ไปหมู่บ้านทีไร จะรู้สึกสบายเหมือนได้กลับบ้าน ได้เติมพลังให้ตัวเองกลับมาทำงานในเมืองได้ชิวๆต่อ
ครั้งล่าที่เข้าไป ไปเจอต้นไม้แห่งความหลังอีกต้น ไม่นึกว่าจะได้เจอ ตอนเด็กๆรุ่นพี่ๆเขาสอนให้เรียกชื่อว่า "ลูกขบช้าง" เจอมันทีไรสายตาจะสอดส่ายหาลูกเหลืองๆของมัน เจอปุ๊บก็คว้าหมับเข้าปากดูดกินเนื้อใน อร่อยลิ้นแล้วก็พากัยไปวิ่งเล่น
เพิ่งรู้ว่าเจ้าต้นนี้ไม่ได้เจอในทุกที่ อย่างทางแม่ฮ่องสอนก็เพิ่งจะพาตัวล้ำเข้าไปให้คนทางโน้นรู้จักไม่นานนัก เรื่องอย่างนี้เป็นสัญญาณบอกความแปรเปลี่ยนของธรรมชาติทีละนิดๆหรือเปล่า ที่น่าสนใจคือไปโผล่ได้ยังไง
เจ้าไมยราบยักษ์ไปกับดิน เมล็ดปลิวไปกับลม ตกที่ไหนงอกที่นั่น ไม่รู้ว่านกกินลูกเจ้านี่มั๊ย ถ้ากินก็เป็นไปได้ที่จะมีนกเป็นตัวพาไปแพร่พันธุ์
รวบรวมมาได้ว่า ชื่อเรียกของมันมีแปลกๆ : ผ้าร้ายห่อทอง ที่คุณเกษตรยะลาเคยเอ่ยปากไว้ บะหิงห่าง ลูกรกช้าง ฝอยทอง กระโปรงทอง กระทกรกป่า กระทกรกบ้าน ตำลึงทอง
พอใช้ชื่อว่ากระทกรก คนมักจะนึกถึงเสาวรส พืชจากนอกประเทศซะมากกว่า
ก๊กของกระทกรกนี้ยังมี "กระทกรกยักษ์" อีกอย่าง เพิ่งเคยเห็นลูกของมัน
ตอนยังเด็ก เจ้าขบช้างนี้เป็นยอดผักอย่างหนึ่งที่สร้างความอยากรู้อยากกินผัก รสมันขมเล็กน้อย กินสดได้แต่ไม่ดี ลวกจิ้มดี แกงเลียงก็ดี เพิ่งรู้ว่าใบ ตำละเอียดคั้นเอาน้ำมาใช้เป็นยาเบื่อขับพยาธิ ใบสด ใช้พอกแก้สิวได้
เนื้อต้นเป็นยาถอนพิษเบื่อเมาได้ รักษาแผลได้ ราก ต้มน้ำดื่มแก้ไข้ แก้กามโรคได้ ดอก ขับเสมหะ แก้ไอ ผล แก้ปวด บำรุงปอด ต้น ใช้ขับปัสสาวะ ลดบวม ขับเสมหะ แก้ไอ
รกช้าง หนมนก ลูกหว้า ลูกข่อย ลูกตาเป็ดตาไก่ ลูกส้มเม่า ลูกขี้กวาง ลูกขรบ ลูกเมร ลูกโท่ ลูกกล้วยมูสัง ลูกนมวัว นมแมว นมควาย ลูกไข่แพะ(ป่าชายเลน) เหล่านี้คือขนมหวานของเด็กๆเมื่อกึ่งศตวรรษ
กระทกรกยักดิ์ที่บ้านเรียกว่า สัมปะรด ค่ะมีรสเปรี้ยวอมหวานจะไม่เปรี้ยวเท่ากระทกรกลูกกลมๆค่ะ