คนเราความสบายที่แท้จริงมันอยู่ที่ใจสงบ อยู่ที่ใจไม่วุ่นวาย
ความคิดความปรุงแต่งมันเป็นทุกข์อย่างยิ่ง มันอยากรวย อยากมีอยากเป็น มันไม่อยากแก่ ไม่อยากเจ็บ ไม่อยากตาย ความปรุงแต่งมันเป็นทุกข์ มันบีบคั้น มันเอาเรื่องอดีตเรื่องเก่ามากดดันตนเอง เอาเรื่องอนาคตวิตกกังวลมากดดันตนเอง เราฝึกปล่อยฝึกวาง ฝึกไม่ยึดไม่ถือ
ช่างหัวมัน อะไรจะเกิดก็ให้มันเกิด อะไรจะดับก็ให้มันดับ อยากให้เร็วมันก็ไม่เร็ว อยากให้ช้ามันก็ไม่ช้า อยากให้เป็นตามใจเรามันก็ไม่เป็น
ถ้าเราคิดมากก็ไม่ได้อะไร มันเครียดเปล่า ๆ ยิ่งเครียดก็ยิ่งเพิ่มทุกข์ทางจิตใจให้กับตนเอง
เราถือว่าเราเกิดมาก็ไม่ได้เอาอะไรมาด้วย เวลาเราตายก็ไม่ได้เอาอะไรไปเหมือนกัน
ข้าวของเงินทองสิ่งต่าง ๆ นี้เรามีภายหลัง สิ่งนี้มาสมมุติให้เรามี เราได้ เราเสีย ที่แท้จริงเราไม่ได้ได้ ไม่ได้เสีย
ถ้าเราไม่รู้จักไม่รู้แจ้ง เราก็จะหลงโลก หลงอารมณ์ ทำให้เราเวียนว่ายตายเกิดไม่มีที่จบ ไม่มีที่สิ้น
พระพุทธเจ้าท่านให้เรารู้จัก รู้แจ้ง ให้เราได้ปล่อย ได้วาง เอาสมมติออกจากจิตจากใจของเรา เอาความชั่วออกจากใจของเรา
เรื่องแก่ เรื่องเจ็บ เรื่องตายมันไม่ใช่เรื่องของเรา มันเป็นเรื่องของธาตุ ๔ ดิน น้ำ ลม ไฟ เขาก็แก่ เขาก็เจ็บไปตามเหตุตามปัจจัยของเขา
กายก็ให้มันเป็นกาย ใจก็ให้มันเป็นใจ ฝึกปล่อย ฝึกวาง ฝึกหายใจออก หายใจเข้าให้มันบริสุทธิ์ผุดผ่องไว้ ให้ไม่มีตัวไม่มีตน สงบเราก็ปล่อยวาง ไม่สงบเราก็ปล่อยวาง ชื่อว่าความยึดความถือมันเป็นทุกข์ที่สุดในโลก
ใจของเราเป็นของมีค่า ของสำคัญ...
พระพุทธเจ้าท่านให้พวกเราภาวนาเรื่องจิตเรื่องใจ เพราะปัญหาทุกอย่างมันเกิดขึ้นที่จิตที่ใจของเรา ถ้าใจของเราไม่มีปัญหา ทุกอย่างมันก็ไม่มีปัญหา เมื่อเราแก้ปัญหาทางใจแล้วจิตใจของเราก็จะสงบ จิตใจของเราก็จะดับทุกข์ได้ จากนั้นเราค่อยมาแก้ทางวาจาของเรา
วาจาของเราทุกท่านทุกคนต้องได้รับการแก้ไขปรับปรุง เพราะวาจาของเราแต่ก่อนนั้นมันประกอบด้วยทิฐิมานะ ประกอบด้วยตัวด้วยตน มันขาดความสงสารเห็นอกเห็นใจ แบ่งพรรคแบ่งพวก ขาดความรักความสามัคคี ตัวเราจะหาความสุขความสงบได้อย่างไรเพราะเราเผาคนอื่นทางคำพูด....!
ญาติพี่น้อง ลูกน้องพ้องบริวาร เพื่อนฝูง ทุกคนมีความต้องการคำพูดที่ดี ๆ คำพูดที่บริสุทธิ์ผุดผ่อง
การปฏิบัติธรรม ถ้าเราปฏิบัติไกลเกิน มันไม่ถูก...!
เราต้องเน้นมาที่ใจของเรา เน้นมาที่คำพูดของเรา เน้นมาทางกิริยามารยาท เน้นมาที่การประพฤติปฏิบัติของเราในชีวิตประจำวัน สิ่งที่มันร้อน ที่มันเผาเราทางจิตใจมันจะได้เย็นลง
ทุกคนในโลกนี้ต้องการความรัก ความเสียสละ ความไม่เห็นแก่ตัวของเรา
พระพุทธเจ้าท่านไม่ให้เราเป็นคนเจ้าอารมณ์ เอาแต่ตัว เอาแต่ตน เอาแต่ทิฐิมานะ ไม่ให้ถือตัวถือตน ว่าเรารู้มาก เรียนมาก เราคคนี้เป็นครูบาอาจารย์ เป็นพ่อ เป็นแม่ ให้เอาตามครูบาอาจารย์ ให้เอาตามพระพุทธเจ้า ต้องเป็นผู้เย็น ต้องเป็นแอร์คอนดิชั่น...
การทำการทำงานต้องทำให้มีความสุข
“ทำการทำงานมีความสุขนั้นทำอย่างไร...?”
การทำการทำงานที่มีความสุขนั้น ให้เราพอใจในการทำงาน ให้เรามีสติอยู่กับการทำงาน คนเราถ้าใจมีความสุข ใจมีความสงบ ปัญหาต่าง ๆ มันก็น้อยลง
พระพุทธเจ้าท่านไม่ให้ส่งใจออกข้างนอกเยอะ ใจที่ส่งออกข้างนอกเขาเรียกว่าใจมีความหลง ใจมีปัญหา มีอุปปาทาน เป็นใจที่สร้างปัญหา
พระพุทธเจ้าท่านให้เรากลับมาหาตัวเอง กลับมาอยู่กับเนื้อกับตัว ใจมันจะได้รู้ว่าทำอย่างนี้มันก็สงบดี ไม่ต้องรวยล้นฟ้าก็มีความสุขได้ มีความดับทุกข์ได้ เหมือนพระอริยเจ้าทั้งหลาย พิเศษยังตัดกรรม ตัดภพ ตัดชาติทางจิตทางใจเข้ามาได้มากมาย
การบำเพ็ญภาวนาทางจิตอย่างนี้ก็ถือเป็นสิ่งสำคัญสำหรับทุกท่าน ให้ภาวนาไปเรื่อย ๆ อย่างขี้เกียจปฏิบัติทางจิตทางใจ “มันสงบนิดหน่อยก็หยุดแล้ว ต้องขยันทำจิตทำใจ...”
คนเรานี่นะทำนิด ๆ หน่อย ๆ ก็พอแล้ว เพราะใจมันติดสุข ใจมันติดสงบ ใจมันติดสบาย...
พระธรรมคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ที่องค์พ่อแม่ครูอาจารย์เมตตาให้นำมาบรรยาย
วันศุกร์ที่ ๔ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๕๔
ไม่มีความเห็น