ในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา 14-16 น. ที่ห้องประชุมมิตรภาพ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
ดิฉันมีโอกาสได้ไปเป็นวิทยากร เรื่อง การสังเคราะห์งาน เพื่อให้บุคลากรคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น สามารถทำผลงานทางวิชาการ เพื่อเลื่อนตำแหน่งที่สูงขึ้น ทั้งตำแหน่งชำนาญการ ชำนาญการพิเศษและเชี่ยวชาญ ล้วนจะต้องทำงานเชิงวิเคราะห์งานหรือสังเคราะห์งาน
ตามความเห็นของดิฉัน ที่เคยตรวจผลงานวิชาการในเชิงวิเคราะห์งาน ขั้นตอนกระบวนการมีแตกต่างกันเล็กน้อย คือขั้นตอนการนำผลงานวิจัยมาใช้ ถ้างานที่เรียกว่า การสังเคราะห์งาน ควรเน้นการได้มาซึ่งข้อมูลเพื่อนำมาสังเคราะห์งานวิจัยอย่างเป็นระบบให้ชัดเจนและได้บทสรุป เพื่อนำมาสร้างแนวปฏิบัติ
ขอนำบทความที่ได้ไปบรรยายในวันนั้น มาไว้ให้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกันนะคะ
ผลงานเชิงสังเคราะห์ หมายถึง ผลงานที่แสดงการรวบรวมเนื้อหาสาระต่างๆหรือองค์ประกอบต่างๆเข้าด้วยกัน โดยต้องอาศัยความคิดสร้างสรรค์ในการสร้างรูปแบบและโครงสร้างเบื้องต้น เพื่อให้เกิดแนวทางหรือเทคนิควิธีการใหม่ในเรื่องนั้นๆ ซึ่งเป็นประโยชน์ต่องานของหน่วยงาน
ความจำเป็นต้องมีการสังเคราะห์งาน
การปฏิบัติตามหลักฐานเชิงประจักษ์ Evidence-Based Practice (EBP)
การพิจารณาใช้หลักฐานเชิงประจักษ์ที่ดีที่สุดจากงานวิจัยที่มีอยู่ในขณะนั้น ร่วมกับค่านิยม/ความเชื่อ/ความคิดเห็น ความชื่นชอบ ของผู้ป่วย/ผู้รับบริการ ประสบการณ์ /ความเชี่ยวชาญทางคลินิกของผู้ปฏิบัติทรัพยากร สิ่งเอื้ออำนวยที่มีอยู่เพื่อมากำหนดแนวทางในการดูแลผู้มาใช้บริการที่ดีที่สุด ในรูปแบบแนวปฏิบัติการทางคลินิก
การสังเคราะห์งาน
ทำได้โดยนำหลักฐานเชิงประจักษ์มาใช้ Evidence-Based Practice (EBP) สร้างแนวปฏิบัติการพยาบาลทางคลินิก (Clinical Nursing Practice: CNPG)
ขั้นตอนการดำเนินการตามแนวปฏิบัติการพยาบาลทางคลินิก
กำหนดประเด็นปัญหา
สืบค้นงานวิจัย
หลังจากกำหนดประเด็นปัญหา ตั้งทีมดำเนินการ ก่อนการสืบค้นงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับประเด็นปัญหา ควรตั้งคำถามที่จะนำไปสู่การสืบค้นหลักฐานที่ดีที่สุดให้มีความเฉพาะเจาะจง โดย
ระบุประชากร (P: patient population)
ระบุหัตถการ การรักษาที่สนใจ (I: intervention)
ระบุการเปรียบเทียบ(ถ้ามี) (C: comparison intervention) และ
ระบุผลลัพธ์ (O: outcome) ที่วัดได้ เช่น ความปวด ความวิตกกังวล พฤติกรรมการดูแลตนเอง คุณภาพชีวิต เป็นต้น
หลังจากนั้นมาสืบค้นงานวิจัย (search the literature) จากอินเตอร์เน็ต ซึ่งเป็นแหล่งงานวิจัยที่ใหญ่ที่สุด ฐานข้อมูลทางการแพทย์และการพยาบาล ได้แก่ MEDLINE, CINAHL, Scopus, Cochrane เป็นต้น การค้นด้วยมือ (hand searching) เป็นการค้นงานวิจัยที่ไม่ได้อยู่ในระบบฐานข้อมูลคอมพิวเตอร์ ค้นจากบรรณานุกรมหรือเอกสารอ้างอิง สืบค้นจากนักวิจัยโดยตรง หรือการค้นจากงานวิจัยที่ไม่ได้ตีพิมพ์ จากวิทยานิพนธ์ การสืบค้นงานวิจัยถ้าเป็นเรื่องเก่าควรค้นหางานวิจัยจำนวนมาก แต่ถ้างานวิจัยเป็นเรื่องใหม่ๆอาจใช้จำนนปีที่น้อยลงได้
วิเคราะห์และสังเคราะห์งานวิจัย
หลังจากได้งานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับประเด็นที่ต้องการพัฒนา ขั้นต่อไปคือ อ่านงานวิจัยทั้งหมด หลักการอ่านงานวิจัยควรอ่านบทคัดย่อก่อน เพื่อพิจารณาว่างานวิจัยตรงกับเรื่องที่เราต้องการพัฒนาหรือไม่ หลังจากนั้นจึงวิเคราะห์ สังเคราะห์ เพื่อประเมินคุณภาพงานวิจัยและนำมาใช้ในการพัฒนาแนวปฏิบัติการพยาบาล รวมทั้งประเมินความเป็นไปได้ในการปฏิบัติของแต่ละโมเดลหรือรูปแบบการใช้ผลงานวิจัย
การประเมินงานวิจัย
หลักการเลือกอ่านงานวิจัยทางคลินิก
การประเมินงานวิจัยแบบง่าย
การสกัดข้อมูล
The Joanna Briggs Appraisal Form ความสอดคล้องทางคลินิก มีความหมายและมีคุณค่า และแนวโน้มที่จะนำไปใช้ในการปฏิบัติ
ประเมินความเป็นไปได้ในการปฏิบัติ
เกณฑ์การประเมินคุณภาพงานวิจัย
เราสามารถใช้เกณฑ์การประเมินงานวิจัยได้หลายแนวคิด ในที่นี้ขอกล่าวถึงเฉพาะเกณฑ์ของ ราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทย, 2544
ระดับ A หมายถึง หลักฐานที่ได้จาก systematic review จากงานวิจัยที่ออกแบบการวิจัยแบบการสุ่มแบบควบคุม (randomized controlled trials: RCT) หรืองานวิจัยเชิงทดลองที่ ออกแบบการวิจัยแบบการสุ่มแบบควบคุม
ระดับ B หมายถึง หลักฐานที่ได้จาก systematic review ของ controlled clinical study หรือ หลักฐานที่ได้จาก controlled clinical study เช่น non randomized control trail, cohort study, case control study, cross sectional study) ที่ดำเนินอย่างเหมาะสม หรือหลักฐานที่ได้จากการวิจัยทางคลินิกที่ใช้รูปแบบการวิจัยอื่นและผลการวิจัยพบประโยชน์หรือโทษจาการรักษาเด่นชัดมาก หรือเรื่องดังกล่าวไม่มีผลงานวิจัยประเภท RCT แต่ได้นำเอาหลักฐานที่ได้จาก RCTในประชากรกลุ่มอื่นหรือเรื่องอื่นที่คล้ายคลึงกันมาใช้เป็นหลักฐาน หรือจาก systematic review ของ RCT หรือ RCT ที่ดำเนินไม่เหมาะสม
ระดับ C หมายถึง หลักฐานที่ได้จาก systematic review ของ descriptive study งานวิจัยที่เป็นงานเปรียบเทียบ หาความสัมพันธ์หรืองานวิจัยเชิงบรรยาย
ระดับ D หมายถึง หลักฐานที่ได้จากฉันทามติ หรือการมีความเห็นร่วมกัน (Consensus) ของกลุ่มผู้เชี่ยวชาญ
ข้อสรุปที่ได้จากการวิเคราะห์สังเคราะห์งาน ได้จากการอ่านงานวิจัยทั้งหมด สามารถสรุปแนวทางการปฏิบัติทางคลินิก
สร้างแนวปฏิบัติCNPG แนวปฏิบัติการพยาบาลทางคลินิก Clinical Nursing Practice Guideline หมายถึง ข้อกำหนดที่จัดเป็นระบบ เพื่อช่วยในการตัดสินใจของผู้ประกอบวิชาชีพและผู้ป่วยเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพที่เหมาะสมกับสถานการณ์ หลักฐานที่นำมาใช้จัดทำ ต้องน่าเชื่อถือ เพื่อลดความหลากหลายในการปฏิบัติงาน
ลักษณะสำคัญ มีการพัฒนาหรือสร้างอย่างเป็นระบบ มีประโยชน์ต่อผู้ให้บริการและผู้ป่วย และมีความเฉพาะเจาะจงต่อปัญหาทางคลินิก
ประโยชน์ มีมาตรฐานในการปฏิบัติ ตัดสินใจทางคลินิกง่าย มีเกณฑ์วัด ทำให้แยกความรับผิดชอบของบุคลากรได้ง่าย และลดความเสี่ยง เกิดคุณภาพการดูแล
คุณสมบัติที่ดีและมีคุณภาพ น่าเชื่อถือ คุ้มค่า คุ้มทุน มีความคงที่และความเที่ยง มีการพัฒนามาจากผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย และสามารถประยุกต์ใช้ในคลินิก ความยืดหยุ่น ระบุทางเลือกและข้อยกเว้น ความชัดเจน ระบุคำนิยาม ภาษาไม่คลุมเครือ มีความพิถีพิถันในการเขียน ระบุรายละเอียดทุกส่วน กำหนดการทบทวนเป็นระยะ และระบุกลไกในการช่วยให้ผู้ใช้ทำตามวิธีปฏิบัติที่แนะนำและติดตามประเมินผล
ระดับคุณภาพของแนวปฏิบัติทางคลินิก
ระดับดีเลิศ (Excellence guideline) มีวัตถุประสงค์ของการนำไปใช้ที่ชัดเจน ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องมีส่วนร่วมในการพัฒนา มีขั้นตอนการพัฒนาที่ดี ถูกต้อง ชัดเจน มีความชัดเจนในการนำเสนอ ง่ายต่อการนำไปประยุกต์ใช้ในหน่วยงาน และคณะผู้จัดทำมีอิสระในการยกร่างตีพิมพ์ สามารถนำไปใช้ได้จริง อยู่บนหลักฐานเชิงประจักษ์ที่ครอบคลุมมีขั้นตอนการยกร่าง มีทีมมีประสิทธิภาพ ได้รับการยอมรับ มีข้อยกเว้นเพียงเล็กน้อย และมีข้อเสนอแนะนำไปใช้สูงมาก
ระดับดีมาก (Very good guideline) มีข้อเสนอแนะบางข้อมาจากความรู้เชิงประจักษ์ มีวัตถุประสงค์และเหตุผลของการนำมาใช้อย่างชัดเจน บกพร่องในการนำไปใช้บางส่วน และผลลัพธ์ เป้าหมาย ภาวะเสี่ยงและประโยชน์
ระดับปานกลาง (Fair guideline) ขาดการระบุ ระดับของความรู้เชิงประจักษ์ วิธีการสืบค้น ความชัดเจน ประโยชน์ และความเสี่ยง
ระดับต่ำ (Poor guideline) ขาดความชัดเจน ไม่ระบุ ผู้จัดทำ ผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง ระดับความรู้เชิงประจักษ์ และข้อเสนอแนะนำมาจากตำรา ไม่แนะนำมาใช้ในคลินิก
การกำหนด Clinical practice guideline
สิ่งที่ต้องคำนึงถึงในการพัฒนา CNPG
บทสรุป
การสังเคราะห์งาน โดยการสร้างแนวปฏิบัติการพยาบาลโดยใช้หลักฐานเชิงประจักษ์ การนำไปใช้ในการทำงานเป็นสิ่งที่ท้าทาย เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด (Best practice)
เอกสารอ้างอิง
ไปสอบถามอาจารย์ สกล สิงหลกะ
http://www.gotoknow.org/blogs/posts/477353
Q: ตอนนี้กลุ่มที่จะทำผลงานเลื่อนระดับให้สูงขึ้นในกลุ่มสายสนับสนุน
จะต้องทำผลงานทางวิชาการ การวิเคราะห์งาน หรือ การสังเคราะห์งาน
อยากถามความเห็นอาจารย์ว่า...
การวิเคราะห์งานและการสังเคราะห์งานต่างกันอย่างไร
A: วิเคราะห์คือแยกแยะแจกแจงทำความเข้าใจ เห็นความเชื่อมโยงเกี่ยวเนื่องของส่วนย่อยต่างๆ
สังเคราะห์นี่ ในทางการศึกษาอาจจะมองเป็นระดับเหนือว่าวิเคราะห์อีกขั้นหนึ่ง พอเราเห็นหน้าที่ ประโยชน์ และการทำงานของส่วนย่อยเล็กๆได้หมด เมื่อถึงระดับหนึ่ง เราสามารถเอาส่วนย่อยต่างๆมาประกอบในอีกแบบนึง เป็นรูปแบบใหม่ได้ สังเคราะห์เป็นระดับ "สร้างสรรค์" คล้ายๆ concept ของ nanobot ที่ทำ unit เล็กๆให้จัดการตัวเองได้ดี มีสติปัญญา มันจะซ่อมตัวเองและสร้างตัวเอง บิดผันตัวเองเป็นรูปแบบใหม่ๆได้ตามบริบท การใช้งานใหม่
แต่ไม่ได้แปลว่าเปิดคู่มือ เอาของมาประกอบตาม plan ถือเป็นสังเคราะห์นะครับ
การสังเคราะห์งานประจำสายสนับสนุน ปฏิบัติงานด้านบริหารจัดการพัสดุ อยากเรียนถามอาจารย์ จุดเริ่มต้นในการคิดหัวข้อมีหลักการอย่างไร จุดที่ยกที่สุดคือหาหัวข้อ หาไม่ได้ก็เดินต่อไม่ได้ค่ะ ขอความกรุณาอาจารย์ช่วยแนะนำ หัวข้อ เผื่อจะนึกออกบ้าง ขอบพระคุณอย่างสูงค่ะ
งานพัศดุ. เราอาจวิเคราะห์งานเพื่อหาปัญหาก่อน แล้วค่อยค้นหางานวิจัยที่เกี่ยวข้องเพื่อนำสิ่งที่ดีที่สุดมาสร้างวิธีปฏิบัติ แล้วนำไปใช้ในการทำงานและประเมินผล ชื่อเรื่องขึ้นอยู่กับปัญหาที่พบค่ะ