ครั้งล่าสุดของการประชุมคณะกรรมการ KM ท่านอธิการบดีได้เข้าร่วมประชุมกับเราด้วย ดิฉันมีโอกาสได้ ประมวลสิ่งที่ทำไปมาสองปีให้ท่านฟังสิ่งที่เราทำไปแล้ว ที่จริงท่านก็รับรู้อยู่ตลอดนั่นแหล่ะ.....จากทีมบริหารฯ แต่ก็ดิฉันอดภูมิใจที่ได้ทำหน้าที่ไม่ได้..จึงยกมากล่าวไว้....ท่านฟัง....อย่างขอบคุณคณะกรรมการ...(ดิฉันเดาเอาจากสีหน้าของท่าน...)และถามคำถามกับกรรมการว่า ...........
"การจัดการความรู้"จะช่วยมหาวิทยาลัยขับเคลื่อนสู่พันธกิจหลักได้อย่างไร และหากแปลงเป็นคำถามให้ใกล้ตัวลงไปอีกคือ
1.การจัดการความรู้:จะช่วยให้มหาวิทยาลัยเก่งวิจัยได้อย่างไร
2.การจัดการความรู้:จะช่วยให้การเรียนการสอนของเราเป็นเลิศได้อย่างไร
3.การจัดการความรู้:จะช่วยพัฒนาคน อย่างไร
คำถามข้างต้นท่านคงมีคำตอบอยู่ในใจแล้วแต่เป็นเทคนิคการถาม.....ประหนึ่ง....ทวนคำ....ให้คิดโดยถ้วนหน้ากัน ท่าน อ.วรัญ ตันชัยสวัสดิ์ (ประธานกรรมการฯ)....ให้การ...."เราจะไม่ทำ KM" แต่เราจะทำโครงการพัฒนางานทั่วทั้งองค์กร ในปี 2550 เราจะส่งเสริมเวทีให้มีการถ่ายทอดแลกเปลี่ยนเรื่องโครงการพัฒนางานเพื่อจะให้เกิดการคิด พัฒนาพร้อมๆ กันไปทั้งองค์กร และเราตั้งเป้าให้กระตุ้นให้คนเขียนถ่ายทอดประสบการณ์การทำงานผ่าน gotoknow โดยมีเป้าหมาย 10 % ในอีก 2 ปีข้างหน้า" (700 คน เชียวนะ ใน ม.อ.)
อันที่จริงแล้วคณะกรรมการมีมติตั้งแต่การประชุมครั้งก่อนหน้านี้ว่าจะใช้โครงการพัฒนางานเป็นตัวเดินเรื่อง แต่เราก็จะนำ 3 เรื่องที่ท่านอธิการฯ ยกมาถามและฝากให้เรา"จดจ่อ"ในสองปีถัดไปจากนี้ไปมาแปลงให้อยู่ในแผนปฏิบัติการของเรา ดิฉันแอบตอบโจทย์ท่านอธิการในใจตามที่ได้อ่านของท่านอาจารย์หมอวิจารณ์ อย่างต่อเนื่องในKM วันละคำ พร้อมกับการทำไปเรียนรู้ไปบ้าง "การจัดการความรู้โดยการชื่นชมความสำเร็จ เปิดใจ รับฟังผู้อื่น ฟังอย่างให้เกียรติ ชื่นชมความสำเร็จของเพื่อนร่วมงานนำสิ่งที่ได้จากการฟังในเวที ลปรร.มาประยุกต์ต่อยอด เป็นการพัฒนาบุคลากรโดยทันที พัฒนาให้ตนมีสติ รู้ฟังผู้อื่น เปิดใจตน ออกจากพื้นที่มาดูว่าคนอื่นเขาทำอะไรกันบ้าง พร้อมกันกับโครงการพัฒนางานที่ทุกคน คิด คิด คิด ทำอย่างไรจะให้งานดีขึ้น ทุกคนคิด ทุกคนทำ.....นั่นหมายว่าจะขับเคลื่อนสู่พันธกิจของมหาวิทยาลัยอยู่ดี ส่วนการสอนเก่ง วิจัยเก่ง หากเปิดเวทีแลกเปลี่ยนจากคนสอนเก่ง วิจัยเก่ง มีคนหมุนเวียนเข้ามาร่วมแลกเปลี่ยนประสบการณ์กันหลากหลายก็สามารถตอบโจทย์ได้ทั้ง 3 ข้อนั่นแหล่ะ"
แต่ทว่า.....ดูเหมือนสองปีที่ผ่านมากิจกรรม...มีมากมาย ทำอะไรก็ดีทั้งนั้น.....เฉี่ยวไปเฉี่ยวมา.....ทำมาสองปีแล้วเราควรหาโอกาสที่จะทบทวนรูปแบบการทำงานของกรรมการสองปีที่ผ่านมาซะที ใจตรงกันกับท่านอาจารย์กลางเดือน โพชนา เสนอประเด็นว่าอยากให้พวกเรามีเวลามากพอที่จะใช้สมาธิ จดจ่อทำแผนงานของกรรมการชุดนี้ ท้ายที่สุดจึงยกวาระเรื่องแผนการจัดการความรู้ปี 2550 ไปครั้งหน้าโดยนัดทำแผนอย่างเดียว เพื่อความไม่หล่ะหลวมและ "ยิงให้ตรงเป้า" ตรงใจ (จะใช้เวลาวันครึ่ง 28-29 กันยายน นี้) (ดิฉันแอบคิด...ฝัน....อยากให้ท่านอาจารย์หมอท่านหนึ่งอยู่ด้วยกับเราในการทำแผนครั้งนี้ "แอบคิดตามประสาดิฉัน นั่นแหล่ะ".....
จากแอบคิดเช่นนี้.......ทำให้หวลคิดถึงคำพูดของ "ท่านจ้อย"(พระภิกษุที่สวนโมกขพลาราม)เมื่อ 10 ปีก่อน.ในคราวที่ดิฉันนำบุคลากรไป ปฏิบัติธรรมที่สวนโมกข์คราวละ 5 วัน 6 รุ่นติดกัน....ผู้ร่วมโครงการท่านหนึ่งกล่าวกับท่านจ้อยว่า "มาที่นี่แล้วสบายใจเงียบ สงบ....น่าอยู่" ท่านกล่าวกลับทันทีว่า...นั่นไม่ถูกเลย.... เมื่อโยมไม่สบายใจ....กรุณาอย่ามาถึงสวนโมกข์....ขอให้ยกสวนโมกข์ไปอยู่ในใจโยม..แล้วอาตมาจะภูมิใจ" อาจารย์หมอท่านที่ดิฉันกล่าว....ก็น่าจะคิดเช่นเดียวกับ"ท่านจ้อย" เช่นกัน
ตามมาเสพงานพี่สาวครับ และแล้วก็พบของดีจริง ๆ เอาไปแล้วนะครับ
"มาที่นี่แล้วสบายใจเงียบ สงบ....น่าอยู่" ท่านกล่าวกลับทันทีว่า...นั่นไม่ถูกเลย.... เมื่อโยมไม่สบายใจ....กรุณาอย่ามาถึงสวนโมกข์....ขอให้ยกสวนโมกข์ไปอยู่ในใจโยม..แล้วอาตมาจะภูมิใจ"
ขอบคุณจริง ๆ ครับ ของดีเลยนะนี่
ขอบคุณมากเลยคะ สำหรับแง่คิดดี ๆ คิดได้แบบนี้แล้ว จิตสงบมากเลยค่ะ
เห็น มอ. ทำ KM อย่างจริงจัง ท่านอธิการบดี ที่ถือได้ว่าเป็น Top Management ก็ให้ความเอาใจใส่ดี รู้สึกดีจังครับ ในฐานะเป็นศิษย์เก่า มอ. เหมือนกัน
ขอให้มุ่งมั่นต่อไป และขอเป็นกำลังใจ เพื่อที่เราจะได้มี Success Case ที่เป็นแบบอย่างมาแลกเปลี่ยนกันครับ