บันทึก 10 ปี การแต่งงาน และวันเกิดของลูกสาวคนโต(3)


“ข้าแต่พระอินทร์ พระพรหม เทวดาอารักษ์ และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย! บัดนี้ ได้เวลาแห่งการให้กำเนิดบุตรแล้ว หากเทพบุตรหรือเทพธิดาองค์ใดมีความปรารถนาจะบังเกิดเป็นบุตรของข้าพเจ้า ก็ขอให้ท่านได้โปรดจุติลงในครรภ์ของภรรยาของข้าพเจ้าได้ ณ บัดนี้ เทอญ”

 

 

 

 

เรื่องเล่าจากบ้านแม่ตาด :

บันทึก 10 ปี การแต่งงาน และวันเกิดของลูกสาวคนโต(3)

 

 

 

 

(๖)    นกป่าหลงกรุง

 


               หลังจากแต่งงานได้ 1 ปี  ต่อมาผมตัดสินใจเดินทางลงไปหางานทำที่กรุงเทพมหานคร เพื่อให้มีโอกาสได้อยู่ใกล้กับภรรยามากยิ่งขึ้น โดยผมสมัครไปทำงานหลายที่ จนสุดท้ายก็ได้ทำงานที่มูลนิธิชุมชนไท ในแผนกงานสื่อและประชาสัมพันธ์ ซึ่งมีหน้าที่ในการเขียนข่าว เขียนหนังสือ และทำสื่อประชาสัมพันธ์ต่างๆ ซึ่งเป็นงานที่ผมมีความชื่นชอบและถนัดอยู่แล้ว

               ต่อมาผมก็มีโอกาสได้เข้าไปทำงานที่ฝ่ายประชาสัมพันธ์ ของสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน(องค์การมหาชน) โดยทำหน้าที่ในการเขียนงาน เขียนสกู๊ป ลงพื้นที่ทำข่าว และเขียนข่าวส่งให้หนังสือพิมพ์หลายฉบับด้วยกัน  จนทำให้สามารถเขียนข่าวหรือเขียนงานต่างๆ ได้อย่างดีมาจนถึงปัจจุบันนี้

               ผมใช้ชีวิตอยู่ในเมืองกรุงอยู่เป็นเวลาเกือบ 5 ปี ด้วยกัน  ซึ่งในช่วงเวลาดังกล่าวนั้น ผมเกิดความรู้สึกว่าตัวเองเป็นเหมือน “นกป่าที่หลงกรุง” เป็นช่วงเวลาที่ผมรู้สึกมึน อึดอัด และเครียด ทั้งจากสภาพอากาศ สิ่งแวดล้อม และสังคมที่บีบคั้นและเห็นแก่ตัว

               ทุกๆ วันศุกร์ ผมจะเดินทางไปเยี่ยมภรรยาที่จังหวัดสระแก้ว ซึ่งอยู่ห่างจาก กทม.ไปทางภาคตะวันออก ประมาณ 250 กม.  แต่บางครั้งภรรยาก็เป็นฝ่ายเดินทางมาพักกับผมเองที่ กทม. ซึ่งก็รู้สึกดีกว่าช่วงที่ผมยังอยู่ที่เชียงใหม่มาก

 

 

(๗)    การจุติของเทพธิดาองค์น้อย

 


               ในช่วงนั้น ผมมีโอกาสได้ปรึกษากับภรรยาในหลายเรื่องราวด้วยกัน  รวมทั้งเรื่องการมีบุตรด้วย เนื่องจากตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เราสองคนยังไม่พร้อม ทั้งเรื่องาน เรื่องเงิน และที่พักอาศัยที่เป็นหลักแหล่ง  ภรรยาของผมจึงต้องกินยาคุมกำเนิดอยู่ตลอด

               เมื่อเราสองคนมีความพร้อมและตัดสินใจที่จะมีบุตรด้วยกันอย่างแน่นอนแล้ว ผมก็บอกให้ภรรยาเลิกกินยาคุมกำเนิดและปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามธรรมชาติของมันเอง

               เหตุผลสำคัญที่ทำให้เราตัดสินใจที่จะมีบุตร ก็เพราะว่าภรรยาของผมเริ่มจะกังวลถึงเรื่องอายุ  เนื่องจากวัยใกล้จะเข้า 30 ปีแล้ว หากปล่อยให้วันเวลาผ่านไปเรื่อยๆ อาจจะไม่เป็นผลดีต่อการมีบุตรและการคลอดบุตรก็ได้ 

               ผมถามภรรยาว่า  อยากได้ลูกสาวหรือลูกชาย? 

               เธอบอกว่า ลูกสาวก็ได้ หรือลูกชายก็ดี  ขอเพียงให้ลูกเป็นคนดีก็พอแล้ว  ซึ่งตรงกับความคิดของผมพอดี

               ทุกๆ ค่ำคืนของช่วงนั้น  ก่อนนอนผมและภรรยาจะพากันไหว้พระและสวดมนต์ทุกคืน พร้อมทั้งขอพรจากเทวดาและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ เพื่อให้ช่วยประทานบุตรหรือธิดาผู้ประเสริฐมาจุติในครอบครัวของตนเอง

               โดยผมจะอธิษฐานทุกค่ำคืนว่า  “ข้าแต่พระอินทร์ พระพรหม เทวดาอารักษ์ และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย! บัดนี้ ได้เวลาแห่งการให้กำเนิดบุตรแล้ว  หากเทพบุตรหรือเทพธิดาองค์ใดมีความปรารถนาจะบังเกิดเป็นบุตรของข้าพเจ้า  ก็ขอให้ท่านได้โปรดจุติลงในครรภ์ของภรรยาของข้าพเจ้าได้ ณ บัดนี้ เทอญ”

               เมื่ออธิษฐานเสร็จเรียบร้อยแล้ว ผมก็เอนตัวลงนอนข้างๆ ภรรยา ผู้ซึ่งหลับสนิทและฝันดีไปก่อนหน้านี้ตั้งนานแล้ว  (คิคิคิ)

               ประมาณ 2 เดือนต่อมา ภรรยาของผมก็เกิดอาการแพ้ท้องอยู่หลายวัน จนทำให้มั่นใจได้ว่าท้องอย่างแน่นอน

               เธอโทรไปบอกให้ผมทราบในขณะที่ผมกำลังเดินทางไปทำข่าวที่ต่างจังหวัด โดยผมรับทราบข่าวดีนี้อย่างงงๆ  และด้วยความรู้สึกแบบแปลกๆ ทั้งดีใจ สุขใจ  กังวล และอะไรต่อมิอะไรอีกหลายอย่าง ตามประสาของคุณพ่อมือใหม่

               ช่วงนั้น เมื่อผมนอนหลับตอนกลางคืน ผมฝันเห็นเด็กผู้หญิงตัวน้อยๆ หน้าตาน่ารักๆ มาจูงมือผมไปเดินเล่นตามชายหาด บางครั้งก็ขี่คอผมเล่นอย่างสนุกสนาน ซึ่งผมฝันซ้ำๆ แบบนี้อยู่หลายคืน จนทำให้แน่ใจว่าลูกที่อยู่ในครรภ์ของภรรยาตั้งเป็นเด็กผู้หญิงอย่างแน่นอน

               เมื่อผมเล่าเรื่องความฝันให้ภรรยาฟัง  เธอก็ยิ้มและไม่เชื่อว่าผมจะฝันแม่นขนาดนั้น ต้องรอตอนครบ 6 เดือนก่อน พอไปทำการอัลตร้าซาวด์แล้วก็จะทราบเอง ซึ่งต่างจากผมที่มั่นใจล้านเปอร์เซ็นต์ว่าลูกในครรภ์จะต้องเป็นผู้หญิงอย่างแน่นอน

               ครั้นเมื่อภรรยาของผมตั้งครรภ์ได้ 6 เดือน  ผมพาเธอไปทำการอัลตร้าซาวด์ที่โรงพยาบาลรามคำแหง โดยผมกับเธอต่างก็ลุ้นกันอย่างใจจดใจ่จ่อว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายกันแน่

               ในที่สุด ความฝันของผมก็เป็นความจริง เมื่อคุณหมอบอกให้ทราบว่าทารกที่อยู่ในครรภ์เป็นผู้หญิงอย่างแน่นอน ทำให้ผมเกิดความรู้สึกทึ่งไม่น้อยที่ตัวเองสามารถทราบเพศของบุตรได้จากความฝันก่อนที่จะทำการอัลตร้าซาวด์เสียอีก

               จากนั้นผมกับภรรยาก็ช่วยกันตั้งชื่อให้ลูกสาวไว้ล่วงหน้า ทั้งชื่อจริงและชื่อเล่น โดยคิดไว้หลายสิบชื่อด้วยกัน  ก่อนจะลงเอยที่ชื่อเล่นว่า  “น้องเพียงพอ” และตั้งชื่อจริงให้เธอว่า  “สิริวิริยา”  ซึ่งแปลว่า  “ผู้หญิงที่มีความขยันหมั่นเพียรเป็นสิริมงคลแห่งชีวิต”



(โปรดติดตามอ่านต่อ....ตอนจบ)







เพลง  "คือเจ้าเท่านั้น"

ศิลปิน   "ไหมไทย   ใจตะวัน"




หมายเลขบันทึก: 489136เขียนเมื่อ 25 พฤษภาคม 2012 19:37 น. ()แก้ไขเมื่อ 29 พฤษภาคม 2012 11:09 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (13)

ชอบภาพนี้จังค่ะ สี่สาวน่ารักอย่างเป็นธรรมชาติ 

สวัสดีครับ อาจารย์ ดร. ธวัชชัย ปิยะวัฒน์

 

พรุ่งนี้....จะเป็นตอนจบนะครับ

โปรดอย่าพลาดอ่านโดยประการทั้งปวง 555

สวัสดีครับ คุณหมอแต้/ ป.

 

*ภาพนี้ทางตอนไปเที่ยวที่ริมฝั่งโขง จังหวัดมุกดาหาร ตอนปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมานะครับ

** สุขสันต์วันเกิด(อีกรอบ)นะครับ.....ขอให้คุณหมอแต้มีความสุข สุขภาพแข็งแรง ได้เป็นศาสตราจารย์ก่อนอายุ 40 และพบเจอแต่สิ่งที่ดีงามตลอดเวลานะครับ

ขอบคุณสำหรับบันทึกที่เป็นแรงบันดาลใจสำหรับบันทึกล่าสุดของฝม ...อย่าลืมอ่านบันทึกของฝมบ้างเด้อ

สวัสดีครับ คุณพี่ พ.แจ่มจำรัส

 

รับรองว่าผมจะแวะเข้าไปอ่านอย่างแน่นอนครับ

สวัสดีครับ...อาจารย์พี่

อ่านมาถึงตอนที่ 3 ...

อยากเขียนบันทึก...กับเหตุการณ์ชีวิตที่ยิ่งใหญ่...

การแต่งงาน...วันเกิดของลูก

แต่กลัวหวานและลึกซึ้งไม่พอ...

ทำอย่างไรดีครับ ? (555)

ตอนนี้แค่รออ่านบันทึกที่ 4 ของพี่ไปก่อน...อย่างหิวกระหาย...กระวนกระวาย...ก็แล้วกันครับ

พี่เคยเห็นโฆษณาหนังไหมครับ...ต้องเคยนะครับ...

ทีมงานเขาจะมีวลีเด็ดโปรยมาให้คนอยากเข้าชม

ผมอยากเสนอวลีเด็ดให้พี่พิจารณาครับ

"เธอคืออดีตของฉันที่เป็นอนาคตของเธอ"

ผมแอบเอามาจากพี่ใหญ่ http://www.gotoknow.org/blogs/posts/370389

ผมเข้ามาสองครั้งแล้ว...เกินโควต้า...ทำให้รกบ้าง

แต่ก็สุขใจที่ได้กลับมาอ่านอีกครั้งครับ

ชอบอ่านการเขียนแนวนี้ค่ะ คิดว่าทำไมเขียนดีนัก ชวนให้ติดตามเพราะมีเบื้องหลัง(การทำงาน)อย่างนี้นี่เอง
จะรีบไปอ่านตอนจบค่ะ /ขอบคุณ

สวัสดีครับ คุณหมออดิเรก(ทิมดาบ)

 

* การเขียนให้รู้สึกว่าหวานและลึกซึ้ง ต้องมาจากอารมณ์และความรู้สึกที่เรามีอยู่ด้านในด้วยนะครับ

ในยามที่ผมอารมณ์ดี..... งานเขียนของผมก็จะออกมาในแนวขำๆ เฮฮา และสนุกสนาน

ในยามที่ผมอยู่ในอารมณ์เศร้า....งานเขียนของผมก็จะออกแนวเศร้าๆ เหงาๆ ตามไปด้วย ทั้งหมดขึ้นอยู่กับอารมณ์หรือความรู้สึกที่มีอยู่ภายในนะครับ

ทั้งนี้ การฝึกเขียนในหลายๆ รูปแบบ และเขียนบ่อยๆ จะทำให้เราค้นพบสิ่งที่ตนเองมีความถนัด พอเราเขียนในสิ่งที่เราถนัดหรือชอบแล้ว งานทุกอย่างก็จะออกมาดีและน่าติดตามเองครับ

 

** วลีที่ว่า "เธอคืออดีตของฉันที่เป็นอนาคตของเธอ" อ่านแล้วรู้สึกงงๆ นะครับ 555

*** รู้สึกดีใจและภูมิใจมากเลยนะครับ ที่ทราบว่าบันทึกของผมเรื้องนี้ทำให้คุณหมอต้องคอยติดตามอ่านต่อด้วยความรู้สึกกระวนกระวาย....เหลือเชื่อเลยจริงๆ 555

สวัสดีครับ คุณครู krusorn

 

ขอบคุณมากๆ เลยครับ ที่ชอบงานเขียนของผม และจะติดตามอ่านบันทึกเรื่องนี้จนจบทุกตอน

ขอบคุณมากจริงๆ ครับ

  • นิยายรักเรื่องนี้น่าติดตาม จังเลยนะ นางเอกสวยพระเอกก็หล่อ
  • นางฟ้าน้อยๆก็น่ารัก

สวัสดีครับ คุณพี่ ♥อุ้มบุญ♥

 

โอ! พี่หญิงชมจนผมตัวลอยเหนือผืนดินตั้ง 3 กม.เลยนะครับเนี่ย 555

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท