วันนี้เป็นวันแรกของการอบรมสัมมนาเชิงปฏิบัติการเรื่อง "ความคิดเชิงระบบในการศึกษาวิเคราะห์ชุมชนแบบมีส่วนร่วม” โดยโครงการดังกล่าวดำเนินการในระหว่างวันที่ 31 มีนาคม – 1 เมษายน 2555 ณ ห้องประชุมศูนย์นวัตกรรมไหม มหาวิทยาลัยมหาสารคาม
กิจกรรมหนึ่งหลักสูตร หนึ่งชุมชน เป็นกิจกรรมแห่งการส่งเสริมและสนับสนุนให้แต่ละหลักสูตรได้ประยุกต์การเรียนการสอนและการวิจัยไปสู่การเรียนรู้และให้บริการแก่สังคม รวมทั้งการมุ่งประสานความร่วมมือกับชาวบ้านเพื่อสรรค์สร้างให้ชุมชนมีความเข้มแข็ง โดยใช้ชุมชนเป็นโจทย์ หรือเป็นฐานการเรียนรู้
เบื้องต้นโครงการหนึ่งหลักสูตรหนึ่งชุมชน ได้ตั้งเป้าหมายให้ทุกหลักสูตร (94 หลักสูตร) ได้ลงสู่ชุมชน โดยมหาวิทยาลัยสนับสนุนงบประมาณโครงการละ 80,000 บาท และให้แต่ละหลักสูตรสมทบอีกโครงการละ 20,000 บาท ซึ่งระยะที่ 1 นั้นมีโครงการที่ผ่านการพิจารณาให้ดำเนินการ 51 โครงการ (51 หลักสูตร) ครอบคลุมพื้นที่ดำเนินการในจังหวัดมหาสารคาม 44 โครงการ และที่เหลือกระจายไปสู่จังหวัดใกล้เคียง อาทิ ร้อยเอ็ด กาฬสินธุ์ และสกลนคร
สำหรับกิจกรรมในวันนี้ กิจกรรมหลักๆ เป็นกิจกรรมที่มุ่งเตรียมความพร้อมให้กับอาจารย์และบุคลากรได้เกิดองค์ความรู้เกี่ยวกับการ “ทักษะในการทำงานร่วมกับชุมชน” รวมถึงการมุ่งเน้นให้อาจารย์และบุคลากร รวมถึงคณะวิทยากรกระบวนการจากทีม “สกว” ในภาคอีสานได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกันในสิ่งอันเป็น “ปัญญาปฏิบัติ” ของการทำงานในชุมชน
ครับ-อาจกล่าวได้ว่ากิจกรรมในวันนี้ เหมือนนำพาอาจารย์ บุคลากรมาแบ่งปันความรู้ร่วมกัน พร้อมๆ กับการลับอาวุธทางปัญญาให้แหลมคมมากขึ้น โดยเฉพาะประเด็นของการเรียนรู้และทำงานกับชาวบ้าน...
นอกจากนั้นยังรวมถึงกิจกรรมถามทัก “ความคาดหวัง” ผ่าน “บัตรคำ” เพื่อนำกลับมาให้ทีมงานได้สังเคราะห์ความคาดหวังตามกระบวนการ “BAR”
ถัดจากนั้นก็นำเข้าสู่บทเรียนผ่าน “วีดีทัศน์” ที่เกี่ยวกับการวิจัยท้องถิ่น (นักวิจัยไทบ้าน) เพื่อให้อาจารย์และบุคลากรได้ทบทวนทักษะการ "ดู-ฟัง-คิด” เป็นการเน้นย้ำการเรียนรู้ด้วยตนเองผ่านชุดบทเรียนแห่งความสำเร็จ เพื่อปะติดปะต่อสู่ “ฐานความรู้และความคิด” ในตัวตนของแต่ละคน เสมือนการชวนให้แต่ละคนได้วิเคราะห์สังเคราะห์ศักยภาพของตัวเองไปพร้อมๆ กับการ “ถอดบทเรียน” จากสื่อ
วีดีทัศน์ภายใต้วาทกรรมสำคัญ ๆ คือ “แนวคิด-เครื่องมือ-กระบวนการ” ที่นำพาให้เกิดงาน "วิจัยที่กินได้” ผ่านการ “โสเหล่” ร่วมกัน
กระบวนการทั้งปวงจะมุ่งเน้นให้อาจารย์และบุคลากรทุกคนถอดวางหัวโขน ไว้ที่มหาวิทยาลัย เพื่อเดินทางลงสู่หมู่บ้านร่วมกัน โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อให้ทุกคนได้ฝึกการปฏิบัติจริงในการเรียนรู้ชุมชน เน้นการเรียนรู้ “บริบทชุมชน” ร่วมกัน โดยไม่มีพรมแดนความเป็นหลักสูตรหรือสาขาวิชาชีพ ไม่แบ่งแยกความเป็นนักวิชาการและชาวบ้าน ทุกอย่างจะเรียนรู้ร่วมกันแบบเนียนๆ ภายใต้วาทกรรมหลักๆ อาทิ สังคม วัฒนธรรม สิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ ฯลฯ
ครับ-นั่นคือกระบวนการภาพรวมที่ถูกจัดวางไว้ในวันนี้ โดยพรุ่งนี้อาจารย์และบุคลากรกลุ่มต่างๆ จะนำพาผลแห่งการเรียนรู้เชิงปฏิบัติการมาบอกเล่าสู่กันฟังอีกรอบ-
ขอบคุณทีมวิทยากร
นำโดย
รศดร.สุจินต์ สิมารักษ์
อาจารย์บุญเสริฐ เสียงสนั่น
และทีมงาน
ชื่นชมแบบอย่างดีๆอย่างนี้ค่ะ..ตรงจุดของสายวิชาการเพื่อสังคมจริงๆ
สวัสดีครับ พี่นงนาท สนธิสุวรรณ
งานครั้งนี้ท้าทายน่าดูครับ ปักธงสู่การเรียนรู้กลไกเกี่ยวกับการบริการวิชาการแก่สังคมและการวิจัยถึงกระบวนการของมหาวิทยาลัยในการเรียนรู้และให้บริการวิชาการแก่สังคม อันเป็นวิสัยทัศน์หลักที่มหาวิทยาลัยได้กำหนดไว้
กิจกรรมเหล่านี้เป็นกลไกการหนุนเสริมพลังร่วมกัน เพราะโดยแท้จริงอาจารย์และบุคลากรหลายท่านก็มีความรู้ความสามารถ หรือทักษะในการทำงานร่วมกับชาวบ้านอยู่แล้ว และเวทีครั้งนี้จะปลดล็อกเพื่อให้แต่ละท่านนำความรู้และประสบการณ์มาแบ่งปันต่อกันและกัน ซึ่งคาดหวังไว้ว่าจะช่วยให้มีการเติบโตในทางระบบและบุคคลควบคู่กันไป
ขอบพระคุณครับ
ส่งกำลังใจ หนุ่มกลางทุ่งสารคาม เสมอ เช่นเคยค่ะ :)
ขอบคุณมากครับ คุณปู Poo
ภาคบ่ายแบ่งกลุ่มเป็น 3 กลุ่มลงเรียนรู้ชุมชน เป็นการเรียกน้ำย่อยในการศึกษา "บริบท" ของชุมชน โดยเลือกพื้นที่ใกล้ๆ มหาวิทยาลัยเป็นพื้นที่ปฏิบัติการ ซึ่งคาดหวังไว้ว่าอาจารย์และบุคลากรที่เกี่ยวข้องจะเกิดทักษะ ความรู้ หรือแม้แต่แรงบันดาลใจในการที่จะสร้างสรรค์การเรียนการสอน โดยมีชุมชนเป็นฐานอันสำคัญของการเรียนรู้ทั้งในและนอกหลักสูตร...
ครับช่วงบ่าย เสมือนชวนให้เก็บข้อมูลชุมชน วิเคราะห์ชุมชน ..ฯลฯ..
ยินดีด้วยค่ะ ที่แนวคิด หนึ่งตำบลหนึ่งหลักสูตร ผ่านการพิสูจน์ตัวเองจนได้รับการยอมรับ
สวัสดีครับ คุณป.
กว่าจะมาถึงวันนี้ได้ก็เหนื่อยน่าดูครับ เรื่องราวระหว่างทางสุขและทุกข์ปนมาต่อเนื่อง แต่สิ่งสำคัญที่สุดก็คือ มีความสุขกับการเรียนรู้ต่อปรากฏการณ์ที่อยู่ตรงหน้า การทำงานกับชุมชน ทำให้เรามีชีวิตชีวา...เห็นความงดงามของจิตใจอันละเอียดอ่อนของชาวบ้าน
จากหนึ่งคณะ ..หนึ่งหมู่บ้าน
สู่..หนึ่งคณะ หนึ่งชุมชน
และวิวัฒน์สู่
หนึ่งหลักสูตร หนึ่งชุมชน
นี่คือภาพสะท้อนเล็กๆ ของทิศทางที่เป็นรูปธรรมของการตระหนักว่า "เพราะมหาวิทยาลัยเป็นส่วนหนึ่งของชุมชน"..
ขอบคุณครับ
งดงามเสมอนะครับ ;)....
สวัสดีครับ อ.วัส Wasawat Deemarn
ผมพยายามเรียนรู้ที่จะทำในสิ่งที่ตนเองรัก..และทำสิ่งเหล่านั้นให้ดีที่สุด ทั้งในระดับปัจเจก และระดับกลุ่ม...
ขอบคุณที่แวะมาเติมกำลังใจ นะครับ
เบิกบาน...ชื่นบาน ชื่นชมค่ะ
มาเชียร์ชอบกิจกรรมแบบนี้ รถเป็นอย่างไรบ้างครับ ดีใจที่น้องไม่เป็นอะไรมาก
ขออวยพรให้ทุกคนในโครงการทั้งอาจารย์และศิษย์มีพลัง มีสติ-ปัญญา มีความสุขในการเรียนรู้ เพื่อทำกิจกรรมในพื้นที่จริงต่อไป แนวคิดแบบนี้น่าจะมีในสถาบันการศึกษาทุกแห่งนะคะ เพราะเรามักเห็นบ่อยๆว่า การศึกษาจาก text ตำราเรียน ทุกคนก็ยึดมั่นเช่นนั้น พอไปทำงานจึงขาดความสนใจต่อบริบท หรือ context
สวัสดีปีใหม่ค่ะอาจารย์
เพื่อนดิฉันไงก็ยังเป็นอาจารย์อยู่วันยังค่ำ
มาเชียร์ชื่นชมหลักสูตร สู่ชุมชน
ชุมชนมีทุนทางภูมิปัญญา ทุนทรัพยากร สิ่งแวดล้อม
ได้ปัญญาชนมาเสริมความรู้การจัดการ นำไปสู่การจัดการตนเองของชุมชนในอนาคต