นายหัว
นาย เจ้าชาย ณ เมืองห้วยแร่

เฒ่าทะเลสนกลาง


เฒ่าทะเลสนกลาง

เฒ่าทะเลสนกลาง

     วันนี้ยามเช้าย่ำรุ่งฟ้าดูสลัวๆมัวๆเหมือนหลายๆวันหลายๆปีที่ผ่านมาที่มันยังมียามเช้าย่ำรุ่งให้เราได้พบได้เจอกันอีก  ยามเช้านี้ดูพิเศษยิ่งกว่ายามใดนัก เป็นเวลาที่นับเป็นจุดเริ่มต้นแห่งทุกสรรพสิ่งและทุกชีวิตส่วนใหญ่ในโลกา เป็นเวลาแห่งการนับก้าวก้าวแรกที่จะเดินต่อไป หากเรามองไปทางทิศตะวันออก เราจะเห็นแสงจรัสจ้าจากปลายฟ้าที่ส่องกระทบหมู่แมกไม้ ณ ฟากภูเขาสูง ลำแสงจรัสทิ่มแทงเปล่งประกายรัศมีให้ทุกสรรพสิ่งได้ฟื้นคืนจากนิทรามาสู่โลกปัจจุบัน มาดิ้นรน มาต่อสู้ มาเยื้อแย่งและแข่งขันต่อกัน วันใหม่เริ่มขึ้นแล้ว ปัจจุบันปรากฏกาย แต่หลายๆชีวิตยังหลับใหลหลับฝัน ใครหลายๆคนเขายังภวังค์ถลำสู่วังวนแห่งสุบันนิมิต แม้เขาพูดจาพาทีวจีกรรม กระทำสิ่งต่างๆ แต่เขายังหลับใหลอยู่จริงๆแม้เขาเดินเหินดำเนินอยู่ เขาและเราไม่แน่อาจเป็นคนๆนั้น คนคนเดียวกัน

เป็นระยะเวลาเกือบสามสัปดาห์ ระหว่างวันที่ 6-23 มีนาคม 2555 ชมรมมุสลิมอันเป็นที่รักของข้าพเจ้า ได้ออกปฏิบัติการสร้างรักสู่ชุมชนชนบท โครงการค่ายพัฒนาชุมชนปีที่ 30 กว่าสามสิบปีที่ที่เรามาเพื่อชุมชน เพื่อประชาชน โดยไร้ค่าตอบแทนใดๆ การปฏิบัติการสร้างรักสู่ชุมชนไม่ว่า การสร้างอาคารเรียนแก่เด็กๆงบประมาณกว่า150,000 บาท กิจกรรมสัมพันธ์ชาวบ้านออกเยี่ยมเยียนพูดคุยพบปะชาวบ้าน กลุ่มนักศึกษาที่เรียนแพทย์พยาบาลสาธารณสุขก็ออกตรวจสุขภาพแก่ชาวบ้าน ฝ่ายเกษตรที่คอยให้ความรู้และสาธิตกิจกรรมต่างๆ เอาวิชาเอาความรู้มาเผยแผ่แก่ชุมชน ฝ่ายสอนเด็กที่จัดทำค่ายเด็กดูแลและสอนจริยธรรม สอนมารยาทแก่เด็กๆน้องๆหนูๆทั้งหลาย สร้างความดีอกดีใจเฮฮาแก่หนูๆทั้งหลายอย่างมากมาย ฝ่ายสวัสดิการที่คอยมาเป็นแม่ครัวเฉพาะกิจ คอยทำกับข้าวหุงหาอาหารสร้างความอิ่มหนำสำราญแก่ชาวค่ายปัญญาชน และฝ่ายเล็กฝ่ายน้อยอีกหลายฝ่ายที่แบ่งงานแบ่งหน้าที่กันเพื่อให้ค่ายออกมาดีที่สุด    

ปรากฏการณ์ความเสียสละครั้งยิ่งใหญ่ของคนหนุ่มสาว ที่สร้างความประทับใจแก่ชุมชนชนบท ที่ที่ไม่เคยมีหน่วยงานไหน หรือใครมาดูแลอย่างจริงๆจัง สำหรับหมูบ้านชาวบ้านต่างแปลกใจ ว่าเหตุใดกัน เด็กๆหนุ่มสาวๆเหล่านี้ เป็นใคร มาจากไหน ทำไมมาสร้างนู้นสร้างนี่ ช่วยนู้นช่วยนั่น มาดูแล มาเยี่ยมเยียน เกิดความแปลกใจนัก เขาเหล่านั้นไม่ได้อะไรกลับไป เขามาทำไมกัน เขาเหล่านั้นไม่ได้เป็นลูกหลานของคนที่นี่เลย เหตุใดหนอๆ โลกใบนี้มีของฟรีด้วยหรือ โลกใบนี้สังคมนี้ยังมีกลุ่มคนแบบนี้อีกหรือ โลกใบนี้สังคมนี้ บ้านเรายังมีสิ่งดีๆแบบนี้หลงเหลืออยู่อีกหรือ ความสั่นสะเทือน ความอับอาย ความตระหนักคิด วิ่งวนสู่สติปัญญาผู้นำท้องถิ่น ผู้นำชุมชนให้ตระหนักและปวดร้าวใจเมื่อมาพบ

ค่ายพัฒนาชุมชนปรากฏการณ์คนหนุ่มสาวครั้งยิ่งใหญ่ของนักศึกษามหาวิทยาลัย มหกรรมตัวดำเพราะตากแดดตากฝนตากลมทะเล มาอดทนกับปัญหาต่างๆที่ต้องมาช่วยชาวบ้าน แม้จะทุกข์บ้างสุขบ้าง แต่ความพึงใจในสิ่งที่ดีงามก็เกิดแก่ชาวบ้านและนักศึกษาเอง

อย่างที่เราทราบกันดีนี่คือความเสียสละครั้งยิ่งใหญ่ของวัยหนุ่มสาว ที่พบเจอพบเห็นได้ยากมาก และนานวันก็ยากยิ่งที่จะหาดู เพราะเราชาชินกับภาพวัยรุ่นที่เดินเหินในห้างหรูๆและเล่นเกมติดเกมประดั่งว่าเป็นยาเสพย์ติดชนิดใหม่

ข้าพเจ้าได้เคยผ่านค่ายพัฒนาชุมชนมาหลายครั้ง เป็นทั้งผู้ร่วมและทีมงานผู้จัดโครงการ ความประทับใจความรู้สึกดี ยังตราตรึงในสามัญสำนึกแห่งความรับผิดชอบต่อสังคมของข้าพเจ้าในวันนี้  มาวันนี้ปัจจุบันนี้สถานะของข้าพเจ้าก็วิ่งหนีวิ่งห่างหายไปจากข้าพเจ้า ความเป็นนักศึกษาปัญญาชนเริ่มหมดอายุ ข้าพเจ้าจบแล้วจบปริญญาตรี แต่ข้าพเจ้าแปลกใจเหลือเกิน ข้าพเจ้ารู้สึกและตระหนักได้ว่าข้าพเจ้ายังอ่อนด้อยและไร้เดียงสาเหลือประดานัก       

ข้าพเจ้าเฝ้าถามตัวเองเสมอๆเหตุใดกันเราต้องมายุ่งวุ่นวายกับปัญหาต่างๆในสังคม ในหัวใจได้ทุก วี่ทุกวัน เราต้องมานั่งเศร้าหมองกับอดีตและเหตุการณ์ไม่น่าประทับใจในวัยวาน เราต้องมาข่มเหงจิตใจตนเองเพราะเราอยากเป็นอย่างงั้นอย่างงี้ เราต้องมาสูญเสียความเป็นตัวตนของเราเอง เพราะอะไรเราไม่รู้ เพราะสังคมหรือเปล่า หรือเพราะเราอ่อนแอเอง ข้าพเจ้าพยายามวิ่งค้นหาคำตอบตลอดมา จนมาถึงวันนี้ วันที่คำถามและคำตอบ มันเริ่มเด่นชัดเข้าทุกทีๆ ณ ที่นี่……

เช้านี้ช่างดูสดใสนักแล ข้าพเจ้ากับสหายรักจึงตะบึงโซนิก*ไปริมชายหาด หวังเล็กๆว่าวันนี้คงได้เจออะไรดีๆ จอดมอเตอร์ไซค์ทิ้งไว้บนหาดทราย เรากำลังจะเดินไปดูหลาดปลา* ตอนเดินลงไปที่ชายหาด พบคุณป้าคนหนึ่งกำลังไปตักหลาดปลาที่ไกลออกไป เราสองคนต้องการไปดูด้วย ป้าบอกว่าอย่าไปเลยแยแระ*มันเยอะเดียวอันตราย เราก็ไม่ไป  เราจึงพยายามดูหลาดใกล้ๆชายหาดเผื่อมีใครมาตักปลาเราก็ได้มีโอกาสไปดูด้วย นับว่าเป็นโชคดีทีเดียวที่มีคุณลุงคนหนึ่งมาตักปลาที่หลาดของแกพอดี เราสองคนจึงเดินตามไปดูด้วย เราก็เดินไปพลางคุยไปพลาง เดินไปเดินไป น้ำประมาณขาอ่อน เห็นไม้โกงกางปักเรียงเป็นแถวยาว แล้วทำเป็นวงล้อมเขาวงกต เมื่อปลาหลงเข้ามาตอนน้ำขึ้น ปลาก็ติดอยู่ในนั้น เมื่อน้ำลงก็มาตักปลา เราเดินเข้าไปดู พบปลากะพงขาวสามสี่ตัวติดอวนข้างๆหลาดด้านนอก พอเข้าไปด้านในอีก พบปลากระบอก หมึกหอม ปูม้า ปูดำ และกุ้ง รวมๆแล้วประมาณ สองถึงสามกิโลเป็นได้ นี่ลุงเอาไปกินเอง ถ้าเอาไปขายที่ตลาดหรือในหมู่บ้าน รวมๆแล้วก็เกือบหกเจ็ดร้อยบาททีเดียวเลย

ลุงบอกว่าช่วงนี้เข้าสู่หน้าแล้ง ทะเลสงบตามเกาะต่างๆคนมาเที่ยวเยอะ ไปหาหอยหาปลาก็สะดวกหน่อยแต่ได้ปริมาณน้อย ไม่นานแล้วจะเข้าสู่หน้ามรสุม ช่วงนี้แปลกอย่างแรงธรรมชาติแปรเปลี่ยน ฤดูไม่เป็นฤดู หน้าแล้งก็ฝนตก แปลกจริง ลุงพูดพลางปากคาบใบจากควันลอยโขมง

บทสนทนาเริ่มเข้มข้นขึ้นตามลำดับ สามหนุ่มต่างวัย สองหนุ่มนักศึกษาจบใหม่ หนึ่งหนุ่มตอนปลายชีวิต พูดคุยเฮฮาพักหนึ่ง เราก็มองไปทางทิศตะวันออก ชายชราผมขาวโพลน จูงวัวสามตัว นุ่งผ้าโส่รงผืนเดียว รองเท้าไม่ใส่ ผิวคล้ำ ไว้หนวดเคราขาวยาวลงมาพอประมาณ ปากคาบใบจากควันฟุ้ง เท่ดีแฮะ แกเดินมาใกล้ๆแล้วมานั่งกับเรา ดูเกรงๆยังไงพิกล ปะชาย*คนนี้ดูไม่ธรรมดาที่เดียว

ก่อนที่ปะชายมาถึงมานั่งกับเรา ลุงบอกว่านั่นมันเสือเก่า อดีตแกชกมวยมาหลายสิบครั้ง แกเป็นครูมวย แกมาจากจังหวัดกระบี่ร่อนเร่มาตัดไม้โกงกางส่งหลุมถ่านบาฆั๋น* สมัยสุไหงมูโซ๊ะ * หลุมถ่านใหญ่ยังรุ่งเรือง จนมาได้ภรรยาที่เกาะแห่งนี้

เคยมีครั้งหนึ่งปะชายสมัยหนุ่มๆแกไปสร้างวีรกรรมไว้มากมายจนมีคนมาตามฆ่าตามมายิง ได้ข่าวว่าแกไปมีเรื่องกับพวกบนบกจากฝั่งเขาขาว* พวกมันมากัน 3 คน พาปืนลูกซอง 5 นัด เคลียร์กันไปเคลียร์กันมาถือว่าเลิกรากัน ปะชายจึงมีชีวิตรอดได้จนทุกวันนี้ แต่ความซ่าของปะชายมีอีกหลายอรรถรส

ผู้เฒ่าชายเลคนนี้คือจุดเปลี่ยนที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับข้าพเจ้าและสหาย ด้วยความที่เป็นคนจริง จริงใจ จริงจัง ใจนักเลง ไม่พูดเล่น ใจนักสู้ ไม่มีการยอมใคร จนสามารถสร้างแกได้จนทุกวันนี้ นั่นคือความเปล่งปลั่งที่มีพลังของชีวิตของคนหนุ่มๆ ที่เราต้องการสำหรับข้าพเจ้า

เคยมีกรณีหนึ่ง มีการวางแผนลวงปะชายไปฆ่า ในอดีตตอนนั้นแกเล่าให้ฟัง มีการวางแผนลวงแกไปฆ่าเพราะคนเกลียดแกไม่ชอบแก เขานัดกันว่าลวงแกไปที่ชายหาดแล้วรุมตีให้ตาย แล้วค่อยจัดการขุดหลุมฝังที่ชายหาด ไม่ต้องกลัวตำรวจเพราะกำนันหนุนหลังให้ เขาว่าแกไม่มีญาติ ไม่มีพี่น้อง มีแต่เมีย เดี่ยวเมียก็หาผัวใหม่ แต่แผนก็ล้มเหลว แกทราบก่อนแกเลยซ้อนแผน และไปท้าผู้วางแผนมาต่อยกับแก ส่วนใหญ่เป็นพวกหมาหมู่ไม่มีใครกล้าหือ แกเขาไปชี้หน้าแล้วด่า แล้วท้าให้มาต่อยมาดวลแทงกัน ด้วยความที่แกเป็นยอดมวยเป็นนักเลง จึงไม่มีใครมาวอแว  หนึ่งในผู้วางแผนกลัวจนร้องไห้ หลังจากนั้นไม่มีใครมาวุ่นวายกับแกอีกเลยจนแก่เฒ่า คนเกรงใจแกมาก นี่คือคนจริง เด็ดเดี่ยวและไม่กลัวใคร

ข้าพเจ้ากับสหายชอบฟังเรื่องแบบนี้ เรื่องชกๆต่อยๆ เรื่องชีวิต เรื่องผจญภัย เรื่องทะเล ผู้เฒ่าชายเลเล่าต่อถึงประสบการณ์ที่ยากลำบากในชีวิตประสบการณ์ที่ต้องดิ้นรน ทำมาหากิน ตัดไม้โกงกางส่งหลุมถ่านแต่เก่าก่อน แต่ก่อนนั้น หนึ่งลำเรือเล็กๆ ตัดไม้เกือบค่อนวันเต็มลำเรือ ประมาณ ลำเรือละ 10 บาท สมัยก่อนเนื้อวัวกิโลละ 8 บาท เงินหนึ่งบาทสองบาทถือว่ามีคุณค่ามากมายในอดีต จนวันหนึ่งรัฐบาลปิดสัมปทานป่าทั้งประเทศ ป่าโกงกางก็เข้าข่าย จนทำให้ต้องสู้ชีวิตด้วยการหาปลา และทำมาหากินทางอื่น ความบ้าบิ่น นักเลง จึงหาสาเหตุเดือดร้อนให้แกทุกวี่ทุกวัน แต่เมื่อมีครอบครัว ดูเหมือนว่าเขี้ยวเล็บของแกเริ่มหลุดหายไป นานไปคงเหลือไว้แต่ลายพลาดกลอนไว้ให้คนเกรงใจเล่น

            เราตั้งใจฟังอย่างมากถึงประสบการณ์ที่ผ่านการบอกกล่าวเล่าเรื่อง ยิ่งเมื่อถึงตอนที่แกเล่าเรื่องโจรปล้นรถบัสในอดีต เราก็ตั้งใจฟังอย่างหูผึ่งตาปริบๆ การปล้นสะท้านวงการ โดยสองโจรผู้อุกอาจอุกอาจขนาดปล้นรถบัสกลางวันแสกๆ ทั้งสองโจรพกปืนค้อนตราควายกระบอกดำ บุกจี้รถบัสขณะวิ่งบนถนน กระโดดปาดหน้ารถให้รถหยุด ชักปืนออกมา ผู้โดยสารทุกคนรวมทั้งนายหัวรถแทบจะอาเจียนปัสสาวะอุจจาระไหลกันเลยทีเดียว โจรสั่งให้ทุกคนเงียบและนั่งนิ่งๆ และจัดการปลดทรัพย์ทีละคนๆ จนเกือบหมด เหลือคนสุดท้ายเป็นหนุ่มวัยฉกรรจ์ ดูท่าแต่งตัวเรียบๆนั่งสงบๆไม่น่าจะมีอะไร ก็สั่งให้เอาเงินหรือทองออกมาให้หมด หนุ่มนั่นทำท่าสงบ โจรชะล่าใจนึกว่าเขากลัว ไอ้หนุ่มนั่นก็บอกว่าซ่อนเงินไว้ในรองเท้ามาเอาเองสิ โจรก็ไม่คิดอะไรมากนึกว่ามันกลัวจนหัวหดไม่กล้าควักเงินจากรองเท้ามาให้ โจรหนุ่มคนหนึ่งเดินเข้าไปเอาเงิน แล้วก้มลงจะถอดรองเท้าไอ้หนุ่มนั่น ก้มประมาณหัวเข่า ไอ้หนุ่มนั่นเตะก้านคอผางเดียว โจรคอหักตายคาที่ อีกหนึ่งโจรก็สติแตกทั้งๆที่ถือปืนอยู่ก็กราบขอชีวิต แล้วหนีจากไป ตอนหลังมาทราบว่าที่แท้ไอ้หนุ่มนั่นก็คือยอดนักมวยชาวใต้นั่นเอง ชื่อ ไอ้จ๋อ นครศรีธรรมราช ในตอนหลังเกิดการปล้นรถบัสบ่อยครั้งในเขตพระนคร(กรุงเทพ)ในอดีต บริษัทขนส่งก็จ้างไอ้จ๋อไปหัวหน้านายหัวคุมรถ เมื่อได้ยินชื่อเสียงไอ้จ๋อขาโหด โจรต่างๆก็สยบไม่มีใครมากล้า เรื่องนี้ประมาณ 70-80 ปีที่แล้ว โหนานทีเดียวเราอุทาน เตะตายเลยอะครับปะชาย เราถามปะชาย จริงสิแต่ก่อนเขาต่อยมวยต่อยกันตายจริงๆ ปะชายตอบ

            ไอ้จ๋อ เป็นนักมวยยอดฝีมือที่หมัดหนัก แข้งโหดเตะแบบตับแตกกันเลยทีเดียว ไม่มีนักมวยหน้าไหนมาชกด้วยหรอก นอกจากตาเรี๊ยะ สุไหงมูโซ๊ะเท่านั้น  ไอ้จ๋อกับตาเรี๊ยะชกกันหลายครั้งหลายหนผลัดกันแพ้ชนะและเสมอบ้างในครั้งหลัง ต่างคนต่างไม่ยอมกันมาตลอด จนวันหนึ่งตาเรี๊ยะมาท้าชกกับไอ้จ๋อ แต่ไอ้จ๋อไม่อยากชกด้วย ตาเรี๊ยะก็เซ้าซี้ท้าพร้อมข่มไอ้จ๋อ ครั้งนั้นมีเซียนมวยมาเตือนตาเรี๊ยะ ว่าไอ้จ๋อมันเปลี่ยนไปมาก มันเก่งขึ้นมาก คราวนี้ถ้ามึงต่อยกับมันเป็นคราวตายของมึงแน่

            ความมั่นใจ ความมุ่งมั่นไม่ยอมแพ้ประทุเดือดในทรวงตาเรี๊ยะ ด้วยความที่เป็นนักมวยชั้นยอดไม่เป็นสองรองใคร กับไอ้จ๋อก็ชกมาหลายครั้ง ความมุ่งมั่นกลายเป็นความแค้นความต้องการชัยชนะ ความเป็นที่หนึ่ง จนตาเรี๊ยะไปท้าไอ้จ๋อมาชกอีก สุดท้ายทั้งสองได้มาชกกันเป็นมวยคู่เอก ไอ้จ๋อชกตาเรี๊ยะตายคาเวที สิ้นสุดจบลงแบบไม่สวยงาม ชัยชนะพังทลายพร้อมชีวิต เมียสาวตาเรี๊ยะร้องไห้สุดชีวิตกับผัวรักที่จากไป พร้อมปากด่าสาปแช่งไอ้จ๋อที่เอากันจนสามีตาย ไอ้จ๋อบอกว่าไม่เอาถึงตายแต่หมัดมันหนักเข้าปลายคางคอมันหัก กราบขอโทษจริงๆ จะว่ายังไงจะเถียงยังไงก็ไร้ผลตาเรี๊ยะตายไปแล้ว ไม่ฟื้นอีกแล้ว นี่คืออุทานหรณ์การไม่ยอมแพ้แม้ตัวตาย ผู้บูชาชัยชนะ ชัยชนะเหนือความตาย ผลลัพธ์คืออะไร  ตาเรี๊ยะแพ้ ไอ้จ๋อก็แพ้ ความตายความเศร้าโศกา เป็นผู้ชนะและหัวเราะเยาะอย่างขบขัน

            ข้าพเจ้าขนลุกซู่ ข้าพเจ้าฟังอย่างตั้งใจ พลางแหงนหน้ามองที่ขอบฟ้าฟากตะวันออก อาทิตย์เป็นไข่แดงกลมโผล่จากขอบฟ้า เป็นภาพที่สวยงามน่าดูนัก แต่ในใจข้าพเจ้าเริ่มดูหม่นหมองเสียแล้ว ผู้เฒ่าปะชายจับบ่าข้าพเจ้าแล้วสอนการต่อยมวย เทคนิคการต่อยมวย สอนการชกหมัดตรงป้องกันตัว พร้อมกันนั้นก็ฝากคติสอนใจไปพลางๆ

            ปะชายสอนเรา “ให้เรามีความจริงกับเรา กับพระเจ้า ความจริงกับคนอื่นนั้นไม่สำคัญพอ คำๆเดียวหมัดๆเดียวที่ศรัทธาสามารถต่อยภูเขาให้พังทลายลงได้หากเรามุ่งมั่น มานะพยายาม การต่อสู้มิใช่ว่าเราจะเก่งกาจเพียงอย่างเดียว ชนะไม่ได้ แต่หากอยู่ที่เราฝึกฝนอย่างหนัก มีจิต สมาธิที่เข้มแข็งไม่ยอมแพ้ มีสติปัญญาไหวพริบเป็นเลิศ และจริงกับตัวเราเอง โลกใบนี้ไม่มีใครสามารถสู้เราได้อย่างแน่นอน”

            แสงอาทิตย์เปล่งประกาย คำตอบแห่งชีวิตก็เปล่งประกายสว่างในสามัญสำนึก ข้าพเจ้าตระหนักดีว่าเราให้ความสำคัญกับเรื่องของคนอื่นมากเกินไป เราสนใจแต่เรื่องของคนอื่นจนลืมตัวเราเอง ลืมความฝัน ลืมเป้าหมาย เรามิได้ทำตามความฝันและจุดหมายอย่างเต็มที่ เราได้แต่ต่อสู้อย่างไม่ลืมหูลืมตาโดยมิได้วางแผนอะไร จิตเราอ่อนเกินไปเป็นไอ้ขี้แพ้ตลอด เราดูถูกสติปัญญาตัวเราเองตลอดเวลา เราจึงไม่สามารถสู้ใครได้ อย่าว่าอะไรไปเลยขนาดตัวเองเรายังแพ้นับประสาอะไร

            ข้าพเจ้ารู้สึกว่าแดดเริ่มแผดเผาแล้ว ภายในจิตใจดูกลับหมองไหม้กว่าเมื่อได้ยินวจีกรรมดั่งกล่าวจากปะชาย มองไปทางหาดทราย คลื่นเริ่มซัดเข้าชายฝั่ง ซัดเข้ามาๆ จิตใจข้าพเจ้าหล่นหายไปกับเกลียวคลื่นที่ถาโถมลงสู่ทะเลอันเปล่าเปลี่ยว ความคิดของข้าพเจ้าเริ่มหลอมละลายกลายระเหยลอยไปกับอากาศยามเช้าที่ใกล้หมดลง รู้สึกว่าแดดร้อนเข้าทุกทีแล้ว เรายังอยากคุยอยากฟังต่อ แต่แสงแดดและเกลียวคลื่นก็ขับไล่พวกเราให้ไปเสีย มันพยายามบอกให้เรารู้ว่าใครใหญ่ นี่ถิ่นใคร เอ็งเป็นใคร อย่ามาหือ เราก็ไม่พูดอะไร เราโดนขาใหญ่กวดแล้วสิ แม้มีอดีตขาใหญ่แต่ก็ต้องยอม วงแตกงานนี้ ผู้เฒ่า คุณลุงบอกลาบอกกล่าวประมาณว่าสั่ง สั่งให้มาเยี่ยมอีกนะหลานรัก ข้าพเจ้าเดินจากไปด้วยใจหม่นๆ ข้าพเจ้าถามตัวเองเมื่อไรว่าข้าพเจ้าจะจริงกับตัวเองเสียที แดดมันร้อนเกินกว่าจะนั่งสนทนาแล้วสิ จึงได้เวลากลับไปก่ออิฐที่ค่ายพัฒนาชุมชนในวันนี้และจะกลับไปก่ออิฐก้อนนั้น……ของข้าพเจ้า

หมายเหตุ

* รถมอเตอร์ไซค์ ฮอนด้า โนว่า โซนิก 125R   Honda Nova Sonic 125 R

* หลาดปลา คือ ภูมิปัญญาชาวบ้านในการดักจับปลาตามชายหาด คล้ายโป๊ะแต่โป๊ะอยู่ในทะเลลึก แต่หลาดปลาอยู่ตามชายหาด มีการปักไม้และล้อมอวนไว้ ทำการล่อปลาเข้าไปเมื่อน้ำขึ้น เมื่อน้ำลดปลาจะติดในหลาดปลา เวลาน้ำลดลงชาวบ้านจะมาตักหลาดมาจับปลา จับปู จับหมึกในหลาด

* ปลาแยแระ หรือ ปลาจ้องหม้อง ภาษาถิ่น คือ ปลากระเบนขนาดเล็ก ขนาดเท่าฝ่ามือ นิยมนำมาทำปลาแห้ง แกงส้ม ผัดเผ็ด มีหนามที่หางเป็นพิษ

* ปะชาย  ใช้เรียก คนเฒ่าคนแก่ในภาคใต้ ประมาณว่า คุณตาหรือคุณลุง

* สุไหงมูโซ๊ะ หรือ บาฆั๋น คือ เกาะแห่งหนึ่งในตำบลแหลมสน อำเภอละงู จังหวัดสตูลในอดีตรุ่งเรืองมาก เป็นแหล่งรวมเผ่าถ่านไม้โกงกางขนาดใหญ่ ส่งขายสิงคโปร์และต่างประเทศ ปัจจุบันมีประชาชนอยู่น้อยมาก ไม่มีไฟฟ้า ไม่มีถนน แต่มีโรงเรียน และใช้ไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์

* เขาขาว คือ โซนตำบลกำแพงบางส่วน ตำบลน้ำผุด ตำบลเขาขาว อำเภอละงู จังหวัดสตูล ในอดีตเป็นเขตคอมมิวนิสต์ เป็นถิ่นนักเลงของจังหวัด สภาพทั่วไปเป็นป่าเขา ป่ายาง ทุ่งนา และแม่น้ำไหลผ่าน

                                                                                               แด่…ลูกหลานคนบาฆั๋น

..เจ้าชาย..

31 / 3 / 55

 

คำสำคัญ (Tags): #เฒ่าทะเลสนกลาง
หมายเลขบันทึก: 484281เขียนเมื่อ 5 เมษายน 2012 01:25 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 มิถุนายน 2012 19:32 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

สวัสดีนายหัว
อ่านเรื่องนี้ตอนอยู่ที่ริมเลอันดามัน อ่านเรื่องคนจริงนักเลงนักมวย(มีเรื่องเล่าของจริงแทยทุกพื้นที่) อ่านเรื่องปล้นรถทัวร์ (ทัวร์นรกของ บังหาญ ก็มีเล่ากันหลายเรื่อง) อ่านเรื่องโจรปล้น ถนนสายพัทลุงหาดใหญ่ บรอเวณควนหินแท่น(ช่งวป่าบอนพรุพ้อ) เขาปิดตำนานโจร โดยการสร้างหลาให้โจรพัก(หลาพักโจร) นึกถึงเรือด่วนลำสุดท้ายที่วิ่งระหว่างลำปำไปสงขลา และนึกถึงซัลมาล ในคนใบเลี้ยงเดี่ยว(กนกพงศ์)

นายหัวครับ.......รออ่านเรื่องต่อไปอยู่ครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท