พอพูดถึงคราบกรุในวงการพระ คนส่วนใหญ่มักจะคิดถึงคราบที่ปกคลุมอยู่ที่พระสมเด็จบางขุนพรหม และมักสรุปไปเลยว่านั่นคือมาตรฐานของคราบกรุของพระกรุทั่วไป
ลักษณะคราบกรุของพระสมเด็จบางขุนพรหม
ที่เกิดบนผิวปูนสุก ที่จะพองๆ บวมๆ
ทั้งๆที่ความน่าจะเป็นของคราบนั้นส่วนใหญ่ไม่ใช่คราบกรุ แต่เป็นเนื้อปูนดิบที่งอกออกมาภายใต้สภาพกรุ ที่มีความชื้นและน้ำท่วมขังแช่เป็นบางปีเท่านั้น
การมีความชื้นสูงน่าจะเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดการละลายของเนื้อปูน ออกมาเป็นน้ำปูน แบบเดียวกับหินงอก หินย้อยในถ้ำ ที่เป็นปูนดิบแน่นอน
ลักษณะคราบกรุที่เกิดบนผิวปูนดิบ
จะแน่นอยู่กับผิวแข็งของปูนดิบ
โดยนัยนี้ คราบที่ผิวของพระสมเด็จน่าจะเป็นคราบปูนดิบ (แคลเซียมคาร์บอนเนต) ที่ตกผลึกเป็น แคลไซท์
ลักษณะคราบกรุของกรุเจดีย์เล็ก บางขุนพรหม
เกาะแน่นกับผิวปูนดิบที่งอกออกมาจากในเนื้อ ผสมกับน้ำมันตังอิ้วเป็นสีน้ำตาลแดง
แต่หลังจากนั้นอาจมีการแทรกซึมของน้ำมันตังอิ้วออกมาที่ผิวปูนดิบ ทำให้เกิดคราบสีน้ำตาลดำ หรือเทาๆอยู่บนคราบปูนดิบอีกชั้นหนึ่ง
ลักษณะผิวมาตรฐานบางขุนพรหม ที่อยู่ในกรุประมาณ 80 ปี แต่มีเนื้อปูนงอกผสมน้ำมันตังอิ้วสวยงามมาก คราบกรุส่วนใหญ่น่าจะถูกล้างออกไปแล้ว
ในขณะเดียวกันก็จะมีสิ่งที่มาจากภายนอก เช่น ฝุ่นละออง ตะกอนดิน เข้ามาปะปน ที่จะทำให้เกิดชั้นยุ่ยๆ ร่วนๆ ที่จะเป็นคราบกรุตามความหมายที่แท้จริง คือมาจากกรุ หรือสภาพแวดล้อมภายในกรุ
ลักษณะนี้จึงเป็นเอกลักษณ์ของคราบกรุพระสมเด็จบางขุนพรหม ที่แท้จริงครับ
ไม่มีความเห็น