หนังสือดังกล่าวคือ คำอธิบายกฎหมายระหว่างประเทศแผนกคดีบุคคล ซึ่งแต่งโดยผู้ช่วยศาสตราจารย์ ภิญโญ พินัยนิติศาสตร์ จัดพิมพ์โดยโครงการตำราและเอกสารประกอบการสอน คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ฉบับพิมพ์ในปี พ.ศ 2533
เป็นตำราที่อาจารย์ภิญโญ ซึ่งเป็นทั้งผู้บรรยายวิชานี้และเป็นทั้งอาจารย์ที่ปรึกษาของผมได้เคยเขียนขึ้น อันเป็นผลจากการค้นคว้าและศึกษากฎหมายในวิชานี้จากตำราและคดีตัวอย่างที่เคยเกิดขึ้นในต่างประเทศ ทั้งในประเทศที่ใช้ระบบกฎหมายคอมมอนลอว์และซีวิวลอว์ รวมทั้งได้ศึกษาจากอนุสัญญาระหว่างประเทศ จารีตประเพณีระหว่างประเทศ และประสบการณ์ตรงของท่านซึ่งเป็นผู้บรรยายวิชานี้ที่ธรรมศาสตร์ มาตั้งแต่ปี พ.ศ 2513 เพื่อนำมาใช้อธิบายประกอบกับเนื้อหาของพระราชบัญญัติการขัดกันของกฎหมาย พ.ศ 2481 ของไทย ซึ่งมีที่มาหรือต้นแบบมาจากกฎหมายของประเทศฝรั่งเศส
แนวทางการนำเสนอในหนังสือเล่มนี้ที่เกี่ยวกับกฎหมายระหว่างประเทศแผนกคดีบุคคลนั้น ได้มีการนำเสนอในลักษณะที่เป็นขั้นเป็นตอน โดยปูพื้นให้ผู้อ่านได้ทราบถึง ความหมาย ลักษณะ ประเภท บ่อเกิด จุดเกาะเกี่ยว คำศัพท์ ที่ใช้ในกฎหมายระหว่างประเทศแผนกคดีบุคคล เพื่อให้ผู้อ่านสามาระเข้าใจถึงขอบเขตของเนื้อหาได้ง่ายขึ้น
หนังสือเล่มนี้ได้นำเข้าสู่เนื้อหาของกฎหมายระหว่างประเทศแผนกคดีบุคคล โดยเริ่มจากภูมิลำเนาของบุคคลและของนิติบุคคล โดยได้อธิบายถึงความหมาย ประเภท การเสียภูมิลำเนา และได้มีการเปรียบเทียบความแตกต่างของภูมิลำเนาในกฎหมายของสหร้ฐอเมริกา กับของ อังกฤษ ไว้ด้วย
จากนั้นหนังสือเล่มนี้ ได้นำเสนอเรื่องของสัญชาติ ในประเด็นของการได้มาซึ่งสัญชาติ การเสียสัญชาติ และได้นำเสนอถึงประเด็นเรื่องการให้ลักษณะกฎหมายแก่ข้อเท็จจริงหรือ classification รวมทั้งในเรื่องของการย้อนส่ง(renvoi) โดยมีการยกตัวอย่างประกอบเพื่อให้ผู้อ่านเข้าใจได้ง่ายขึ้น
เมื่อได้มีการนำเสนอถึงหลักเกณฑ์ทั่วไปของกฎหมายระหว่างประเทศแผนกคดีบุคคลแล้ว ตำราเล่มนี้ได้นำเสนอถึงหลักเฉพาะในกฎหมายขัดกัน อันได้แก่ การแบ่งลักษณะเอกชนที่มีความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ โดยถือว่าบุคคลเป็นผู้ที่มีความสามารถในการก่อตั้งสิทธิและหน้าที่ จึงได้มีการแยกออกเป็นการศึกษาลักษณะ
1 บุคคล โดยได้ศึกษาในเรื่องครอบครัวที่เกี่ยวกับการหมั้น การสมรส ความสัมพันธ์ระหว่างสามีภริยา การหย้า บิดามารดากับบุตร ส่วนในเรื่องมรดกนั้น ได้ศึกษาถึงสิทธิ การรับมรดก เป็นต้น
2 ทรัพย์ ได้นำเสนอถึงเรื่องนิติกรรม และนิติเหตุต่าง ๆ รวมทั้งในเรื่องการจัดการงานนอกสั่ง ลาภมิควรได้ และละเมิด
ส่วนในบทสุดท้ายของหนังสือเล่มนี้ ได้ให้ความรู้ในเชิงประวัติศาสตร์กฎหมายระหว่างประเทศแผนกคดีบุคคล โดยเริ่มตั้งแต่สมัยโรมัน ยุคกลาง จนถึงแนวความคิดในปัจจุบัน ซึ่งมีทั้งในประเทศกลุ่มคอมมอนลอว์ และประเทศในกลุ่มซีวิวลอว์
นอกจากนี้ตำราเล่มนี้ยังได้นำพระราชบัญญัติสัญญชาติและพระราชบัญญัติว่าด้วยการขัดกันของกฎหมายพร้อมคำแปลภาษาอังกฤษ และประกาศกระทรวงมหาดไทยในเรื่อง การได้ การสละ การถอน และการเสียสัญชาติ มารวบรวมไว้เพื่อประโยชน์แก่ผู้ที่ต้องการศึกษาและในการอ้างอิงอีกด้วย
อย่างไรก็ดีตำราเล่มนี้ จัดทำขึ้นเพื่อให้ประกอบการเรียนการสอนในชั้นปริญญาตรี จึงทำให้มีการจำกัดเนื้อหาอยู่เพียงเท่านี้ โดยยังไม่ได้เข้าไปวิเคราะห์ถึงปัญหาต่าง ๆ ในเชิงลึก เช่น เรื่องการรับรองและการบังคับคำพิพากษาของศาลต่างประเทศ เป็นต้น
กอรปกับตำราเล่มนี้ได้มีการเขียนไว้นานแล้ว ทำให้ไม่ได้มีการนำเสนอถึงประเด็นใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้น เช่น
1หลักในเรื่อง proper law of tort ที่นำมาใช้ในเรื่องความร้บผิดทางละเมิดที่เกิดจากผลิตภัณฑ์ product liability หรือในเรื่องสัญญา ที่มาตรา 13 ตามกฎหมายขัดกันของไทยยอมรับจุดเกาะเกี่ยวในลักษณะที่ตายตัว แต่ในปัจจุบันในประเทศต่าง ๆ ได้ยกเลิกหลักดังกล่าวแล้ว เพราะเป็นหลักที่ขาดความยืดหยุ่น
2หลักในเรื่องการแยกส่วนของสัญญา เป็นต้น
อย่างไรก็ดี จุดเด่นของตำราเล่มนี้อยู่ที่การนำเสนอข้อมูลทางวิชาการในประเด็นต่าง ๆ โดยการนำเสนอแนวคำพิพากษาของศาลต่างประเทศ เป็นจำนวนมาก รวมทั้งแนวคำพิพากษาของไทยที่เคยเกิดขึ้น รวมทั้งได้มีการแต่งหรือยกตัวอย่างประกอบในกรณีที่ไม่มีคำพิพากษาอ้างอิง ทั้งนี้ เพื่อให้ผู้อ่านได้เข้าใจเนื้อหาได้ง่ายขึ้น
กล่าวโดยสรุปแล้ว ตำราเล่มนี้เป็นหนังสือที่น่าอ่านเล่มหนึ่งและเหมาะสำหร้บนักกฎหมายที่ต้องการทำความเข้าใจกฎหมายระหว่างประเทศแผนกคดีบุคคลในเชิงประวัติศาสตร์