คุณเป็นผู้จัดการที่มีวิธีการบริหารงานแบบไหน


คนที่เป็นหัวหน้างาน หรือผู้จัดการนั้น หน้าที่หลักก็คือ ต้องบริหารจัดการการทำงานทั้งของตนเองและของลูกน้องเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ แต่วิธีการบริหารงานของผู้จัดการแต่ละคนก็จะแตกต่างกันออกไป แล้วแต่สไตล์ของแต่ละคน สไตล์ไหนที่มีประสิทธิภาพประสิทธิผล และคุณเองบริหารงานลูกน้องอย่างไรบ้าง ลองมาดูกันนะครับ

อ้างอิงถึงข้อเขียนของ Dan McCarthy ที่ได้เขียนไว้ใน Blog Great Leadership ซึ่งได้ให้โมเดลในการบริหารผลงานของลูกน้องไว้ดังภาพข้างล่างครับ

  • Managing ถ้าท่านตกอยู่ในช่องนี้ แปลว่าท่านบริหารงานโดยเข้าไปมีส่วนร่วมในการทำงานอย่างจริงจัง (Take Action) และบริหารงานโดยเน้นผลลัพธ์ของงานมากกว่าการเข้าไปยุ่งเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ของพนักงาน มีการวางเป้าหมายผลงานทั้งในด้านตัวงาน และด้านพฤติกรรมหลักที่ส่งผลต่อการทำงาน ซึ่งช่องนี้น่าจะเป็นช่องที่ดีที่สุดในการบริหารผลงานของพนักงานนั่นเองครับ
  • Avoiding ถ้าผู้จัดการคนใดตกอยู่ในช่องนี้ แปลว่าผู้จัดการคนนั้นเป็นคนที่หลีกเลี่ยงปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น ซึ่งเป็นปัญหาที่มีผลต่อผลงานพนักงานด้วย อาจจะเกิดจากการที่ผู้จัดการไม่กล้าที่จะเข้าไปดำเนินการใดๆ เช่น ไม่กล้าบอกพนักงานว่าสิ่งที่เขาทำนั้นผิดอย่างไร ไม่กล้าที่จะตัดสินใจว่าควรจะทำอย่างไร ก็เลยหนีปัญหาไปซะเลย ปล่อยให้พนักงานเคว้งคว้าง และลุยมั่วไปเอง ซึ่งผลสุดท้ายก็ไม่ดีต่อผลงานของหน่วยงานและองค์กรครับ
  • Vacation ผู้จัดการคนใดที่ตกอยู่ในช่องนี้ แปลว่า เป็นคนที่บริหารงานได้แย่ที่สุดใน 3 ช่องนี้เลย ก็คือ ไม่มี Action อะไรใดๆ ในการทำงาน รวมทั้งไม่สนใจด้วยว่าผลงานของหน่วยงานของตนเองจะเป็นอย่างไร รักที่จะทำงานแบบสบายๆ ไม่ต้องเครียด และไม่ต้องพัฒนาอะไรใดๆ ทั้งสิ้น คนแบบนี้ไม่น่าจะมาเป็นผู้จัดการได้เลยด้วยซ้ำไป ผู้จัดการในลักษณะนี้ จะมีพฤติกรรมที่เด่นชัดก็คือ มาทำงานสาย มาแล้วก็ไม่ทำงาน เดินไปเดินมา เวลาลูกน้องมาถามอะไร ก็ตอบว่าไม่ใช่หน้าที่ของเขา โดยอ้างว่า ก็จ้างพนักงานมาแก้ไขปัญหาดังนั้นก็เป็นหน้าที่ของพนักงานที่ต้องแก้ไขกันไปเอง ส่วนผู้จัดการก็ทำงานเหมือนกับหยุดพักร้อนนั่นเองครับ
  • Nagging ผู้จัดการที่ตกอยู่ในช่องนี้ก็คือ คนที่มักจะมี Action กับสิ่งที่ไม่สำคัญ และไม่มีผลต่อผลงานสักเท่าไหร่ เช่นพฤติกรรมของพนักงานที่ไม่เกี่ยวข้องกับผลงานมากนัก แต่ผู้จัดการแบบนี้ก็มักจะเอาเรื่องเหล่านั้นมาเป็นเรื่องใหญ่โต เช่นพนักงานฟังเพลงไปด้วยระหว่างทำงาน ก็จะรู้สึกไม่ดี และจะต้องเรียกมาตักเตือน หรือ พนักงานพูดคุยกันมาก หรือ เอาอาหารเข้ามากินไปทำงานไป ฯลฯ ซึ่งพฤติกรรมเหล่านี้ไม่ได้ส่งผลต่อผลงานของพนักงานเลย หรืออาจจะส่งผลน้อยมาก แต่ผู้จัดการประเภทนี้จะใช้เวลากับพฤติกรรมต่างๆ เหล่านี้ของพนักงานมากเกินไปนั่นเองครับ

จาก 4 แบบที่กล่าวมา แบบที่น่าจะมีผลดีที่สุดในการบริหารงานก็คือ แบบแรกที่เรียกว่า Managing นั่นเองครับ ก็คือ เป็นหน้าที่และความรับผิดชอบของผู้จัดการโดยตรงที่จะต้อง Take Action ในการทำงาน ไม่ใช่ปล่อยเกียร์ว่าง รวมทั้งต้องบริหารงานโดยมุ่งเน้นไปที่ผลงาน และพฤติกรรมที่สร้างผลงานของพนักงานเป็นหลัก อ่านจบแล้วในบริษัทของท่านเอง มีผู้จัดการแบบไหนมากที่สุดครับ

คำสำคัญ (Tags): #ผู้จัดการ
หมายเลขบันทึก: 488885เขียนเมื่อ 23 พฤษภาคม 2012 06:43 น. ()แก้ไขเมื่อ 23 พฤษภาคม 2012 07:32 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

take action ในการทำงานให้ดีที่สุดนะคะ ตามบทบาท หน้าที่ให้ดีที่

ขอบคุณ บทความดีๆ นี้คะ

มีทุกแบบค่ะ..จำแนกความถี่มากน้อยค่อนข้างยาก:-(( ...และdHอาจจะเป็นตัวเองด้วยที่ทำหน้าที่เป็นหัวหน้าที่ไม่เอาไหนก็ได้...อ่านบันทึกแล้วก็จะได้นำมาใคร่ครวญ ปรับปรุงไปตามบริบทมากขึ้น ...จะเป็นแบบมีทุกอย่างในหนึ่งคน แต่ในสัดส่วนที่ต่างกันตามกรรมและวาระค่ะ ...ขอบคุณที่ได้อ่านสิ่งที่ดีๆเมื่อเพิ่มเริ่มต้นทำงานในแต่ะละวันเสมอ...:-))

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท