สถานีความคิด :
(๑)
นักพูดชื่อดังท่านหนึ่งได้หยุดการแสดงปาฐกถาของเขาโดยการหยิบเอาแบงค์ 20 ดอลลาร์ขึ้นมาจากกระเป๋า เพื่อโชว์ให้ผู้เข้าร่วมฟังการแสดงปาฐกถาของเขาจำนวน 200 ท่านดู แล้วเขาก็พูดว่า
“ใครอยากได้แบงค์ 20 ดอลล่าร์ใบนี้บ้าง?"
ปรากฏว่ามีคนยกมือขึ้นเป็นจำนวนมาก และเขาก็พูดต่อว่า "ผมจะให้เงินแบงค์ 20 นี้แก่หนึ่งในพวกท่าน แต่ครั้งแรกนี้ผมจะทำอย่างนี้"
"ใครจะยังต้องการมันอีกไหม?"
ยังคงมีมือที่ยกขึ้นอีก
"ดี" เขาตอบ " แล้วถ้าผมทำอย่างนี้ล่ะ?"
แล้วเขาก็ทิ้งมันลงที่พื้นและเริ่มเหยียบย่ำมันด้วยรองเท้าของเขา แล้วเขาก็เก็บขึ้นมา ขณะนี้มันทั้งยับยู่ยี่และสกปรก
"ตอนนี้ใครยังต้องการมันอีกบ้างไหม?"
ก็ยังคงมีคนยกมืออีก
"เพื่อนๆ ครับ ท่านได้เรียนรู้บทเรียนที่มีคุณค่ามากที่สุดบทหนึ่งแล้วว่า ไม่ว่าผมจะทำอะไรกับเงิน ท่านก็ยังต้องการมันอยู่ เพราะว่ามันไม่ได้ลดคุณค่าในตัวมันลงเลย มันก็ยังคงมีค่า 20 ดอลล่าร์อยู่นั่นเอง เหมือนกับหลายๆ ครั้งในชีวิตของเรา ที่ถูกทิ้ง ถูกเหยียบย่ำและถูกทำให้สกปรกโดยสิ่งที่เราตัดสินใจทำมัน และสภาพแวดล้อมที่เราเจอ ทำให้เรารู้สึกว่าคุณค่าของเราลดน้อยลง แต่ไม่ว่าอะไรที่ได้เกิดขึ้น หรืออะไรที่จะเกิดขึ้น ท่านไม่เคยสูญเสียคุณค่าของท่านเลย ท่านยังเป็นคนพิเศษอยู่เสมอ อย่าลืมมันตลอดไป! “
(๒)
เรื่องเล่าจากอินเตอร์เน็ตที่กล่าวมาข้างต้น ผู้แต่งหรือผู้เขียนเรื่องนี้ขึ้น ต้องการที่จะแสดงให้ทุกคนมองเห็นถึงความสำคัญของชีวิต เป็นการเปรียบเทียบให้เห็นว่าชีวิตของคนเรานั้นช่างมีค่ามากมายมหาศาลเหลือเกิน ไม่ว่าเราจะตกอยู่ในสภาพใดก็ตาม ชีวิตก็ยังคงเป็นชีวิตที่มีค่าอยู่เสมอ และค่าของชีวิตก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปแต่อย่างใด
ในยามที่ตนเองประสบกับความทุกข์หรือพบกับความล้มเหลวในเรื่องต่างๆ มีหลายคนที่พยายามคิดอยู่ตลอดเวลาว่าชีวิตของตนเองนั้นช่างไร้ค่าและต่ำต้อยเหลือเกิน ไม่มีสิ่งใดๆ เหลืออยู่ให้เกิดความภาคภูมิใจอีกเลย ซึ่งเป็นการคิดแบบมองโลกในแง่ร้าย มองชีวิตในด้านเดียว โดยที่ไม่ได้หันไปเหลียวมองอื่นๆ ประกอบด้วย ซึ่งทำให้เกิดความทุกข์ขึ้นมาอย่างสาหัส จนเป็นสาเหตุนำไปสู่การคิดสั้น โดยการฆ่าตัวตาย หรือการฆ่าลูกเมียตายและลงมือฆ่าตนเองตายตามไปในภายหลัง เป็นต้น ซึ่งเป็นการแก้ไขปัญหาที่ผิดๆ และแก้ไขที่ปลายเหตุ
ชีวิตของคนเรานั้น เราต่างก็มีความทุกข์หรือมีปัญหาเป็นของตนเองตั้งแต่เกิดจนกระทั่งตายจากโลกนี้ไป ทั้งปัญหาที่เกิดจากสภาพร่างกาย การเจ็บไข้ได้ป่วย และปัญหาที่เกิดกับจิตใจ ความทุกข์ความโศกเศร้าใจต่างๆ นานา ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่สามารถจะพบเห็นได้ทั่วๆ ไป มีทั้งปัญหาที่เกิดจากตนเอง และปัญหาที่เกิดจากคนอื่นนำมาให้ จนบางครั้งก็เกินกว่าที่จะแบกรับภาระทั้งหมดเหล่านั้นเอาไว้ได้
ในยามใดก็ตามที่เกิดปัญหาหรือความทุกข์ขึ้นมาในชีวิต เราไม่ควรที่จะเกิดความท้อแท้หรือเบื่อหน่ายสิ้นหวัง ไม่ควรที่จะตำหนิหรือโทษตนเอง อย่าเหยียดหยามหรือดูหมิ่นตนเองว่าไร้ค่าหรือต่ำต้อย แต่จงมองโลกในแง่ดี ให้ความหวัง และให้กำลังใจแก่ตนเองอยู่เสมอ
ในความเป็นจริงแล้ว ชีวิตของคนเราทุกคนต่างก็มีคุณค่าและมีศักดิ์ศรีอยู่ในตัวเองทั้งหมด ไม่มีชีวิตใดที่ไร้ค่าหรือมีค่ามากไปกว่ากัน
เราต่างก็มีความเสมอภาคกัน และไม่มีความแตกต่างใดๆ เลย เพราะเราต่างก็เป็นเพื่อนร่วมทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ และตายด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น
ชีวิตจึงมิใช่สิ่งที่ไร้ค่าอย่างที่คิด ไม่ว่าจะตกอยู่ในสภาพที่ย่ำแย่หรือเลวร้ายสักแค่ไหนก็ตาม
ชีวิตนี้มีค่ามากเหนือกว่าสิ่งใดๆ
จงหมั่นคอยดูแลรักษาและเอาใจใส่ตนเองให้ดีๆ
แล้วเราจะสามารถใช้ชีวิตอยู่ได้......
อย่างมีความสุขและมีคุณค่าตลอดเวลา
1. เรื่องเล่าข้างต้นนำมาจาก Forward mail
2. ภาพประกอบทุกภาพนำมาจากอินเตอร์เน็ต ขอขอบคุณเจ้าของภาพทุกท่านไว้ ณ โอกาสนี้ด้วยนะครับ
เพลง "Live and learn"
ศิลปิน "บอย โกสิยพงษ์+กมลา สุโกศล"
เวลาทุกนาที เป็นสิ่งมีค่าค่ะ โชคดีขนาดไหนแล้ว ... ที่เกิดมาเป็นเรา.... โชคดีขนาดไหนแล้ว ... ที่ได้อยู่ในโลกใบนี้
หากเราไม่เห็นคุณค่าในตัวเรา
ใครเล่าจะเห็นเรามีคุณค่า
ขอบคุณเรื่ิองราวดีๆค่ะ
สวัสดีค่ะมาเห็นภาพแบบนี้ก็ต้องเห็นตนเองมีคุณค่าสำหรับการสร้างสรรค์ให้กับคนรอบข้างได้บ้างค่ะ
เมื่อผมมีปัญหาหรือท้อแท้...หรือผ่านสิ่งไม่ดีในชีวิตที่ผ่านมา...ผมคิดแต่ตนเอง...ว่าเกิดมาทำไม...ไม่มีคุณค่า...หรือใครไม่ต้องเรา...แต่เมื่อผมมีลูก....ความคิดเปลี่ยนไป....ผมรักลูกมาก....ประสบการณ์ทำให้เรียนรู้และแบ่งปันลูกได้ว่า...ชีวิตของเรามีคุณค่ามากหรือน้อยไม่สำคัญ...จะคนรักเราและอยากเห็นเดินต่อไป คือ พ่อและแม่ครับ..
สวัสดีครับ คุณ Bright Lily
* ขอบคุณมากๆ ครับ ที่กรุณาแวะเข้ามาเยี่ยมและให้กำลังใจ
** กิจโฉ มนุสสปฎิลาโภ การได้เกิดเป็นมนุษย์นั้นแสนยาก......พระพุทธเจ้าตรัสไว้เช่นนี้นะครับ
สวัสดีครับ คุณ ชลัญธร
ขอบคุณมากๆ เลยนะครับ ที่กรุณาแวะเข้ามาเยี่ยมและทักทาย
สวัสดีครับ คุณ namsha
อัตตา หิ อัตตะโน นาโถ
ตนแลเป็นที่พึ่งแห่งตน.....นะครับ
สวัสดีครับ คุณครู Rinda
ชีวิตทุกชีวิตมีค่าเสมอนะครับ
ไม่ว่าเราจะมองจากมุมไหนก็ตาม
ด้วยเหตุนี้ เราจึงควรเอาใจใส่และดูแลชีวิตของเราเองให้ดีที่สุดในทุกๆ ด้าน
สวัสดีครับ คุณหมออดิเรก(ทิมดาบ)
* ช่วงก่อนจะมีลูก....ผมมองไม่เห็นจุดหมายปลายทางของชีวิตชัดเจนเท่าใดนักนะครับ แต่หลังจากมีลูกแล้ว ถึงทำให้ผมรู้ว่า...เราควรจะมีชีวิตอยู่อย่างไรและเพื่อใคร
** ขอบคุณมากๆ เลยครับ ที่คุณหมอกรุณาแวะเข้ามาเยี่ยมและให้กำลังใจอย่างสม่ำเสมอ
น่ารักมากค่ะ สีหน้าคน?ขับจริงจังมาก อิๆ
แวะมาอ่านเรื่องราวดี ๆ ภาพสวย ๆ ก่อนนอนค่ะ ตนเป็นที่พึ่งแห่งตนจริง ๆ ค่ะ
สวัสดีครับ คุณหมอแต้/ ป.
หากโลกนี้เป็นเหมือนการ์ตูนก็คงจะดีนะครับ
คนกับสัตว์จะได้พูดคุยกันรู้เรื่อง และการเบียดเบียนหรือรังแกกันก็จะได้ลดน้อยลง
ซึ่งคงจะทำให้โลกของเราสนุกสนานเฮฮาและน่าอยู่มากกว่านี้อย่างแน่นอน 555
สวัสดีครับ คุณดอกหญ้าน้ำ
* ขอบคุณมากๆ เลยครับ ที่กรุณาแวะเข้ามาเยี่ยมและให้กำลังใจ
** ขอให้มีความสุขและสนุกกับการใช้ชีวิตตลอดเวลานะครับ
ช่วงก่อนจะมีลูก....ผมมองไม่เห็นจุดหมายปลายทางของชีวิตชัดเจนเท่าใดนักนะครับ แต่หลังจากมีลูกแล้ว ถึงทำให้ผมรู้ว่า...เราควรจะมีชีวิตอยู่อย่างไรและเพื่อใคร
อ่านความเห็นของน้องแล้วทำให้คิดถึงลูกค่ะ แม้พวกเขาจะโตมาก ทำงานกันแล้ว และอยู่ไกล แต่เขายังคงเป็นลูกเล็กๆ อยู่ในใจของแม่ และทำให้รู้ว่า "...เราควรจะมีชีวิตอยู่อย่างไรและเพื่อใคร"
สวัสดีค่ะ...
พี่กลับไปดูภาพในบันทึกนี้อีกครั้ง
ทำให้นึกถึงคอนเสิร์ตคุณพระช่วยครั้งหนึ่ง ตอนที่น้องผู้หญิงตาบอดร้องเพลงโดยมีน้องอีกคนพิการทางหูเล่นเปียโน เพลงที่ทั้งคู่เลือกมาโชวชื่อ "แก้วกัลยา" เป็นเพลงทีแต่งเพื่อรำลึกถึงสมเด็จเจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนาฯ
เสียงเพลงของน้องที่ตาบอดไพเราะมาก ประกอบเสียงเปียโนที่เล่นโดยน้องที่ไม่เคยได้ยินเสียงใดๆ เลยมาแต่กำเนิด น่าประทับใจ คนดูหลายคนน้ำตาไหล
พี่นั่งดูด้วยความตื้นตันใจ
"คนพิการไม่ได้ต้องการความสงสาร พวกเขาต้องการแค่โอกาส"
พิธีกรพูดไว้อย่างนั้น มันยิ่งทำให้พี่เศร้าใจ เพราะเมืองไทยของเราไม่เคยให้โอกาสคนพิการ...
สวัสดีครับ คุณ nui
* ความรักและความผูกพันระหว่างพ่อแม่กับลูก เป็นความรักที่ไม่มีเงื่อนไขหรือไม่เคยเปลี่ยนแปลงนะครับ ไม่ว่ากาลเวลาจะผ่านไปยาวนานสักเพียงใดก็ตาม
** ผมเคยดูคลิปรายการคุณพระช่วยต่อที่คุณพี่พูดถึงเช่นกันนะครับ ดูแล้วก็ประทับใจมากๆ เลย และเห็นด้วยอย่างยิ่งกับคำพูดของพิธีกรที่บอกว่า... "คนพิการไม่ได้ต้องการความสงสาร พวกเขาต้องการแค่โอกาส"
*** ขอบคุณมากๆ เลยครับ ที่กรุณาแวะเข้ามาเยี่ยมและเติมเต็มสิ่งดีๆ ให้กับบันทึกนี้เป็นครั้งที่ 2