอบคุณค่ะ...( บ้านหลังนี้เข้ามาแล้วสบายใจจึงได้โผล่หน้ามาบ่อย:) )

คุณ วอญ่า-ผู้เฒ่า-natachoei คะ,

ขอบคุณในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ และชืนชมการนำไปใช้ค่ะ

ขอบคุณมากค่ะท่านอาจารย์ แว่นธรรมทอง :)

ขอบคุณมากค่ะคุณถาวร

ต้องขอบคุณคนเขียนเรื่องค่ะ เขาคงใช้หัวใจเขียน พอเราใช้ใจอ่านมันเลยเข้าถึงใจค่ะ

ฝันดีค่ะ

สวัสดีค่ะคุณ kunrapee,

อยากบอกความลับที่ไม่ลับว่าปริมดีใจที่มีเพื่อนน้ำตาไหลไปด้วยกันค่ะ

ขอบคุณค่ะ

สวัสดีค่ะคุณน้อย

เจ้าสี่ขาทั้งสองตัวในรูปโชคดีค่ะ เจ้าแฮรี่เจ้าของพาออกไปเดินเล่นทุกวัน ทุกคนในบ้านรักแกมากๆ ค่ะ

ส่วนเจ้านางฟ้าของปริมก็มิรู้ทำบุญมาด้วยอะไรในชาติที่แล้วมามีปริมเป็นแม่บ้าน (คุณแจ๋ว) ให้ในชาตินี้ค่ะ เรายอมเธอทุกอย่างเลย คนใกล้ตัวรักแกมากเป็นพิเศษค่ะ

ดีใจทีคุณน้อยแวะมาเยี่ยม มีเวลาก็มาอีกนะคะ

ฝันดีค่ะ

ขอบคุณกำลังใจและการแวะมาอ่านจากทุกท่านนะคะ

สวัสดียามดึกค่ะ

บันทึกน่ารัก ลึกซึ้งตามเคยค่ะ น้องปริม พี่โอ๋นั่งมองตัวหนังสืออยู่พักนึง รู้สึกมันแปลกๆ กว่าจะนึกได้ว่า empathy ถึงจะถูก ใช่ไหมคะ คำนี้พี่โอ๋รู้สึกว่ามันแปลเป็นไทยยากนะคะ ลึกซึ้งกว่าคำว่า"เข้าใจ"เป็นคำที่อธิบายยาก แต่เรื่องราวทั้งหลายนี้สื่อได้จริงๆถึงความลึกซึ้งนั้นนะคะ

โอว ใช่เลยค่ะ ขอบคุณมากค่ะพี่โอ๋ที่ช่วยติงให้เห็นการสะกดคำที่ผิดค่ะ ขอบคุณมากจริงๆ ค่ะ ปริมจะเข้าไปแก้ไขนะคะ

ค่ะปริมว่าเรื่องราวตัวอย่างทำให้ง่ายต่อการเข้าใจมากกว่าการอธิบายค่ะ ยิ่งเป็นคำพูดที่เกี่ยวกับความรู้สึกยิ่งอธิบายยากค่ะ

ขอบคุณค่ะ :)

  • สวัสดีจ้ะ
  • หลับฝันดีนะจ๊ะ

ขอบคุณค่ะคุณมะเดื่อ ฟังเพลงเบาๆ แล้วก็จะเข้านอนในอีกไม่นานนี้ละค่ะ

ฝันดีเช่นกันค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท