เมื่ออยากจะเขียนในหัวข้อนี้ ก็นึกถึงท่านพุทธทาสที่รู้สึกว่าเคยผ่านหูผ่านตามาว่า
ท่านเคยสนทนาธรรมกับผู้นำทางศาสนา ก็ลองคลิ๊กหา ที่ได้มาคือตรงนี้http://www.lanna.mbu.ac.th/panya/no_61/vision.asp
ความสงบสุขของโลกโดยรวม ๆ นั้น มาจากศาสนา ใครที่ทำอะไรไม่ค่อยดีไม่ค่อยงามมักจะเรียกกันว่าพวกไม่มีศาสนา ดูเหตุการณ์ในโลกปัจจุบัน กลับเห็นว่าพวกมีศาสนานั่นเองที่รบราฆ่าฟันกัน ไม่ว่าในศาสนาเดียวกัน หรือ ต่างศาสนา พวกไม่มีศาสนากลายเป็นคนกลุ่มน้อย อาจจะคอยดูพวกมีศาสนาเขาทะเบาะแวง ขัดแย้งกัน ฆ่าฟันกันอย่างน่าขัน 555
การทะเลาะกันของคนศาสนาเดียวกัน น่าจะมาจากสาเหตุอะไรบ้าง พระศาสดาของทุกศาสนา ท่านเกิดมาในโลกนานแสนนาน ท่านก็มีสาวก เอาคำสอนไปเผยแพร่ สาวกของสาวกก็นำเผยแพร่ต่อ และก็เผยแพร่ต่อ ๆ ๆ กันมา ร้อยปี พัน ๆ ปี ต่อมา การรับรู้ของผู้คนก็ค่อยเปลี่ยน เกิดพวกหัวใสอยากคิดใหม่ พิธีกรรมใหม่ แบบไม่รู้จริงก็เกิดขึ้น ตั้งตัวเป็นศาสดาน้อย ค่อย ๆ สร้างความคิด ความเชื่อใหม่ ๆ ขึ้นมา เมื่อศาสดาน้อยมีหลายสำนัก 555 ก็ชักได้ใจ ที่ได้รับการเคารพนบน้อมจากผู้คนที่ไปโน้มน้าวจูงใจเอามาได้ สุดท้ายศาสดาน้อยก็ค่อย ๆ ห้ำหั่นกันเองยังไม่พอ ก็เอาสาวกไปไปรบราฆ่าฟัน ทะเลาะเบาะแว้งกันในหมู่ที่มาจากพระศาสดาองค์เดียวกัน อนิจจาช่างน่าสงสาร หากท่านศาสดามาพบเห็น คงจะเตะให้กระเด็นไปคนละทิศคนละทาง 555 ที่สาวกของท่านจับแก่นแท้ในคำสอนของท่านไม่ได้ จนทำให้แตกแยกกันเอง แต่ในความเป็นจริงท่านเองกลับมาไม่ได้ จึงบันดาลให้รบราฆ่าฟันกันไปตามกรรม
มาถึงการทะเลาะกันกับต่างศาสนาบ้าง ก็ต่างคนก็ต่างมีความศรัทธาในศาสนาของตน ปฏิบัติศาสนกิจของตนไป ถ้าต่างศาสนิกชนใดต่างก็ปฏิบัติศาสนกิจของตนไป ก็ไม่น่าจะไม่ปัญหาอะไรเกิดขึ้น แต่ปฏิบัติไป ๆ จนนานวัน นานปีเข้า ก็เข้าไปล่วงเกินศาสนาอื่น ประมาณว่าของฉันดี ของเธอไม่ดี มันก็ค่อยทวีความเกลียดชังในเพื่อนต่างศาสนา คนที่คิดเกลียดชังศาสนาอื่น ๆ นี้สันนิษฐานว่าศาสนาของตัวเอง ก็ยังเข้าถึงเข้าใจไม่ได้ แล้วจะไปเข้าใจศาสนาอื่นได้อย่างไร
แล้วความผิดพลาดมันอยู่ตรงไหน ไอ้ที่ทะเลาะกันเองในหมู่ศาสนาเดียวกัน และยังหันไปทะเลาะกับเพื่อนมนุษย์ต่างศาสนา
ผู้นำทางศาสนาในทุกระดับ หรือไม่…ที่นำยังไม่ได้จริง
องค์กรของรัฐที่ดูแลในเรื่องศาสนาหรือไม่ ที่ยังไม่เข้าใจ และไม่เข้าถึงจริง การนับถือศาสนาของผู้คน จนไม่สามารถกระทำให้ผู้นำทางศาสนา เข้าใจเข้าถึงแก่นแท้ศาสนาของตนเอง และต่างศาสนา เพื่อนำมาซึ่งความสงบสุขในการอยู่ร่วมกันได้
ที่พูดไว้ในตอนต้นว่า พอคิดถึงหัวข้อนี้ก็คิดถึงทานพุทธทาส ที่ท่านได้สนทนากับชาวคริสต์ ความส่วนหนึ่งว่า “การศึกษาเปรียบเทียบศาสนาต่างๆ ด้วยความหวังดี ย่อมจะก่อให้เกิดความเข้าใจกันดีขึ้น ทั้งจะทำให้เราไม่คิดที่จะทำในสิ่งที่จะก่อให้เกิดความบาดหมางแก่อีกฝ่ายหนึ่ง การไม่ทำร้ายจิตใจผู้อื่นนั้น จะทำให้เราอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติ ระหว่างประชาคมโลก……ดูรายละเอียดในเว็บไซต์ที่กล่าวถึงข้าต้น)
คิดถึงตอนเรียนมัธยมต้น ท่านปัญญานันทภิกขุท่านไปพูดให้เด็กๆ ฟังที่โรงเรียน และก็มีหะยีท่านหนึ่งรุ่นราวคราวกันกับท่านปัญญานันทะ ผมจำชื่อท่านไม่ได้ ท่านก็ไปพูดให้นักเรียนฟัง
จึงทำให้คิดว่า ความเข้าใจในศาสนาเดียวกันของต่างนิกาย และต่างศาสนาจะดีขึ้นได้ ต้องมีกิจกรรมที่ผู้นำทางศาสนาในทุกระดับ เช่น ตำบล อำเภอ จังหวัด ระดับชาติ และนานาชาติ
มาสนทนาธรรมกันเป็นระยะๆ ให้ดีก็ควรมีทุก ๆ ปี ไอ้ทีประกวดนางงาม ประชุมเรื่อง เศรษฐกิจ การเมือง และสังคมอื่น ๆ ยังทำกันได้ทุกปี แต่พอเรื่องศาสนานี้ ทำไมถึงทำกันไม่ได้
ก็เข้าใจว่า ยังไม่เข้าถึง เข้าใจในเรื่องการนับถือศาสนาของผู้คนกันจริง ๆ ของผู้คนที่เกี่ยวข้อง
การทำให้ผู้นำทางศาสนามาพูดคุยกันได้ควรจะเป็นหน้าที่ของกรมศาสนา ที่มีสำนักพุทธศาสนาอยู่ในทุกจังหวัดเป็นผู้รับผิดชอบในการจัดการให้เกิดขึ้น ในทุกระดับที่กล่าวมา ถ้าให้ดีต้องจัดในระดับชาติ และนานาชาติ ที่มีการออกทีวีไปทั่วไทย และทั่วโลก เราสามารถนำครัวไทยไปเป็นครัวโลกได้ แล้วทำไมเราจะนำความเข้าใจในเรื่องศาสนามาสร้างสันติภาพไทยในระดับหมู่บ้าน ตำบล อำเภอ และระดับชาติ แล้วนำไปสู่สันติภาพโลกไม่ได้
หมายเหตุ ในเรื่องศาสนานี้ได้เขียนเรื่อง เทศนาเพื่อให้เกิดปัญญา หรือเพียงว่าเป็นพิธีกรรม ไว้ใน http://www.gotoknow.org/blogs/posts/482527
ไม่มีความเห็น