คำผวนชวนคิด..?


...

 

การเดินทางที่ผ่านพบผู้คนในรัฐทางตอนเหนือของประเทศมาเลเซียไม่เพียงแต่ได้เจอผู้คนแปลกหน้าแปลกตา  แต่ไม่แปลกใจเพราะจิตใจของเราทุกคนยังคงมีหลักธรรมทางศาสนาที่ตนเองเคารพนับถืออยู่เสมอ  เราเดินทางผ่านพหุวัฒนธรรมทางท้องถิ่นแดนใต้ยังคงมีความเป็นโบราณสถานให้เห็นทั้งวัฒนธรรมพราหมณ์ – ฮินดู  วัฒนธรรมมลายู  วัฒนธรรมอิสลาม  วัฒนธรรมคนป่า ( เผ่าซาไก ) หรือชาวเงาะป่าที่คนคุ้นชินกับชื่อนี้  ได้ยินมาว่าเผ่าชนคนป่าในมาเลเซียมีมากกว่าคนสยามในมาเลเซียซะอีก  และมีที่เป็นใหญ่เป็นโตทางงานในภาครัฐก็เยอะ  ทำให้ได้คิดว่า...สิ่งที่เล็กที่สุดก็เป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดได้เช่นกัน...

 

จากการที่เราได้พูดคุยแบบบ้าน ๆ กับผู้คนที่ผ่านพบเจอผูกสัมพันธ์เป็นเพื่อนพี่น้องญาติมิตรได้คุยแลกเปลี่ยนมุมคิดสะกิดใจอยู่หลายคำนำมาเล่าไว้กันลืมอย่างนี้ว่า...คนไทแต่แรกหัวไม่ฉลาดคิดไปแต่ในทางที่เสียเพ..? สมัยก่อนรัฐเขาให้ที่ดินปลูกสวนยาง  ก็มีเสียงว่า  เอาที่ดินไปทำไม  เพราะเราปลูกให้เขาเพ..?

ธรรมดาอันคนเรามี 2 ประเภท  คือ

 

1 . เป็นคนไทเปล่า ๆ คนแบบนี้เอาเพ  ลักของเพื่อนกะยัง..?  ( เป็นคนที่จิตใจไม่มีศีลธรรมเป็นโจรเป็นขโมยปล้นจี้เอาสิ่งของคนอื่นก็มีเยอะ )

 

2 . เป็นคนไทพุทธ  นี่ดีจิตใจมีศีลมีธรรม  น่าคบค้าสมาคมด้วย

 

เรื่องของคนนี้มากเรื่อง  เราทำรั้วบ้านสูงขนาดไหนก็สู้ทำดีกับคนข้างเรินไม่ได้..?

คนเรานี้ไม่มีอะไร  วันนี้อยู่ใต้ชายคา  วันหน้าอยู่ได้ฝาโลง..?

 

อันที่จริงคนดีนี้ควรส่งเสริม  ควรประชาสัมพันธ์ให้คนรู้มาก ๆ ไม่ควรส่งเสริมคนชั่วคนไม่ดีคนไม่มีศีลธรรม...

 

ยามค่ำคืนวันหนึ่งมีการเลี้ยงต้อนรับเราผู้ไปเยือน  เจ้าภาพยกน้ำมึนเมามาให้ยูมิ  เพื่อนสนิทก็เลยบอกไปว่าอาจารย์ยูมิไม่ดื่มครับ  คุณหมอห้าม  เพื่อนอีกคนว่า...หมอห้ามหรือเมียห้าม ( วะ ) ...อิ อิ อิ  คือโดยนิสัยผมไม่ดื่มไม่สูบอยู่แล้วครับก็ได้เฮฮากันไป 

 

 แต่ในวงคุยแบบบ้าน ๆ สบาย ๆ ลูกทุ่ง ๆ นี้มีคำชวนคิดขำของผู้ใหญ่บ้านชื่ออ่วมอยู่นะเช่น   เรื่องธรรมดาเวลาไปต่างประเทศต้องใช้ภาษาอังกฤษ  ภาษาอังกฤษวันละคำขอเสนอคำว่า  ...เยสซื้อ...ไปเมืองหลวงก็  เยสซื้อ  ไปพัทยากะเยสซื้อ  ไปเชียงใหม่กะเยสซื้อ...เวลาหลบบ้านกะ...เยสฟรี..?

 

จากเข้าบ้านแล้ววกกลับเข้าวัดบ้างบางแห่งเห็นป้ายเขียนไว้ติดข้างศาลาวัดทิ้งท้ายว่าดังนี้...

อย่าทะนงหลงตนเป็นคนเลิศ

อย่าทะนงว่าประเสริฐกว่าใครเขา

อย่าทะนงหลงตนจนมัวเมา

อย่าทะนงว่าเราเด่นกว่าใคร...

หมายเลขบันทึก: 488004เขียนเมื่อ 14 พฤษภาคม 2012 13:28 น. ()แก้ไขเมื่อ 19 มิถุนายน 2012 21:20 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

เรียนอาจารย์ ยูมิ อันว่าคำผวนนี้ผมเชิดชูว่าเป็นภาษาศิลป์ พูดเล่นลิ้นมีความหมายในการผวน คนปักษ์ใต้ผวนได้ทุกสำนวน

มีเรื่องเล่าว่าคนชุมพร ราชาคำผวน ท้าผวนแข่งกับคนพัทลุง นั่งรถไฟมาถึงพัทลุงก็ถามหาคนพัทลุงที่ผวนเก่งๆ กับหนุ่มคนหนึ่งที่พัทลุง

หนุ่มนั้นพอรู้จุดประสงค์ ก็ตอบตกลงบอกว่า"อ้อได้" คนชุมพรตกใจนี้ขนาดไม่ใช่ตัวจริงเขาก็ถูกด่าเสียแล้ว แขบขึ้นรถไฟหลบชุมพรยอมแพ้

อีกครั้งหนึ่ง มีพรรคพวกต่างจังหวัดมาเรียกอยู่หน้าบ้าน เจ้าของบ้าน ออกมาเห็นก็ทักด้วยความดีใจว่า .."อ้อนึกว่าใครที่หนวย"

อาจารย์ หากมีโอกาสได้มาผวนด้วยกันสักครั้งคงหนุกไม่หยอก มีผวนชั้นเดียว ผวนสองชั้นสามชั้น เช่น หมออะไรหมุนคอได้ ตอบ หมอยู = หมอคุณ = หมุนคอ อิอิอิ

เชิญ ยีมุ มวนผา กับวาหยอ เด็กไม่ลอ แก่เฒ่า ชาวพูนยาก

พินษาษา ควนผำ นำมาฝาก ลำบากใจ ใบจาก ยามยากสูบ.....

สวัสดีครับ เรื่องภาษาอย่างนี้คนภาคใต้บ้านเราถนัดนะครับ ฮิ ฮิ ฮิ

เวลานั่งคุยกันในกลุ่มชาย ๆ ได้ตั้งวงด้วยแล้ว ภาษาคำผวนชวนสนุกนี่จะหลั่งไหลมาเทมา เป็นภูมิปัญญา ฟังด้วยดีก็ได้ปัญญาและขำ ๆ ยืดอายุไม่เครียด...อิ อิ อิ

คืนวันนั้นยังมีอยู่ว่า...อะไรเอ๋ย สัตว์อะไรร้องเสียงดังบอ ๆ ต้องถามบังนะครับ...อิ อิ อิ

ขอบคุณครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท