ช่วยคนที่เรารัก (ประสพการณ์จริง) ตอนสาม


โดย Samy from board palungjit

http://files.palungjit.com/attachment.php?attachmentid=2088680&d=1339300982

 
 
ต้อง ขอสวัสดี ท่านทั้งหลายที่มีใจรักในพระพุทธสาศนา ผมเองเป็นสมาชิกเวปนี้มานานพอสมควร และชอบเวปนี้มาก ที่เป็นช่องทางในการสื่อถึงชาวพุทธ และผู้สนใจอย่างทั่วถึงในทุกๆแง่มุมของศาสนา เรื่องที่ผมจะเล่าให้ฟังนี้ เป็นเรื่องจริงในชีวิตของผม นับแต่วันแรกที่ได้เริ่มต้นฝึกสมาธิ ออกตัวไว้เลยนะครับผมเองไม่ใช่เกจิ ไม่ได้ฌาญ ไม่ได้ญาณอะไร และที่สำคัญที่สุดเกลียดการพิมพ์ดีดมาก แต่งานนี้ยอม เพื่อประโยชน์ เพื่อบุญกุศลที่อาจเกิดขึ้นในครั้งนี้ ขอให้ได้แก่บิดาของข้าพเจ้า วันนี้วันดี วิสาขบูชา ชั่งใจไว้เป็นปี กว่าจะตัดสิ้นใจโพสได้
 
 
 


 
 
หมดกรรมกับเหล้า

พอ ปี ๒๕๔๒ พ่อผมปลดเกษียญ วัย ๖๐ คนเคยมีงานก็เหงาเหล้าก็ไม่อยากกินเพราะเป็นเก๊าท์ จักรยานก็เอามาปั่นออกกำลัง แล้วก็ลีโอเย็นละ ๔ขวด สงสัยเริ่มรู้ว่าไม่ไหว
 
เมาแล้วก็กลับบ้านยังไงไม่รู้ ล้มหัวเข่าขวาลงกระแทกพื้นลุกไม่ขึ้น กระดูกลูกสะบ้าแตก ต้องหามส่งโรงพยาบาลกลางดึก รุ่งเช้าผมลาเรียนกลับมาดูแกที่ห้องพยาบาล
 
คำแรกใส่ก่อนเลยผม "ไงเมาจังเลย เลิกได้ยัง"
 
พี่สาวหันมาใช้สายตาห้ามแกยังมึนอยู่เลย ผ่าตัดไม่ได้เหมือนเคยครับแอลกอฮอร์สูงผ่าไม่ได้ คราวนี้ ๒๔ ชม.ถึงได้ผ่า ออกมาจาห้องผมนี้น้ำตาร่วงเลย มันสงสารพ่อจับใจ
 
ผมงอกเต็มหัว รอยแพลเป็นเต็มตัว มีสายออกซิเจนติดจมูกออกมาด้วย หมอเขาใส่เหล็กดามไว้ สองชิ้น กับคริบตัวหนึ่ง 
ที่รู้เพราะผมเป็นคนเก็บกระดูกพ่อเองกับมือ แบ่งคนละชิ้นกับพี่คนกลาง 

พี่คนโตให้เงิน ปากผีไป ออกจากโรงพยาบาลได้แกก็ไปเครียเงินกับร้านค้าครับ
 
พระเจ้าสามหมื่น ๓๐๐๐๐ บาท แกบอกผมว่าเจ็บกว่าหัวเข่าแตกอีกครับ แกเป็นผู้ชายครับ เจ้าของร้านเป็นหญิง 
ชอบๆกันนี่หละ แกไม่พูดอะไร บอกกับแม่ กับผมว่า มันโกงกู มันโกงพ่อ พ่อกินเยอะก็จริงแต่คิดยังไงก็ไม่ถึง ๓๐๐๐๐ บาท
 
โดนแน่นอน
 
พ่อผมเลยตั้งจัยในวินาทีนั้นเลยว่า เลิก เลิกเหล้า มึงโกงกู กูก็ไม่กินมึง วันรุ่ง แกเดินไปที่ร้านอีกแล้วบอกว่า
 
"ใบเลย์ ขวด"
 
สมาคมหน้าปากซอยพากันงง ว่าได้ยินผิดหรือปล่าว พ่อย้ำอีกทีว่า ใบเลย์ขวด แกกินน้ำส้มแทนเหล้าครับ 
กรรมกับเหล้าแกหมดลงนับแต่วันที่แกเครียร์เงินที่ร้านหมด ตอนนั้นผมก็ฝึกมโนมยิทธิแล้ว อะไรที่พูดไปมันออกมาเองมันรู้เอง
 
แม่บอกว่าไม่รู้ว่าพ่อจะอยู่ได้อีกกี่ปี ผมบอกแม่ไปว่า ๑๐ ปี ให้โอกาส อีก ๑๐ ปี
 
แม่บอกอุทานหึ นานขนาดนั้้นเลยหรือ ผมบอกว่าดูกัน ๑๐ ปี ในตอนที่พ่อกินเหล้า
 
มันนานมากนะครับ แต่ ๑๐ ปีที่พ่อไม่กินเหล้ามันเร็วมากจริงๆ พอผมจบวิทยาลัยเกษตร ก็ไปสอบ วิทยาเขตลำปางด้วย 
จะไปกับเพื่อนพ่อขอผมไปด้วย...เราก็จะไปเองนั่งรถไฟไปกลับเพื่อน แม่บอกว่าเอาพ่อไปด้วย พ่อเหงา...

โอถึงตรง นี้ต้องกำหนดเสียจัยหน่อ เสียจัยหน่อ
 
มันเป็นช่วงชีวิตของพ่อ ลูก ที่ได้เทียวด้วยกันเป็นครั้งแรก และครั้งสุดท้ายในชีวิต ๕ วัน ที่ลำปาง เที่ยว กิน ส่องพระเครื่อง
 
ตกดึกเล่นสนุกเกอร์กันตามเคยแกไม่ยอมให้ก็ไม่ชนะครับ ปรากฎว่าผมสอบติดลำดับที่ ๑๓ ไม่ได้อ่านหนังสือเลย ผีจับยัด 
ก็ว่าจะสอบแม่โจ้อีก แต่พอดีทราบข่าวจากรุ่นพี่ที่เรียนคณะครุศาสตรอุตสาหกรรม ว่ามาสอบี่ลาดกระบังดูไหมรับตรง ต่อเนื่อง ๒ ปี อ่ะ สายผมแม่โจ้อยู่แล้ว
 
แต่ดันเสือกมีญาติๆกันบอกว่าจะเรียนไหวหรือ หลักสูตรเขาไม่เอื่อให้เรียนจบนะ แม่งด่ากูว่าโง่ดีกว่าไหม 
กูจบ ๓.๖๔ นะไม่ใช่ ไก่กา ๑.๑๑ เหมือนเมื่อก่อนนะ อาจารย์ก็บอกว่าไปแม่โจ้ดีกว่า อย่าไปเลย สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง
อ่ะ แม่งดูถูกกูกันหมดเลย ซื้อหนังสือมาอ่าน มีคณิตตัวไหนไม่เข้าจัย ถามเจ๊ใหญ่ การศึกษาของน้องชาย
เจ๊ไม่อั้น สอนบอก พาเพื่อนที่เรียนวิศวะ ม.เกษตร มาสอนถึงบ้าน(ก็คิดว่าจะเป็นพี่เขยผมนี้หละ)

แม่ง คบกัน ๙ ปี ยังเลิก ไม่ได้กันดูสิ แกก็สอนดีครับ เตรียมตัวมาก ชีวิตการเรียนหนังสือไม่เคยเตรียมตัวขนาดนี้เลย
อยากเข้ากทม. อยากเป็นเด็กเทพ บ้านนอกชิบ
 
พอวันไปสอบ มากัน ๒๐๐ กว่าได้ ขำๆ เอา ๔๐ กว่าคน วัดกันไปเลยกระดาษคำตอบแทบขาด ฝนมันอยู่นั้นหละ 
เหงื่อก็ออกเต็มสองมือ ในรองเท้าหนังนี่ลื่นเลย เหงือทั้งนั้น ร้อนมาก ห้องเรียนรวม ตึกพระเทพแอร์เย็นมากๆ
เท่าตู้แช่ขนาดใหญ่ ๘ ตัว บนฟ่าอีก แต่เหงือก็ออก ทำข้อสอบเสร็จ ออกมาพ่อนั่งรอที่ม้าหิน
 
พ่อพูดว่า "ไงหนู ทำได้ไหม ไปไหว ร.๔ กัน พ่ออยากให้หนูเรียนที่นี่นะ พ่อชอบ"
 
ผมบอกว่ามันง่ายอย่างนั้นก็ดีสิ
 
เตรียมตัวไปมอบตัวลำปางเหอะ ไม่ได้หลอก ข้อสอบที่นี่เขาไม่เอื่อเราแต่แรกแล้ว รุ่นพี่คณะนี่เราก็ไม่มี แนวข้อสอบก็ไม่มี
 
งานนี้ข้าวซอยชัวร์
 
วันมอบตัวที่ลำปาง ก็ไปแวะกินข้าวเช้าที่กำแพงเพชร บ้านพี่สาวพ่อ พี่สาวคนโตโทรไปที่ 
สถาบันฯ ถามว่าชื่อน้องชายติดไหม สอบได้ไหม เจ้าหน้าที่บอกว่าติดประกาศแล้วนะค่ะ พี่สาวแกเลยฟอร์มว่าอยูต่างจังหวัด 
ขอให้เชคให้ที่นะค่ะเดินทางลำบาก ทั้งที่แกอยูเดอะมอร์ บางกระปิ เจ้าหน้าที่บอกว่ามีชื่อค่ะ ลำดับที่ ๙ พี่ผมดีจัยมากเลย 

เพราะแกก็ฝันอยากมาเรียน ที่นี่ แต่แม่ห้ามบอกผู้ชายเยอะ(พี่สาวผมสวยนะ)คนละพิมพ์ สมัยนั้นบอกว่าน้องสิเรียมมีคนเชื่อครับ 
แกนั่งรถมาดูที่บอร์ดเองอีกที่สถาบันฯ แกก็โทรไปบอกที่บ้าน ที่บ้านก็โทรไปกำแพงเพชร พ่อดีจัยมาก ผมทำให้พ่อดีใจ แค่กลับบ้านจากสถาบันฯ
 
พ่อจะถามทุกครั้งว่า หนู เรียนเอกอะไร คณะอะไร ชื่อเต็มๆสถาบันว่ายังไง ผมแทบจะรายงานตัวให้แกฟังอยู่แล้ว
 
บางทีเราลำคาญนะ ถามอยู่ได้ ไม่จำเลย
 
ทุกว้นนี้ผมทราบทุกอย่างถึงใจพ่อคิดอะไร ต้องการอะไร
 
แต่เมื่ออยู่ด้วยกันมันเหมือนคุยกันไม่รู้เรื่อง อัตตามันสูง นี้ครับคนเป็นพ่อคน
 
เขาคิดอีกแบบ เราเป็นลูกต้องรักษาน้ำใจท่านมากๆ
เราไม่เกเร ไม่ติดยา เรียนจบ พอแล้วครับนี่เป็นสิ่งเล็กๆน้อยๆถ้าเทียบกับที่ท่านเสียสละให้เรา
 
 
 
กรรมจากการเล่นพนัน

อย่าง ที่บอกครับ เหล้า ยา กีฬาบัตร พนันขันต่อเงินเดิมพัน ถูกโกง อุบัติเหตุทำห้เสียทรัพย์อยู่เนืองๆ 
พอเกษียญอายุราชการแกก็เหงาพ่อส่องพระครับ เข้าสนามพระทุกวัน เช่าพระทุกวัน
ครยัดอะไรห้เอาหมด เก๊แท้ไม่รู้ชอบเป็นโดน เสียเงินไปไม่ช่น้อยครับ เป็นอย่างนี้ ๑๐ ปี 

เอาเป็นว่าถ้าเป็นเงิน สดน่าจะ มาสด้า ๒ เงินสดสบายๆเลย ก็ยังคุยกับแม่ว่า ไม่กินเหล้า แกก็เช่าพระเงินเช่าพระหมด แล้วเก๊ทั้งนั้น
 
แท้ๆไม่ว่าเพราะว่ามันมีโอกาสขึ้น ราคาขึ้นดีกว่าซื้อทองอีกครับ
 
แต่แกดันเช่าแต่ของเก๊บางทีเราตามไปดูแผงที่แกเช่า เก๊ตาปล่าว ส่องยังไงก็เก๊ ๗ ชั่วโคตร พระองค์เป็นล้าน 
ขายองค์ ๓๐๐ บาท ราคาก็เก๊แล้วครับ พักหลังพอผมเรียนจบเลยพาแกไปงานประกวดแกเลยยอมลงหน่อย 
พ่อกับผมเล่นพระเหมือนกัน แต่เงินหมื่นผมเช่า ๓ องค์ หรือองค์เดียว แต่พ่อแกเช่าไม่ได้ครับ บอกว่าจัยเสียเช่าไปได้ไง ๒๕๐๐๐ พ่อเกิน ๓๐๐ ก็โดดแล้ว
 
โธ่พ่อเอาเงินมาห้หนูทำทุนดีกว่าไหม
 
ขอเงินสหกรณ์ครู ๒๐๐๐๐ เช่าพระห้แก ๓ องค์ บ่นแทบตายเลย เงินมันเยอะ ได้พระสามองค์ 
ก่อนแกจะเสียก็บ่อยหั้ยแกดู เหรียญรุ่น ๒ เนื้อเงิน ติดที่ ๒ งานลพบุรี สร้าง ๒๐๐ เหรียญ เช่าห้แก ๑๐๐๐๐ บาท
ปลายปี ๕๒ ต้นปี ๕๔ ปลอยห้แก ๑๖๐๐๐ บาท แกบอกว่าพ่อตายจะได้ปล่อยไหม 
เราก็ปล่อยหั้ยแกดู มีคนเอาเลยครับ นี่ครับเอาเงินไปหั้ยพ่อ พ่อบอกว่าเอาทุนพ่อคืนมา หนูเอากำไรไป นี่หละครับพ่อ คนเป็นพ่อ แกก็ไม่เลิกเช่าของเก๊นะครับ

มัน เหมือนเป็นกรรมของแก ที่ต้องเสียเงินโดยไม่ได้ประโยชน์
 
ก่อนเสียพ่อหยุดเช่าพระหมด เปลี่ยนเป็นแจกแทน ครขอองค์ไหนแกห้หมด ไม่ขาย เราว่าท่านเป็นคนห่างวัดห่างวานัยสายตาเรา
 
แต่จริงๆแล้วพ่อเข้าจัยศาสนา และการปฎิบัติมากกว่าครนัยบ้านด้วยซ้ำ
 
พ่อเป็นมะเร็งขั้นสุดท้ายชนิดที่เรียกว่านัยช่องท้องทุกส่วนมีแต่เซลล์ มะเร็ง พนังหน้าท้องก็มี 
แต่พ่อไม่เจ็บ พ่อไม่ร้องปริปากบอกครว่าปวด เจ็บ พ่อบอกว่าจะนั่งดูมันสิว่ามันจะปวดสักแค่ไหน เดี๋ยวมันก็หาย 
ถึงบางอ้อครับ พ่อบวชเรียนมากว่า ๕๐ ปี ไม่เคยเห็นพ่อนั่งสมาธิ ผมไปวัดท่าซุงแกก็ว่า อย่ายืดมั่นถือมั่นนัก
 
เห็นจัยแกเลยตอนท่านป่วย 

ท่าน นั่งมองท้องจับอาการจนหายไม่ร้อง มีสติรู้ดูสังขารตลอดเวลา
 
พรุ่งนี้ถ้าสัญญาญเน๊ตมี น่าจะเล่าจบครับ สุดท้ายของเรื่องต้องพรุ่งนี้ครับ ปวดหลังมากครับ
 
ตีหมามากถ้ามันไม่ร้องด้วยความเจ็บปวดไม่หยุด
 
นี่ก็กรรมของผมครับ
 

 
ให้กำลังใจ อนุโมทนาบุญ กับเจ้าของบันทึกได้ที่
คำสำคัญ (Tags): #กฏแห่งกรรม
หมายเลขบันทึก: 490987เขียนเมื่อ 12 มิถุนายน 2012 19:02 น. ()แก้ไขเมื่อ 14 มิถุนายน 2012 16:10 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท