"ดีที่สุดในสิ่งที่เป็น" เป็นหนังสือเล่มล่าสุดของ "หนุ่มเมืองจันท์" ถือเป็น "ฟาสต์ฟู้ดธุรกิจ" เ่ล่มที่ ๑๘
เท่าีที่อ่านมา เล่มนี้เป็นฟาสต์ฟู้ดธุรกิจที่มีแนวคิดปรัชญาการดำเนินชีวิตมากเล่มหนึ่ง ตลกน้อยลง แต่อ่านแล้วมีความสุขและความรู้เพิ่มขึ้น อาจจะเป็นด้วยอายุของผู้เขียนก็ได้นะครับ ด้วยประสบการณ์ที่สอนกันไม่ได้ ต้องสัมผัสเอง
บังเอิญไปอ่านตอนนี้ ตอนที่ชื่อเดียวกับหนังสือ
ขออนุญาตใช้สิทธิพาดพิงจาก "คำนำผู้เขียน"
ผู้เขียนอ้างอิงถึงเรื่องการไปพูดในงาน This is My Future 2011 ของมูลนิธิไทยคมที่เชียงใหม่ของผม
เหตุเกิดขึ้นในเดือนกันยายน ๒๕๕๔
พอพูดเสร็จ น้ำก็ท่วมใหญ่เลย
มูลนิธิไทยคมนั้นต้องการสร้างแรงบันดาลใจให้กับนักเรียนที่กำลังจะสอบเข้ามหาวิทยาลัย ให้รู้ว่าแต่ละอาชีพเขาทำอะไรกัน
ให้นักเรียน "รู้" ก่อนที่จะ "เลือก"
เขาจัดงานใน กทม. มา ๓ ปีแล้ว ปีนี้เป็นปีแรกที่จัดในต่างจังหวัด
"พี่ชิน" ทรงศักดิ์ เปรมสุข คงเห็นว่าเหมาะกับคนต่างจังหวัดอย่างผม เขาจึงชวนผมไปพูด
แม้จะบอกว่าผมมีเชื้อจีน มหาอำนาจของโลก
แต่เขาก็ยังเรียกผมว่า "แขกรับเชิญ"
แฮ่ม...เป็นแขกรับเชิญพร้อมกับ "แพนเค้ก" เขมนิจ จามิกรณ์
...ระดับไหน
สถานะของ "แขกรับเชิญ" นั้นพูดอะไรก็ได้
ผมจึงได้พูดในสิ่งที่อยากพูดกับกลุ่มคนที่อยากพูดด้วยมานาน
นักเรียนที่สอบเข้ามหาวิทยาลัยนั้นจะมีอยู่ ๒ กลุ่ม
กลุ่มแรก คือ กลุ่มที่ "สมหวัง" ได้เข้าเรียนในคณะที่อยากเรียน
กลุ่มที่สอง คือ กลุ่มที่ "ผิดหวัง" ไม่ได้ในสิ่งที่ฝันไว้
ผมอยากพูดกับคนกลุ่มที่ ๒
เพราะเชื่อว่าเป็น "คนส่วนใหญ่" ในแผ่นดิน
วิธีทำอย่างไรให้ "สมหวัง" คงมีคนพูดเยอะแล้ว
แต่เรื่อง "ทำอย่างไรเมื่อผิดหวัง"
น้อง ๆ คงยังไม่เคยฟัง
ต้องฟังจาก "กูรู" อย่างผม
คนที่เล่นจริง เจ็บจริง
และผิดหวังจริงมาแล้ว
(มุมมองมุมนี้ชอบนะครับ "สมหวัง" กับ "ผิดหวัง" และคนส่วนใหญ่ก็คือ "ผิดหวัง" : ผู้เขียนบันทึก)
ตั้งแต่เด็ก ผมอยู่กับเพื่อนชื่อ "ความบังเอิญ" มาตลอด
เริ่มจากเจ้า "บังเอิญไม่มี"
ในวัยเด็ก ยุคสมัยนั้นยังไม่มีคอมพิวเตอร์ ที่บ้านมีแต่โทรทัศน์ขาวดำเก่า ๆ เครื่องหนึ่ง
สัญญาณภาพก็ไม่ชัดเจน
ถ้าใครดูโทรทัศน์ขาวดำที่บ้านผม จะต้องนึกว่าเมืองไทยฝนตกทุกวัน
เวลาดูฟุตบอลทีไร ต้องใช้ "จินตนาการ" หาลูกบอลทุกครั้งไป
สถานีวิทยุที่เมืองจันท์ก็มีแค่ ๒ สถานี ที่ฟังชัดบ้างไม่ชัดบ้าง
จะดูหนังก็ไม่มีเงิน
ต้องรอดูแต่หนังกลางแปลง
แต่ที่บ้านผมมี "หนังสือ"
ห้องสมุดประชาชนก็มี "หนังสือ"
พ่อผมรับหนังสือพิมพ์วันละ ๒ ฉบับ นิตยสารต่าง ๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นสกุลไทย บางกอก ฟ้าเมืองไทย ฯลฯ
รวมทั้ง "มติชนสุดสัปดาห์" ด้วย
ผ่านอ่าน "มติชนสุดสัปดาห์" ตั้งแต่เล่มแรกที่หน้าปกเป็นกระดาษปรู๊ฟ
อ่านนวนิยายทุกเล่มที่มีในห้องสมุดประชาชน
เพราะ "บังเอิญไม่มี" ความบันเทิงอื่น มีแต่ "หนังสือ"
ผมจึงหาความสุขจากตัวอักษร
เต็มที่กับการอ่าน
อ่าน อ่าน และอ่าน
โดยไม่เคยมีความใฝ่ฝันว่าจะเป็น "นักเขียน"
(ทีวียุคขาวดำ เหมือนผมจะทัน และ "หนังสือ" ก็เป็นแหล่งความบันเทิงที่ได้สัมผัสเช่นกันครับ : ผู้เขียนบันทึก)
ตอนสอบเข้ามหาวิทยาลัย ผมเรียนมาด้านสายวิทย์
ชอบการคำนวณ ชอบวิชาฟิสิกส์มาก
อยากเข้าคณะวิศวกรรมศาสตร์มาก
ตอนนั้น "วิดวะ" สอบแค่ ๔ วิชา คือ ฟิสิกส์ เคมี คณิตศาสตร์ และภาษาอังกฤษ
ผมใช้วิธีแบบ "สตีฟ จ็อบส์"
"โฟกัส"
เลือกเฉพาะคณะที่สอบ ๔ วิชาเท่านั้น
ถ้าเป็น "วิดวะ" มหา'ลัยไหนก็ได้
แต่ถ้าคณะอื่น ผมเลือก "ธรรมศาสตร์" เป็นลำดับแรก
ชอบธรรมศาสตร์ครับ
เขาให้เลือกได้ ๖ อันดับ
ผมเลือกไปเรื่อย ๆ ก่อนจะตบท้ายด้วยคณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
ครับ ผมได้อันดับที่ ๖
แบบงง ๆ
คณะสังคมวิทยาฯ เป็นคณะที่ดีนะครับ แต่บังเอิญผมไม่ชอบเรียนวิชาด้านสังคมศาสตร์
ชีวิตในห้องเรียนของผมจึงไม่ค่อยสนุกนัก
แต่ในมหาวิทยาลัยนั้นมี ๒ โลก
โลกในห้องเรียน และโลกนอกห้องเรียน
เมื่อไม่ชอบโลกในห้องเรียน ผมจึงเลือกที่จะสนุกกับโลกนอกห้องเรียน
ทำกิจกรรมนักศึกษาอย่างเต็มที่
๔ ปีไปค่ายอาสาฯ ๘ ครั้ง
เป็นประธานคณะสังคมวิทยาฯ เป็นอุปนายกองค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
ประสบการณ์ด้านกิจกรรมนักศึกษา...เพียบครับ
"โลกนอกห้องเรียน" ที่ธรรมศาสตร์สนุกมากครับ
และนี่คือที่มาของ "บังเอิญไม่เรียน"
ผมไม่เรียนในห้องเรียน จึงได้เกรด ๒.๐๖
แต่วิชานอกห้องเรียน แม้ไม่มีการให้เกรด แต่รับรองว่าอย่างน้อยต้อง "เกียรตินิยม" แน่นอน
ผมเต็มที่กับทุกสิ่งที่ผมเลือกได้
กิจกรรมนักศึกษาทำให้ผมรู้จักวิธีการทำงานกับ "คน"
เพราะตอนทำกิจกรรม ต่อให้ตำแหน่งเราใหญ่โตแค่ไหน
แต่ถ้าเราพูดไม่ดีกับรุ่นน้องที่เป็น "สต๊าฟ"
สั่งงานปั๊บ เขาเดินหนีได้เลยนะครับ
จะลงโทษอะไรก็ไม่ได้
ผมจึงมีประสบการณ์บริหารงานแบบไม่มีอำนาจให้คุณให้โทษมาตั้งแต่เรียน
เป็นวิชาการบริหารที่แม้แต่ "ฮาร์วาร์ด" ก็ไม่ได้สอน
ผมทำกิจกรรมเต็มที่ โดยไม่ได้คิดเลยว่าวันหนึ่งต้องเป็น "หัวหน้าคน"
คิดแค่ว่า "เต็มที่" กับ "วันนี้" เท่านั้นเอง
(มุมนี้ มีส่วนร่วมด้วยคือ Entrance เลือก ๖ อันดับ แต่ติดอันสุดท้ายเหมือนกันครับ คิดไปคล้ายคุณวงศ์ทนง แห่ง a day ครับ ตอนเรียนนั้นใช้ชีวิตกับกิจกรรม และกิจกรรมเหล่านั้นกลับมาสร้างความสำเร็จให้ในอนาคต ฟิลด์เดียวกันครับ เราเป็นเด็กกิจกรรม เพราะเรียนไม่เก่ง : ผู้เขียนบันทึก)
ตั้งแต่เด็กจนถึงเป็นนักศึกษา ผมอ่านหนังสือพิมพ์รายวันเป็นประจำ
วันไหนไม่ได้อ่านจะรู้สึกหงุดหงิด เหมือนโลกแคบลง
อ่านหนังสือพิมพ์แทบทุกหน้า ไม่ว่าจะเรื่องการเมือง กีฬา บันเทิง ต่างประเทศ ฯลฯ
แต่มีหน้าเดียวที่เปิดผ่านทุกครั้ง
นั่นคือเศรษฐกิจ
และผมก็ได้มาเป็นนักข่าวหนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ
เป็น "นักข่าว" นั้น ผมมั่นใจว่าทำได้
แต่เป็น "นักข่าวเศรษฐกิจ" บอกตรง ๆ ว่าไม่แน่ใจ
ชีวิตการทำงานของผมเริ่มต้นจาก "ความบังเอิญ" เช่นเดิม
... "บังเอิญไม่ชอบ"
ไม่ชอบเรื่องเศรษฐกิจ
แต่เมื่อสถานการณ์บังคับ ผมก็ลุยกับมันอย่างเต็มที่
และได้ค้นพบทฤษฎีใหม่ในชีวิต
"ไม่มีอะไรยากเกินเรียนรู้"
พอเปิดใจให้กับสิ่งที่เราไม่ชอบ พักหนึ่งสิ่งที่ไม่ชอบก็ไม่ใช่เรื่องยาก
และเมื่ออาชีพนักข่าวทำให้เราได้สัมภาษณ์นักธุรกิจหรือนักบริหารชั้นนำของเมืองไทย
ผมจึงฉวยโอกาสหาความรู้เพิ่ม
นอกเหนือจากการสัมภาษณ์ข่าวปกติ ผมจะคุยในสิ่งที่อยากรู้ด้วย
ไม่ว่าจะเป็นหลักการบริหารงาน หรือกลยุทธ์ธุรกิจในอดีตของเขา
ผมเริ่มสนุกกับข่าวเศรษฐกิจ และการเขียนสกู๊ป
"ภาษา" ที่สั่งสมจากการอ่านเพราะ "บังเอิญไม่มี" ก็เริ่มได้ใช้
"การจับประเด็น" ที่ได้จากการประชุมบ่อย ๆ สมัยทำกิจกรรมนักศึกษาก็ได้นำมาใช้ในการสัมภาษณ์แหล่งข่าว
เมื่อก้าวมาเป็น "หัวหน้างาน"
ทักษะจากการบริหารงานแบบไม่มีอำนาจให้คุณให้โทษก็ได้ใช้งาน
ทั้งหมดมาจาก "บังเอิญไม่เรียน"
และเรื่องราวที่ผมใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ในการถามเรื่องที่อยากรู้กับนักธุรกิจ
ก็กลายเป็น "ทรัพยากร" ในการเขียน "ฟาสต์ฟู้ดธุรกิจ" ในเวลาต่อมา
ในนามของ "ความบังเอิญ" เมื่อเราเต็มที่กับทุกช่วงเวลา
วันหนึ่งสิ่งนั้นจะมีประโยชน์กับเรา
(ทักษะจากกิจกรรมได้นำมาใช้จริง และก็ไม่มีอะไรยากเกินจะเรียนรู้ หากเปิดใจ : ผู้เขียนบันทึก)
เราไม่มีทางรู้ว่า "อนาคต" จะเป็นเช่นไร
รู้เพียงว่า "วันนี้" เป็นอย่างไร
จะชอบ หรือ ไม่ชอบ
จะเลือกผิดพลาด หรือไม่มีสิทธิเลือก
ขอให้เปิดใจกว้างและหามุมเล็ก ๆ ที่มีความสุขให้เจอ
ทำ "วันนี้" ให้ดีที่สุด
การทำวันนี้ให้ดีที่สุด จะทำให้เราเชี่ยวชาญในเรื่องนั้น
และเมื่อถึงเวลาที่ต้องใช้งาน
การรู้จริงจะช่วยเราได้
"สตีฟ จ็อบส์" คงไม่รู้หรอกว่าวิชาออกแบบตัวอักษรที่เขาเรียนมาจะถูกนำมาใช้ในการผลิตเครื่องแมคอินทอชในเวลาต่อมา
"ดี้" นิติพงศ์ ห่อนาค ไม่รู้หรอกว่าการต่อล้อต่อเถียงหรือการแซวสาว ๆ ที่ "สามแยกปากหมา" ที่จุฬาฯ จะกลายเป็น "วัตถุดิบ" อันมีค่าเมื่อมาใช้ในการแต่งเพลง
ผมก็ไม่คิดมาก่อนว่าประสบการณ์ในช่วงเวลาที่บังเอิญ "ไม่มี-ไม่เรียน และไม่ชอบ" จะกลายเป็น "อาวุธ" ที่ผมนำมาใช้ในวันนี้
ชักขึ้นมาเมื่อไรใช้การได้เลย
ครับ แม้ไม่เป็นเช่นที่หวัง แต่จงทำสิ่งนั้นให้ดีที่สุด
(ทำให้ดีที่สุดในวันนี้ หากไม่สมหวังดังคิดก็ไม่ต้องเสียใจ เพราะได้ทำดีที่สุดแล้ว : ผู้เขียนบันทึก)
...................................................................................................
ต้องบอกว่าตอนนี้เป็นตอนที่อ่านแล้วมีพลังเกิดขึ้นในใจอย่างมาก ซึ่งอาจจะเป็นได้ว่า มันเป็นประสบการณ์ชีวิตที่คล้ายกันกับตัวเอง
เรียกว่า "พลังแห่งความบังเอิญ" ได้ไหม แต่ "ความบังเิอิญ" ของเรา คือสิ่งที่เราเลือกทำให้ดีที่สุด และมีความสุขที่สุด
"อาวุธ" อยู่ที่ความตั้งใจและมุ่งมั่นของเรา
ไม่มีสิ่งไหนที่เราทำไม่ได้ หากเราตั้งใจจะทำมัน
ขอบคุณ หนุ่มเมืองจันท์ ณ ที่นี้ครับ
บุญรักษา ทุกท่าน ;)...
...................................................................................................
ขอบคุณหนังสือช่างคิดและแรงบันดาลใจ ...
หนุ่มเมืองจันท์ (นามแฝง). ดีที่สุดในสิ่งที่เป็น. กรุงเทพฯ : มติชน, ๒๕๕๕.
ชอบอ่านหนังสือของคุณหนุ่มเมืองจันท์ มากเช่นกันค่ะ อ่านแล้วเพลิน ได้สาระดีด้วย แต่หนังสือออกใหม่บ่อยมากเลยค่ะ ซื้อไม่ทัน อิอิอิอิ
สุขสันต์วันสงกรานต์ค่ะ
มีความสุขนะคะ
เคยมีคนกล่าวปลอบใจว่า "เมื่อไม่ได้เป็นในสิ่งที่รัก ก็จงรักในสิ่งที่เป็น.." (โทษใครไม่ได้ เพราะเราเลือกเอง) ปรากฎว่า ที่สุดแล้ว บางอย่างมันก็ทำใจให้รักไม่ได้ เพราะยังไงมันก็ไม่ใช่ตัวเรา มีอยู่ช่วงหนึ่งที่ คล้ายคุณหนุ่มเมืองจันทร์ -- ความหดหู่จากชีวิต training ที่ขาดความเป็นตัวของตัวเอง -- ทำให้หันมาอยู่กับคอมพิวเตอร์ และโลก online
เพราะสามารถทดลอง ปรับแต่ง ได้ดังใจคิด
ก็ทำให้พบสิ่งที่เปลี่ยนชีวิต
ผมก็ไม่คิดมาก่อนว่าประสบการณ์ในช่วงเวลาที่บังเอิญ "ไม่มี-ไม่เรียน และไม่ชอบ" จะกลายเป็น "อาวุธ" ที่ผมนำมาใช้ในวันนี้ .. ข้อความนี้ต้องขอจดไว้ในใจ :)
โดนๆ กับเรื่องที่ ๓ เจ้า ... ผมเต็มที่กับทุกสิ่งที่ผมเลือกได้
สุขสันต์วันปีใหม่ไทยเจ้า
สวัสดีปีใหม่ค่ะอาจารย์ wat
ชอบมากครับอาจารย์...ขอบคุณกับเรื่องราวในหนังสือ...และที่ชีวิตที่ไม่ชอบ แต่กลายเป็นสิ่งที่ได้ใช้ในวันนี้ครับ...ขอบคุณเสมอมาครับ
ว้าว เพิ่งทราบว่า อาจารย์ ...ปริม pirimarj... เป็นแฟนประจำของคุณหนุ่มเมืองจันท์ ;)...
หนังสือของคุณหนุ่มเมืองจันท์ ตอนนี้ก็ ๑๘ เล่มปกติ + เล่มพิเศษ ๑ เล่มครับ ออกประมาณหัวปี-ท้ายปี อะไรแบบนี้ครับ
ขอบคุณมากครับ ;)...
สวัสดีปีใหม่ไทย และขอบคุณมากครับ พี่ ♥อุ้มบุญ♥ ;)...
"... เพราะไม่ใช่ตัวเรา ..."
หลายครั้งผมก็เป็นครับ คุณหมอบางเวลา ป. ;)...
และกลัวว่าอาจจะเป็นเมื่ออายุเพิ่มขึ้น ประสบการณ์แกร่งกล้าขึ้นเหมือนกันนะครับ
แต่หลายครั้งเราเองก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะอาจจะทำให้องค์กรหรือภาพรวมเขาเสียหายไปด้วย เหมือนเราไปเบียดเบียนเขา
สิ่งที่เราทำได้ คือ "ทำให้ดีที่สุดในสิ่งที่เราเป็น" ไงครับ
ตาม Concept เป๊ะ ;)...
มีความสุขในวันปี๋ใหม่เมืองนะครับ ;)...
อา ... โดน ๑ เรื่องแล้ว 555
สวัสดีปีีใหม่ไทยครับ คุณ Poo ;)...
ขอบคุณ คุณยาย มนัสดา มาก ๆ เลยครับ
สวัสดีปีใหม่ไทยครับ ;)...
"... จากไม่ชอบ กลายเป็นได้ใช้ ..."
ขอบคุณเช่นกันครับ คุณหมอ ทิมดาบ ;)...
บังเอิญเกิดความสงสัยว่า gotoknow คืออะไร ....
......ทำไมใครๆถึงพูดกันแต่ gotoknow
จึงทำให้ลองเรียนรู้แบบงูๆ ปลาๆ เข้ามาแบบ บ้านๆ (นอก)
แล้วบังเอิญพบเจอแหล่งความรู้สึกนึกคิดอันกว้างใหญ่
บังเอิญได้รู้จักกับเพื่อนๆ โดยไม่ต้องเห็นหน้า
จึงทำให้อยู่ยาวจนถึงทุกวันนี้
แม้จะห่างหายไปบ้างเป็นบางเวลา.........แต่ก็ยังไม่เลิกลา
v_v ยินดีครับ พี่พยาบาล กระติก ;)...
ขอบคุณมากครับ ;)...
ชอบครับเล่มนี้
ขอบคุณมากครับ คุณ คนขับช้า ที่แวะมาพรวนบันทึกให้นึกถึงเช่นกันครับ ;)...