การเข้าใจธรรมชาติของ "กฎไตรลักษณ์" คือ "สรรพสิ่งไม่เที่ยง คงทนอยู่ในสภาพเดิมตลอดไปไม่ได้และไม่สามารถบังคับให้เป็นไปตามปรารถนาและความต้องการของเรา" ทำให้เราตระหนักรู้และวางท่าทีในเชิงบวกต่อ "โลกธรรม" คือ "มีลาภ ไร้ลาภ มียศ ไร้ยศ มีสุข ทุกข์ เสียงสรรเสริญ และนินทา" นั้นล้วน "เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไปตามตัวแปรแห่งเหตุปัจจัย"
ในสถานการณ์ที่เผชิญหน้ากับ "ความทุกข์ตรมระทมใจ" ความทุกข์ที่เห็นและเป็นอยู่นั้น เป็นบทเรียนครั้งยิ่งใหญ่ที่เข้ามาทักทาย และสอนใจเราให้มีสติมากขึ้น และไม่ประมาท ลุ่มหลง มัวเมาในทุกวินาทีแห่งลมหายใจของการใช้ชีวิต...
จงขอบคุณความทุกข์ที่ทำให้เราโหยไห้อาลัยหาความสุข.. เราไม่รู้หรอกว่าการยืนอยู่บนขอบเหวเปี่ยมล้นด้วยความสุขสนุกหรรษาเพียงใด ถ้าครั้งหนึ่งเราไม่เคยล้มลุกคลุกคลานอยู่ใต้ก้นเหวมาก่อน สุดท้ายแล้ว... เราจะไม่รู้เลยว่าอิสรภาพมีคุณค่ามากแค่ไหน ถ้าเราไม่เคยสูญเสียอิสรภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง "อิสรภาพทางใจ" ที่ไร้โลภ โกรธ หลง!!!
กราบนมัสการพระคุณเจ้าค่ะ
มารับธรรมะเตือนสติก่อนเข้านอน นึกถึงคำสอนของยายตอนที่ยังเป็นเด็ก วันใดเราหัวเราะร่า อารมณ์ดีเป็นพิเศษ ยายจะติงเสมอว่าระวังเถอะเดี๋ยวจะได้ร้องไห้ ตอนนั้นยังไม่เข้าใจ แต่วันนี้รู้แล้วว่ายายอยากเตือนให้ทำใจเผื่อรับในสิ่งตรงข้ามบ้าง เพราะทุกสิ่งมันไม่เที่ยงนั่นเอง
กราบขอบพระคุณบันทึกนี้ ที่ช่วยให้นึกถึงคำสอนของผู้เฒ่าค่ะ
กราบนมัสการ..สาธุครับผม
เอาเพลงนี้มาฝาก เพื่อกราบขอบพระคุณสาระธรรมจากพระคุณเจ้าครับ
http://www.youtube.com/watch?v=tI-u2kEmPFY