วัยรุ่นวุ่นนัก...ความรัก...เข้าค่าย (2/2)


ผมเดินทางกลับบ้านจากค่ายเกือบห้าทุ่ม...กว่าจะเข้านอนก็ปาเข้าหกทุ่ม....เปิดเข้าห้องลูกชายเห็นกำลังนอนหลับแล้ว...เพียงหอมแก้มเขาเบาๆ ไม่ให้เขาตื่น....ผมก็เป็นสุขใจ...ในการเลือกทางเดินและสิ่งที่ทำได้...ผมหวังเพียงว่า ลูกคงเข้าใจ

 

ว่าบางครั้ง...ชีวิตของคนเราควรคิดถึงผู้อื่นบ้าง....แต่ก็ต้องไม่ละเลย....ลืมคิดถึงตนเองและครอบครัว…ชีวิตของเราจะรู้สึกอิ่มอุ่นเสมอ...

 

เมื่อไหร่ถ้าเราคิดถึงแต่ตนเอง...รู้สึกถูกเอารัดเอาเปรียบจากผู้อื่น...ความรู้สึกนั้น....จะย้อนมาทำลายเรา...ในการเอารัดเอาเปรียบและดูถูกใจของตนเองเช่นกัน

 

 

ผมตื่นอีกที...เป็นวันรุ่งเช้าตีสี่...เพื่อทำงานตนเองและช่วยดูงานเอกสารวิจัยให้น้องๆ ที่สนใจทำ R2R

มีเวลาบ้าง...ผมจึงอ่านเขียนบันทึกสั้นของการเดินทางที่ผ่านมา....

เป็นวันที่สองค่ายของพวกเรา...มาอยู่ค่ายทหาร...เป็นรูปแบบที่แตกต่างจากรุ่นก่อน...เด็กบางครั้งถึงมีประสบการณ์ชีวิตพอสมควร...แต่มาอยู่ค่ายทหาร...ก็หวั่นๆ เล็กน้อย...แต่ทีมวิทยากรก็ไม่ได้ให้ทหารจัดเต็มเท่าไหร่...เพราะพื้นฐานอารมณ์และการเดินทางของชีวิตของเด็ก...ไม่เท่ากัน

 

 

ผมอยู่กลุ่มสีแดง..มีน้องชายทั้งหมด 14 คน...นับว่ามากกว่าเดิมมาก

น้องแต่ละคน..คนละแบบ....ผมเริ่มหาวิธีจดจำรายละเอียดน้องให้มากที่สุด

ช่วงใบงานถนนชีวิต...เป็นช่วงหนึ่งที่ดีที่สุดของผม...ที่จะได้รับรู้เรื่องราวของน้อง ๆ

ฝนตกพร่ำๆ น้องบางคนมองออกไปที่ท้องฟ้า...หยาดฝนทำให้ทุกคนคิดถึงบ้าน...และคนที่ทุกคนรัก

 

 

น้องคนหนึ่งอายุ 15 ปี...เมื่อมาเล่าถนนชีวิตของตนเอง...เล่าไปน้ำตาเริ่มไหล...และพูดไม่ได้ต่อ....ผมเข้ากอดน้อง...น้องยังสะอึดสะอื้นเหมือนลูกนกที่ร่อนเร่พเนจรหลงรัง

น้องหลายคน...ไม่เคยอยู่กับพ่อและแม่.....ความสนิทสนมจึงอยู่กับเพื่อน

 

 

แบบแผนของชีวิตของน้องส่วนใหญ่....

เริ่มต้นจาก...การเรียนหนังสือ...มีเพื่อน...มีแฟน...ตีกัน...เริ่มสูบบุหรี่....กินเหล้า...ดมกาว...และเสพยาเสพติดที่สูงและแพงขึ้น

การกอดเหมือนการทลายกำแพงแห่งความไม่เชื่อใจ...ความไม่วางใจต่อกันได้มากที่สุด

สังเกตว่า...เมื่อเวลาพัก...จะมีน้องมีฝากเงิน....ฝากมือถือ....ฝากกระเป๋า

และที่ทำให้ผมมีความรู้สึกโชคดี คือ

ผมได้รับฟังเรื่องราวชีวิตของน้องๆ....ที่เหมือนเหรียญสองด้าน

เป็นเฉกเช่นเดียวกันกับชีวิตทุกคนที่อยู่บนโลก

เป็นธรรมชาติที่ทำให้เราค้นพบความงามของแสงอาทิตย์...หรือแสงนวลผ่องของพระจันทร์

 

 

ผมว่า...ความรัก...เป็นเพียงสิ่งเดียวที่ทำให้โลกเคลื่อนไหว

และสามารถแก้ปัญหาต่างๆ ได้ดีที่สุด

ถ้าผู้ใหญ่ให้ความรัก ความเมตตากับเด็ก...เด็กจะรู้สึกไว้วางใจและไว้ใจ

 

 

เมื่อความรักมา...การเปิดใจ..และการเปิดโลกของการเรียนรู้จะมากขึ้น

จะทำให้เกิดการไตร่ตรอง...ทบทวน...และตัดสินใจ...โดยวิจารณญาณที่อิสระ

เป็นปัญญาที่เกิดขึ้นโดยตนเอง....ในการเข้าใจตนเอง...ผู้อื่น และโลก

 

 

 

 

 

 

 

หมายเลขบันทึก: 490283เขียนเมื่อ 6 มิถุนายน 2012 09:09 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 มิถุนายน 2012 20:35 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (6)

ขอชื่นชมกับการดูแลปลูกฝังเยาวชนเช่นนี้ค่ะ..ช่วยกันคนละไม้ละมือ เพื่ออนาคตที่สดใสของประเทศชาติ..

  • สวัสดีครับ
  • ผมชอบคำนี้จัง "การกอดเหมือนการทลายกำแพงแห่งความไม่เชื่อใจ"
  • ฟังดูแล้วอมตะดีครับ
  • ขอบพระคุณสำหรับเรื่องสั้นที่นำมาให้รับรู้รสชาติและความรู้สึกครับ

ขอบคุณมากค่ะทิมดาบมีกิจกรรมดีๆ มาแบ่งปัน

สวัสดีน้องทิมดาบ

เปิดพื้นที่แห่งความไว้วางใจ แล้วจะได้ข้อมูลใหม่ที่เที่ยงตรง จริง

"ความรักทำให้โลกเคลื่อนไหว"...ชอบประโยคนี้จังเลยครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท