หมู่นี้ได้ยินคำว่า “ครูพันธุ์ใหม่” บ่อยๆ โดยที่ว่า “ใหม่” นี้ไม่รู้ว่าใหม่ที่ตรงไหนกันแน่
เดาไปว่า คง “อายุใหม่” เสียมากกว่าส่วนอื่น กล่าวคือ ต้องมีอายุน้อย และ บ้าๆบวมๆสักหน่อย ก็ลือกันกระฉ่อนว่าเป็นคพม. ส่วนคนแก่ๆ ที่บวมๆ (เช่นกระผม) ก็คงเป็นได้แค่เพียงครูพันธุ์เก่าเท่านั้นเอง หึหึ
ก็ โอ อยู่หรอกครับ เพราะโลกเราต้องเปลี่ยนไป พัฒนาไป (แต่ไปไหนยังสงสัยอยู่ นรก หรือสวรรค์)
อยากเสริมว่า เราจะรู้หรือวัดได้อย่างไร ว่า ครูพันธุ์ใหม่ เป็นพันธุ์ที่ ดี “ด้วย”
เพราะขึ้นชื่อว่าพันธุ์แล้วไซร้ มันบ่แน่ดอกนาย วันนี้ดูเหมือนดี แต่อาจมีอะไรไม่ดีที่ซ่อนไว้แบบไม่รู้ตัว
พอปลูกไปนานๆ ออกลูกหลานมาหลายช่วงอายุ จึงมาพบข้อด้อย
แต่กว่าจะรู้ตัว มันอาจ สาย เกินไปเสียแล้ว ชาติอาจจะล่มเสียก่อนก็เป็นได้
เช่น ข้าวไทยเราเมื่อก่อนปลูกกันเป็น พันพันธุ์ แต่วันนี้มีเพียงสองสามพันธุ์ใหม่ที่ “นักวิชาการ” ไทยส่งเสริม พอเป็นโรคประจำสายพันธุ์ที..ก็ระบาดติดต่อกันอย่างรวดเร็ว จนแทบจะสูญพันธุ์
ผมว่าการเป็นครูนั้นเป็นพรหมลิขิต เป็นพรอันประเสริฐที่สวรรค์บันดาล ดังนั้นเราต้องระวัง อย่างน้อยต้องสมาทานหลัก กาลมสูตร (สูตรเก่าดังเดิมของพพจ.) (ออกเสียงว่า กาละมะสูด ไม่ใช่ กา-ลม.สูตะระ หรือ กาน-มะสู-ตอน นะจ๊ะ อิอิ)
สบายดียามเช้า? (อรุณสวัสดิ์)
...คนถางทาง (๘ มีค . ๒๕๕๕)
อย่างนี้ต้องคัดสรรหาพันธ์ดีๆ มาเพาะกล้าอ่อนกันใหม่ค่ะ