สื่อใหน(บ้าง?) ที่ไม่น่าเบื่อ...ตอนนี้


นานมาสัก 1 ปีก่อน GotoKnow สะอาดมาก ใส มีแต่ความจริง มีการนำเสนอผลของการทำงานออกมาอย่างตรงไปตรงมา สะท้อนการไปปฏิบัติมาแล้วนำมาเล่าสู้กันฟัง หากเป็นแนวคิดก็คิดแบบซื่อ ๆ ใส ๆ อ่านก็รู้ว่าเขาคิดเช่นนั้นบนฐานคามเชื่ออะไร มีเหตุและผลที่พอจะมองเห็นเป็นรูปธรรมชัดเจน ไม่มีการใส่ร้ายป้ายสี ไม่มีการยกตนข่มใคร ไม่มีการโกหกกันอย่างหน้าด้าน ๆ

สื่อทั่ว ๆ ไป

     หลัง ๆ ผมไม่ค่อยได้ดูทีวีนัก ยิ่งในปัจจุบัน ยิ่งน้อยมาก เพราะเปิดทีไรก็มีแต่ทะเลาะกัน และยิ่งรุนแรงขึ้นทุกที พูดความจริงครึ่งเดียว อีกครึ่งจะไม่พูด หากมากเข้าก็พูดโกหก ให้ข้อมูลโกหก เพื่อทำให้ฝ่ายตัวเองดูดี หวังผลว่าจะต้องก้าวหน้า ชนะใจคนทำทุกวิถีทาง หนังสือพิมพ์ก็ต้องเลือกอ่านดี ๆ ไม่งั้นเจอการโฆษณาชวนเชื่อกันบ้าง นำเสนอแต่ข่าวที่เป็นเรื่องร้าย ๆ ยอดขายจะได้พุ่ง ข่าวความสำเร็จของคนมักจะอยู่หน้าใน ๆ และเป็นสกู๊ปเล็ก ๆ สถานีวิทยุก็งั้น ๆ แต่ก็ยังดีขึ้นมาหน่อย หากแต่ใครได้ฟังสถานีวิทยุชุมชน แรก ๆ ก็มองว่าดีนะตรงไปตรงมาดี หลัง ๆ ชักจะครางเคลงใจเช่นกัน โดยเฉพาะเมื่อยามที่จะมีการเลือกตั้งท้องถิ่น ถึงตอนนั้นยากที่จะไว้วางใจ เพราะคนที่เป็นนักจัดรายการเดิม ก็ให้คนอื่นมาทำรายการแทน เพราะตัวเองลงสมัครฯ ด้วย คนที่มาแทนก็พูดพิรุธดี เหมือนใช้จังหวะหาเสียงให้กันอย่างไม่เท่าเทียมกัน

     ทั้งทีวี หนังสือพิมพ์ และวิทยุ เป็นสื่อที่ยอดนิยม ในส่วนตัวผมกลับลดความนิยมลงอย่างรวดเร็วมาก เพราะข่าวมักจะนำเสนอแต่ด้านเดียว อีกด้านหนึ่งเสียหายไปแล้ว ก็ไม่ได้คำนึงถึง อย่างเช่นกรณีโรงพยาบาลหรือเจ้าหน้าที่ถูกกล่าวโทษ สื่อพากันประโคมข่าว สังคมรุมประณาม คนรอบข้างก็นึกตำหนิ กระแสไหลไปตามสื่อ พอวันนึงโอ...ละพ่อ ทั้งโรงพยาบาลหรือเจ้าหน้าที่ ก็ไม่ได้ผิดพลาดอะไร เป็นเพียงความเข้าใจผิด ในการสูญเสียที่เกิดขึ้น ผู้สูญเสียก็ยอมรับไม่ได้ จึงไปลงเอากับคนที่พยายามช่วยเหลือเต็มที่แล้ว วันที่ความจริงกระจ่างวันนั้น ไม่มีใครนำเสนอออกมาเลย หรือนำเสนอออกมาก็แบบเงียบ ๆ ประมาณว่าสำนึกที่ผิดพลาดไป แต่ไม่สนใจว่าคนที่เคยได้รับผลจะเป็นเช่นไร ซึ่งตามความจริงแล้วจะชดเชยอย่างไร ในการกระพือข่าวใหม่ ก็หาเทียบกันได้ไม่กับที่สูญเสียไปในครั้งแรก

สำหรับ GotoKnow.Org

     นานมาสัก 1 ปีก่อน GotoKnow สะอาดมาก ใส มีแต่ความจริง มีการนำเสนอผลของการทำงานออกมาอย่างตรงไปตรงมา สะท้อนการไปปฏิบัติมาแล้วนำมาเล่าสู้กันฟัง หากเป็นแนวคิดก็คิดแบบซื่อ ๆ ใส ๆ อ่านก็รู้ว่าเขาคิดเช่นนั้นบนฐานความเชื่ออะไร มีเหตุและผลที่พอจะมองเห็นเป็นรูปธรรมชัดเจน ไม่มีการใส่ร้ายป้ายสี ไม่มีการยกตนข่มใคร ไม่มีการโกหกกันอย่างหน้าด้าน ๆ การ Disscusion กันแม้จะแรงไปบ้างก็ยังอยู่บนพื้นฐานการเขียนออกมาทั้งหมด บนความเป็นจริง การปฏิบัติที่ยากแก่การพิสูจน์ว่าทำได้จริง หรือเพียงแต่พูด (การสร้างภาพให้ดูดี ด้วยชั้นเชิงการเขียนของคนเขียนเก่ง ๆ) ก็ไม่มีใครนำมาเขียน ก็อย่างที่อาจารย์หมอวิจารณ์กล่าวไว้ในบันทึกของท่านเรื่อง ทำ KM หรือเขียน บล็อกไม่ได้ดี ถ้า .... ซึ่งหาได้ยากมาก แม้จะมีบ้างเมื่อเข้ามาบันทึกแรก ๆ พอบันทึกต่อ ๆ ไปที่เขาเริ่มเรียนรู้และปรับใหม่ อย่างน่าชื่นชม

     วันนี้ GotoKnow.Org ก็ยังเป็นเช่นนั้น ยังไม่เคยเห็นอะไรที่เป็นอย่างเช่นสื่ออื่น ๆ แต่ด้วยความที่เป็นสื่อสาธารณะ ไม่มีบรรณาธิกร ทุกคนเป็นผู้สื่อข่าวเอง เป็นบรรณาธิกรเอง มีอิสระสูงสุดในการดำเนินการภายใต้ตัวตนของตนเอง สิ่งเหล่านี้ก็น่าจะระมัดระวังให้มาก ๆ ผมเคยนึกเล่น ๆ ว่าหากวันหนึ่งมีการฟ้องร้องกันโดยยกบทความที่พาดพิงกันใน GotoKnow เป็นเนื้อหาท้ายคำฟ้อง เหมือนที่เขาฟ้องร้องกันในสื่ออื่น ๆ ซึ่งยังไม่มี นี่จะเป็นอย่างไร ที่คิดนี่เพราะคิดเชิงบวก คิดเพื่อจะหาทางป้องกัน ซึ่งทางหนึ่งที่ผมคิดเสมอสำหรับตัวเองก็คือพาตัวเองออกไปให้พ้น ๆ เสีย หากไม่น่าอยู่นักอย่างเช่นสื่ออื่น ๆ

     บันทึกนี้เขียนเพราะผมได้รับ E-Mail จากคนอ่าน Blog ที่น่าจะไม่เคยได้เปิด Blog มาก่อนท่านหนึ่ง (สืบค้นแล้วไม่เจอในชื่อและ E-Mail ที่ทิ้งไว้) ซึ่งใช้นามว่า “ไม่ต้องรู้” ที่ส่งมาทางหน้า Blog ในจำนวน E-Mail หลายฉบับมาที่ถามหาด้วยความเป็นห่วง ก็อยากตอบในบันทึกนี้ว่าช่วงนี้ต้องจัดการงานที่เป็นแผนงาน/โครงการของปี 50 เยอะจริง ๆ ผมทำงานด้านนี้ก็จะยุ่งในช่วงจังหวะเวลาเช่นนี้เสมอ ๆ ส่วนท่านที่ใช้นามว่า “ไม่ต้องรู้” ได้ให้ข้อคิดเห็นมาดังนี้

Go.. ในวันนี้ มีจุดมุ่งหมายเหมือนเดิมหรือไม่
ที่บอกว่าเป็น KM ของชาติ
หรือเหมือนเดิม แต่ไม่เข้าใจจุดประสงค์ที่แท้จริง
จึงทำให้ Go.. ลดระดับลงเรื่อย ๆ
มันน่าจะวัดกันที่คุณภาพมากกว่า
ต้องวัดกันที่คุณภาพของงานเขียน

     ผมตอบ E-Mail ไปให้แก่คุณ “ไม่ต้องรู้” ว่า...ผมเห็นด้วยเฉพาะท่อนนี้ “มันน่าจะวัดกันที่คุณภาพมากกว่า ต้องวัดกันที่คุณภาพของงานเขียน” แถมต่อด้วยว่าตามแนวทางการจัดการความรู้ที่ต้องเคารพความรู้ในตัวคน ส่วนข้อความอื่น ๆ ผมไม่มีความเห็น ก็ได้รับการตีกลับ (E-Mail ตีกลับอัตโนมัติ) คิดได้ก็เลยนำมาเขียนเป็นบันทึกไว้ และอยากย้ำกับคุณ “ไม่ต้องรู้” ว่าสำหรับผมแล้วพร้อมพาตัวเองออกไปให้พ้น ๆ เสีย หากใจมันบอกว่าไม่ใช่ อย่างอื่นที่ยากกว่านี้ก็เคยทำมาแล้ว ไม่ได้ยึดติดแน่นอนครับ และที่สำคัญต้องจัดการกับตัวเองง่ายกว่าไปจัดการอย่าง (คน) อื่นเป็นไหน ๆ ครับ

หมายเลขบันทึก: 49241เขียนเมื่อ 9 กันยายน 2006 23:39 น. ()แก้ไขเมื่อ 19 มีนาคม 2015 08:31 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (6)

อ่านบล็อกของ อาจารย์วิจารณ์ และชายขอบแล้ว ต้องขอขอบคุณที่ช่วยเตือนสติ ...สิ่งที่ต้องขอบคุณอาจารย์และผองเพื่อนชาวG2kก็คือ วิธีการที่ช่วยขัดเกลาความคิดเห็นและนิสัย ด้วยความเป็นผู้ใหญ่ มีวุฒิภาวะ ใช้เหตุผลมากกว่า อารมณ์  ต้องขอรับว่าเป็นคนหนึ่งที่มีความเคยชินในการใช้ สำบัดสำนวน หรือ การประชด ประชันกลายๆ บางทีมันก็พลั้งเผลอหลุดออกมา แต่ไม่กล้าถึงขนาดตั้งใจที่จะเอามาใช้กล่าวหา หรือใส่ร้ายผู้อื่น (ไม่ทำอย่างนั้นแน่)แต่อาจจะมีลักษณะเขียนแบบเสี่ยงๆที่จะเป็นอย่างนั้นอยู่เหมือนกัน...ซึ่งตอนนี้จากที่ได้อ่านและฟังความเห็นจากหลายคนแล้ว...ทำให้เกิดความคิดที่จะต้องระมัดระวังการใช้ภาษา หรือวิธีการวางโครงเรื่องที่จะบันทึกให้มากขึ้นค่ะ...พบว่าบางทีหากขุ่นมัว หรือ คับข้องใจมากเกินไปก็ไม่อาจกลั่นความคิดเชิงบวกที่มีคุณภาพดีออกมาได้...ขอขอบคุณอีกครั้งที่ให้โอกาสมาร่วมลปรร

ถูกสื่อเล่นงานแต่ดิฉันไม่สนใจค่ะ    ความจริงคือความจริงค่ะ

คุณ Seangja

     ขอบคุณครับ ที่นำมา ลปรร.กันต่อถึงกระบวนการคิดและตัดสินใจ ผมเชื่อครับว่าในสังคมนี้ไม่มีใครใส่ร้ายใคร ในสายตาผม เพราะเป็นปัญญาชน หรือชนผู้มีปัญญาครับ ผมเห็นว่ามีทีเดียวที่ผมเองก็ยังพอเลือกเสพงานได้ และได้เข้าไปต่อยอดความรู้กันได้ หากหาไม่แล้ว (ยิ้ม ๆ) ยังนึกไม่ออกว่าจะเสพได้จากที่ใดอย่างสบายใจเช่นทุกวันนี้ที่ GotoKnow ครับ

คุณหมออัจฉรา ครับ

     ผมเขียนบันทึกท่อนแรกด้วยเหตุนำ 2 ประการ คือ 1) เรื่องที่เกิดขึ้นตามที่หมออ้างถึง คราวนั้นผมเองก็อดไม่ได้ที่จะไปลง คห.ไว้ในบันทึกอาจารย์ครั้งหนึ่งแล้ว และ 2) ผมติดค้างพี่พยาบาล รพ.พัทลุง ที่พูดคุยกันไว้เมื่อคราวเสวนาระบบหลักประกันสุขภาพ เมื่อเดือนที่แล้ว... ว่าจะมาเขียนถึง "พิษของสื่อชนิดเฉียบพลัน กับการรักษาแบบเรื้อรัง"

ตามมาติด ๆ ค่ะ แต่ไม่ประชิดตัวสักเท่าไร...ต้องรักษาระยะห่างเอาไว้ค่ะ

คุณ "พี่ชายขอบ" เขียนเตือนสติได้ดีจังค่ะ สื่อช่างโหดร้ายจริง ๆ ค่ะ บางครั้งทำผิดให้เป็นถูก ทำถูกให้เป็นผิด ขาวให้เป็นดำ ดำให้เป็นขาวได้ภายในพริบตาเดียว หากคนเสพไม่ใช้สติในการเสพ เสพแล้วหลงเชื่อตกเป็นเหยื่อ เท่ากับเป็นการฆ่าคนบริสุทธิให้ตายทั้งเป็นเลยทีเดียว ส่วนมากคนเขียนข่าวที่ไม่มีจรรยาบรรณจะนำเสนอแต่ความดีใส่ตัว เอาความชั่วใส่คนอื่น แต่สุดท้ายคงต้องบอกว่า...อย่าคิดอะไรมากค่ะ ให้คิดว่านี้แหละคือมนุษย์ที่ยังไม่มีความสมบูรณ์แห่งความเป็นมนุษย์ (คุ้น ๆ)

เพราะสุดท้าย "ความจริงก็คือความจริง" คนเราหนีอะไรก็หนีได้ แต่หนีความจริงแห่งใจตนไม่พ้นแน่นอนค่ะ ยังคงเป็นกำลังใจสำหรับ "ผู้ให้" อย่างแท้จริงเสมอค่ะ

รายการทีวี เลิกดูไปหลายเรื่องค่ะ ตั้งแต่ต้นปีที่แล้วด้วยซ้ำ แล้วหันไปใช้เคเบิ้ล(ยอมเสียเงิน) เพราะเข้าใจว่าจะได้ข่าวสารจากต่างประเทศและรายการอื่นที่ดีๆ บ้าง..เอาเข้าจริง ไม่ต่างกันเท่าไหร่นัก ส่วนมากเน้นบันเทิง ต่างที่โฆษณาเปลี่ยนรูปแบบจากโฆษณาคั่นรายการ เป็นโฆษณาสอดแทรกรายการ(โดยผุ้รับสื่อไม่ค่อยรู้สึกตัว)

เคยเบื่อรายการอ่านพาดหัวข่าวตอนเช้าตามทีวี หรือตามที่นักจัดวิทยุเอาไปอ่านเลียนแบบ เพราะชี้นำและควบคุมความคิดของผู้อื่นมากไป

ตอนนี้สื่อที่เคยคิดว่าอิสระ (ขออนุญาตไม่เอ่ยแต่รู้ว่าคุณชายขอบเข้าใจว่าคือสื่อไหน)ก็มีภาคโฆษณาที่ไม่ค่อยต่างกันกับทีวีและวิทยุเหล่านั้นนัก หากแต่ใช้ระบบเคเบิ้ลคือสอดแทรกเป็นระยะและต่อเนื่อง เพียงแต่ที่ยังยอมรับได้ในระดับหนึ่ง เพราะว่าภาคสาระยังมีมากกว่า และยังมีทางเลือกที่จะรับหรือไม่รับได้มากกว่า

แต่ถ้าภาคสาระถูกดันตกเพราะความคิดอิสระ มักไม่ค่อยมีพวก ...เมื่อนั้น..ก็คงเดินจากไป...ก็เท่านั้นเองค่ะ 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท