สวัสดีครับ ศ.ดร.จีระ / ผู้บริหาร/ผู้นำ ที่โรงแรมโอเรียนเต็ล และท่านผู้อ่านทุกท่าน
เมื่อวานนี้ (7 ก.ย. 2549) ผมได้มีโอกาสไปร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ร่วมเสวนา เกี่ยวกับ ผู้จัดการในอนาคต การเป็นผู้นำ ผมต้องขอขอบคุณ ศ.ดร.จีระ ที่เปิดโอกาสให้ได้มีประสบการณ์ที่สูงค่าเช่นนี้
ผมประทับใจการต้อนรับของพนักงานที่โรงแรมโอเรียนเต็ล โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ฝึกอบรม หน่วยงานฝึกอบรม ทำหน้าที่ได้ดี สังเกตตั้งแต่การเตรียมสถานที่ ห้องอบรม อุปกรณ์การอบรม การลงทะเบียน การต้อนรับวิทยากร ทำได้ดี สมกับเป็นโรงแรมชั้นหนึ่ง ของโลก ขอชื่นชม การเตรียมการอบรม การต้อนรับ ที่ทำได้ประทับใจมาก
ที่ประทับใจมากอีกเรื่องหนึ่งคือ ความสนใจ ใส่ใจ และเอาใจใส่กับการเรียนรู้ของผู้ข้าร่วมเสวนา ทุกคนที่เป็นเจ้าหน้าที่ของโรงแรมโอเรียนเต็ล มีสูง แสดงให้เห็นว่าเป็นบุคลากรที่มีคุณภาพ ผ่านการคัดเลือกสรร มาอย่างดี กล่าวได้ว่า พวกเขาคือ Talent group ก็ว่าได้ เป็นสิ่งท้าทายสำหรับผู้บริหารที่เกี่ยวข้องว่าจะดึงเอาศักยภาพของเขาเหล่านี้ออกมาใช้ได้อย่างไร แน่นอนที่สุดว่า การฝึกอบรมและพัฒนาอย่างถูกต้อง ต่อเนื่องและเป็นระบบ จะช่วยให้เขามีศักยภาพมากขึ้น ให้สามารถพร้อมรองรับการเปลี่ยนแปลงของกระแสโลกาภิวัตน์ได้ดีมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ผมขอฝากไว้กับฝ่ายทรัพยากรมนุษย์ หน่วยงานฝึกอบรม ว่า พวกเขาเปรียบเสมือนมีด ที่ยิ่งลับ (อบรมและพัฒนา) จะยิ่งคม ชัด ลึก (มีประสิทธิภาพสูงยิ่งขึ้น) การพัฒนาฝึกอบรม ขอให้ทำต่อไปในหลักสูตรอื่น ๆ แค่ Mini MBA อย่างเดียว คงไม่เพียงพอ กับสถานการณ์ผันผวนของปัจจัยภายในและภายนอกองค์การที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา
จากการสังเกตทีมงานที่โรงแรมโอเรียนเต็ล พบว่า ทรัพยากรมนุษย์ที่นี่ ใฝ่รู้ และพร้อมรับการพัฒนา ก็ควรเร่งรีบ่เติม องค์ความรู้ต่าง ๆ เกี่ยวกับการจัดการ จาก Macro สู่ Micro ทำอย่างไรให้เขานำความรู้มาบูรณาการและสามารนำไปใช้บริหารทีมงานได้ดีมีประสิทธิภาพ ทำอย่างไรให้เขารู้จักบริหารและพัฒนาตนเองได้ดี ทำอย่างไรให้เขามีคุณธรรม จริยธรรม มีความรู้สึกรับผิดชอบที่สูงส่งต่อตนเอง ต่อทีมงาน ต่อองค์การ การตั้งคำถามที่ดี จะได้คำตอบที่ดี มาสู่การปฏิบัติที่ดีต่อไป
นอกจากการเสวนา แลกเปลี่ยนความรู้ ซึ่งมี ศ.ดร.จีระ เป็นผู้นำการเสวนาแล้ว ศ.ดร.จีระ ได้เปิดโอกาสให้ ตัวแทนของผู้เข้ารับการอบรมแต่ละกลุ่ม ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นกัน ในรอบแรก แต่ละกลุ่มออกมาพูดว่า เวลาผ่านไปสองชั่วโมง เขาได้อะไรบ้าง
กลุ่มที่ 1 แสดงความคิดเห็นว่า บรรยากาศในการเรียนดีมาก การจัดที่นั่งเป็นโต๊ะกลม การเปิดโอกาสให้ทุกคนได้หารือกัน และส่งตัวแทนออกมาพูด เป็นสิ่งที่ไม่เคยพบมาก่อน บรรยากาศการแบบนี้ ทำให้เขาไม่ง่วงเลย ถึงแม้จะเป็นช่วงบ่าย นอกจากนี้ พวกเขาจับประเด็นได้ว่า การเป็นผู้นำที่ดี ควรต้องเป็นผู้มีความคิดดี คิดสร้างสรรค์ คิดวิเคราะห์สถานการณ์ได้ถูกต้อง ซึ่งต้องอาศัยการอ่าน การเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง
กลุ่มที่ 2 ส่งตัวแทน คุณธีรเดช ออกมาเล่าให้ฟังว่า ช่วงแรกของการสัมมนานี้ ได้ความรู้ เกี่ยวกับผู้นำ และการเป็นผู้นำที่ดีหลายประการ ประเด็นทีขอย้ำก็คือ เป็นผู้นำต้องมีวิสัยทัศน์ มองโลกกว้าง สนใจการเรียนรู้นำมาสู่การพัฒนา เรียนรู้ตลอดชีวิต เป็นผู้นำ ต้องให้ความสำคัญกับการทำงานเป็นทีม ให้เกียรติเพื่อนร่วมงาน ยกย่องคน เก่งคน
กลุ่มที่ 3 ส่งตัวแทนจากห้องอาหารจีนมาเล่าให้ฟังว่า ทุกวันนี้ต้องเร่งทำงาน อยู่กับงานทั้งวัน ไม่ค่อยได้มีโอกาสเรียนรู้มากนัก ยังไม่มีวัฒนธรรมใหม่ ๆ ที่เข้มแข็ง การเรียนในวันนี้ดีได้ประโยชน์ และได้ข้อคิดว่า การเป็นผู้นำ ต้องบริหารการอ่านหนังสือให้ดี
กลุ่ม 4 ส่งคุณเดชอนันต์ มาแลกเปลี่ยนความคิดเห็น คุณเดชอนันต์เล่าให้ฟังว่า หลังจากฟัง ศ.ดร.จีระ พูดเกี่ยวกับผุ้นำแล้ว รู้สึกว่าตัวเองต้องทบทวนและพัฒนาตนเองให้มากขึ้น การเป็นผู้นำต้องรู้จุดอ่อน จุดแข็งของตน วิเคราะห์ตนเองเป็น และนำจุดอ่อนมาพัฒนาให้ดีขึ้น ต้องเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง ศ.ดร.จีระ สอนให้รู้จักคำว่า “ฟังผู้อื่นบ้าง” แล้วนำข้อมูลที่ได้มาคิดวิเคราะห์เพื่อเรียนรู้+พัฒนา
กลุ่ม 5 ส่งตัวแทนที่มาจากเชียงใหม่ เป็นโรงแรมในสาขาของโรงแรมโอเรียนเต็ล และกล่าวว่า การเรียนในวันนี้ ได้ประโยชน์ ศ.ดร.จีระ ใช้คำพูดที่เรียบง่าย ตรงประเด็น ไม่อ้อมไปมา นำเสียงมีจังหวะ เร้าใจ ฟังแล้วเข้าใจง่าย เป็นการบรรยายที่กระตุ้นให้ผู้ฟังติดตามตั้งคำถามไว้ว่า ถ้าจะใช้น้ำเสียง ลีลาแบบนี้ไปใช้ในการทำงาน ในการสอนลูกน้อง จะเหมาะสมหรือไม่ ซึ่ง ศ.ดร.จีระ ได้แนะนำให้รู้จักบูรณาการใช้ให้เหมาะสม จะได้ประโยชน์
ก่อนหน้าที่ทั้ง 5 กลุ่ม จะออกมาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน ศ.ดร.จีระ ได้ให้ผม Comment เพิ่มเติม ผมได้ Comment ไปว่า
การเรียนกับ ศ.ดร.จีระ ต้องเรียนรู้แบบคนมีบุญ ตามปรัชญาท่านพุทธทาส คำว่า บุญ= สนใจ+ใส่ใจ+เอาใจใส่ ท่านมีบุญพอที่จะเรียนกับ ศ.ดร.จีระ หรือไม่ ท่านต้องตอบเอง แต่ถ้าท่าน ต้องการให้มีบุญในการเรียนรู้ครั้งนี้ ท่านต้องมีความสนใจ ใส่ใจ และเอาใจใส่ อย่างต่อเนื่อง จึงจะได้ประโยชน์
ประการต่อมา ศ.ดร.จีระ เวลาสอนเรื่องการเป็นผู้นำ ท่านจะฝึกการเป็นผู้นำและสังเกตไปด้วยว่าพวกท่านมีศักยภาพเป็นผู้นำได้มากน้อยแค่ไหน ศ.ดร.จีระ เดินวนไปมาสลับการพูดด้วยน้ำเสียงเร้าใจ และมีประเด็นที่ทั้งเปิดเผยและซ้อนเร้นที่ ผู้ที่มีบุญพอเท่านั้นจึงจะ get การที่ท่านเดินวนไปมา เปรียบเสมือนโลกที่หมุนเร็ว กระแสโลกเร็ว ยุคโลกาภิวัตน์เป็นแบบนี้ ผมเห็นผู้ฟังบางคนติดตามกระแสโลกได้ดี บางคนติดตามได้แค่เว็ปเดียวก็หลุดออกนอกวงโคจรของกระแสโลก การเป็นผู้นำ ต้องไม่หลุดออกจากกระแสการเปลี่ยนแปลงของโลก
ช่วงที่ ศ.ดร.จีระ เดินวนไปมาเหมือนกระแสโลกที่หมุนเวียนไปมานั้น ท่านได้อธิบายหลักการเป็นผู้นำหลายประเด็น เปรียบเสมือนกระแสโลกที่หมุนเปลี่ยนแปลงเร็วนั้น แฝงไปด้วยข้อมูลข่าวสารการเปลี่ยนแปลงที่ผลต่อการบริหารจัดการ
การเป็นผู้นำ ท่านต้องจับประเด็นให้ได้ ต้องจับประเด็นให้ได้ว่า ศ.ดร.จีระ พูดว่าอะไร จับเป็นประเด็น ๆ และคิดวิเคราะห์ นำข้อมูลมาประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์ บนกระแสโลกแห่งการเปลี่ยนแปลงนี้ ผู้ได้เปรียบในการแข่งขันคือผู้ที่ทันกระแสโลก และรู้ทันข้อมูลข่าวสาร จับประเด็นได้ และบริหารตัดสินใจบนฐานข้อมูลที่ได้มา ผู้นำจึงต้องตื่นตัว อยู่เสมอ
สิ่งที่ผม Comment ต่อมา คือ การเป็นผู้นำ ต้องคิดว่า “สูงสุดคือสามัญ” ผมเคยได้เรียนจากผู้บริหารชาวญี่ปุ่น ได้สอนผมตอนผมเป็นหัวหน้างาน ผู้บริหารชาวญี่ปุ่นสอนว่า “เมื่อเป็นหัวหน้างานจงทำงานอย่างผู้จัดการ หัวหน้าที่เป็นเลิศต้องเรียนแบบ เรียนรู้และทำงานให้ได้อย่างผู้จัดการ ต้องพัฒนาตนเองให้เป็นเช่นนั้นให้ได้ และสักวันเมื่อได้รับการสนับสนุนให้เป็นผู้จัดการจงทำงานอย่างกรรมการ มีความรัก ทีมงาน รักองค์การ รับผิดชอบสูง และหากได้รับการแต่งตั้งเป็นกรรมการ จงอย่าลืมตน ว่าเคยเป็นพนักงานมาก่อน จงดูแลพนักงานให้ดี ทำงานใกล้ชิดพนักงานให้มาก” ผู้นำที่ดีจึงทำตนสามัญ ธรรมดา แต่มุ่งมั่น ทำงานที่ยิ่งใหญ่ ให้เป็นเลิศ
จากนั้น ได้มีการพักดื่มกาแฟ และเข้ารับการอบรมต่อในช่วงที่สอง ในช่วงท้ายของรายการ หลังจากที่ ศ.ดร.จีระ ได้ฉายภาพยนตร์จากซีดี เกี่ยวกับ กลยุทธ์เหนือผู้นำอย่าง JACK WELTH: ซึ่งมีการกล่าวถึง แนวทางการเป็นผู้นำ สี่ประการได้แก่
1. ผู้นำต้องมีพลัง มีไฟ
2. ผู้นำต้องกระตุ้นให้ทีมงานมีพลัง มีไฟ ตามไปด้วย
3. ผู้นำต้องมีความกล้า กล้าคิด กล้าทำ กล้าตัดสินใจ
4. ผู้นำ ต้องทำงานให้บรรลุความสำเร็จ ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้
จากนั้น ศ.ดร.จีระ ได้เปิดโอกาสให้แต่ละกลุ่มส่งตัวแทนออกมาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในประเด็นที่ว่า ผู้นำควรมีคุณสมบัติอย่างไร ในความเห็นของแต่ละกลุ่ม
กลุ่มที่ 1 ส่งตัวแทนออกมาบอกว่า จากที่ได้เรียนรู้ คิดว่า คุณสมบัติของผู้นำที่ดี นั้น เก่งคน รู้จักประสานพลังร่วม ทำงานเป็นทีม ผู้นำต้องเก่งคิด ต้องกล้าตัดสินใจ รู้จักสร้างบรรยากาศในการทำงานที่ดี ให้ลูกน้องมีความสุขกับการทำงาน กระตุ้นให้ทีมงานเกิดการเรียนรู้ ด้วยการให้โอกาส ให้ความรู้ทีมงาน
กลุ่มที่ 2 ส่งตัวแทนออกมาบอกว่าจากที่ได้เรียนวันนี้ คิดว่า ผู้นำที่ดีนั้นต้องเป็นคนกล้า กล้าคิด กล้าทำ กล้านำในสิ่งที่ดี เป็นคนทันสมัย และยอมรับความคิดเห็นของลูกน้อง การจะเป็นเช่นนั้นได้ ผู้นำต้องสนใจใฝ่เรียนรู้ มีโลกทัศน์ที่กว้างไกล มีคุณธรรม
กลุ่มที่ 3 ส่งตัวแทนออกมาบอกว่า จากที่ได้เรียนรู้ในครั้งนี้ การจะเป็นผู้นำที่ดีได้ต้อง เป็นคนที่มีความรู้ ความสามรถ และรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น การจะเป็นเช่นนั้นได้ ผู้นำต้องเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง ต้องพัฒนาตนเองอยู่เสมอ
กลุ่มที่ 4 ส่งตัวแทนออกมาบอกว่าจากที่ได้เรียนวันนี้ คิดว่า ผู้นำที่ดีนั้นต้องเป็นผู้ที่มีบุคลิกภาพที่ดี มีความมั่นใจในตัวเอง รู้จักตนเอง และรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น การจะเป็นเช่นนั้นได้ผู้นำต้องฝึกฝนตนเอง พัฒนาตนเองอยู่เสมอ มีความอดทนต่อปัญหาทั้งหลาย มีมนุษย์สัมพันธ์ที่ดี สร้างความรู้สึกประทับใจกับทีมงาน
กลุ่มที่ 5 ส่งตัวแทนออกมาบอกว่า จากที่ได้เรียนรู้ครั้งนี้ พบว่าผู้นำที่ดีต้อง มีวิสัยทัศน์ ต้องมีจริยธรรม คุณธรรม การจะมีเช่นนั้นได้ ผู้นำต้องเรียนรู้และพัฒนาตนเองอยู่เสมอ กระจายอำนาจ สร้างความเชื่อมันให้เกิดในทีมงาน
จากนั้น ศ.ดร.จีระ ได้ให้คุณประจวบฯ นักศึกษา ป.เอก รุ่น 3 มาจาก ซีพี 7 Eleven ได้ comment ซึ่งคุณประจวบ ได้ comment แชร์ความรู้ประสบการณ์ เกี่ยวกับการเป็นผู้นำ โดยนำเอา คุณค่าหลักขององค์กร ที่ 7 Eleven มาเล่าให้ฟัง รายละเอียด มีอย่างไร คุณประจวบคงจะ เขียนมาใน Blog ก่อนหน้าหรือหลังจากนี้
สุดท้าย ศ.ดร.จีระ ให้ผม comment ผมได้อธิบายว่า จากการสังเกตแต่ละกลุ่ม ออกมาพูดถึงคุณสมบัติของผู้นำ มีประเด็นหนึ่งที่ตรงกัน คือ การทำอย่างไรให้เป็นที่ยอมรับของทีมงาน ของลูกน้อง เช่น ผู้นำต้อง มีจิตวิทยา มีจริยธรรม มีความรู้ ความสามารถ ฯลฯ ซึ่งเป็นประเด็นที่ถ้าผู้นำมีจะได้รับการยอมรับนับถือจากทีมงาน ด้วย ผมได้สรุปว่า ผู้นำ ต้อง “มีทุนแห่งศรัทธา” สร้างความเชื่อถือ เชื่อมั่นให้เกิดแก่ทีมงาน
การจะมีทุนแห่งศรัทธา ผู้นำ ต้องสร้าง ต้องใช้ ต้องรักษา อำนาจในทางที่ต้อง การสร้างอำนาจของผู้นำ มี 5 ประการ คือ
อำนาจสร้างได้ด้วยการให้ หมายถึง การให้โอกาส ให้ความรู้ ให้อภัย ให้ความรัก ความเมตตา กรุณา ความช่วยเหลือ เอื้ออาทร จะทำให้ลูกน้อง เกิดความรัก ความภักดี ความยกย่องนับถือ
อำนาจสร้างได้ด้วยการติ หมายถึง การติ เมื่อลูกน้องทำผิด ผู้นำเมื่อลูกน้องทำผิดต้องติ ถ้าปล่อยปะละเลยเมื่อลูกน้องทำผิด เท่ากับผู้นำไม่ได้ทำหน้าที่การเป็นผู้นำ การติเมื่อถึงเวลาอันควร จะทำให้เป็นที่เกรงใจ เกรงขาม เป็นการป้องกันไม่ให้ลูกน้องหลงผิด ทำผิด ได้
อำนาจสร้างได้ด้วยการเป็นผู้รู้มากกว่า หมายถึง การแสดงตนเป็นผู้รู้ ในสิ่งที่ลูกน้องไม่รู้ แสดงได้ด้วยการสอน การแนะนำ การเป็นพี่เลี้ยง การอบรม การช่วยงานลูกน้อง การทำงาน ผู้นำ ต้องแสดงให้ลูกน้องเห็นถึงความสามารถในบ้างเรื่อง เมื่อลูกน้องเห็นเช่นนั้น จะกล่าวขวัญถึงความเก่งกาจ สามรรถของเจ้านาย รู้สึกเคารพ เกรงใจ
อำนาจสร้างได้ด้วยการมีอำนาจทางนิติกรรม หมายถึง อำนาจที่องค์การมอบหมายให้ ดำรงดำแหน่งที่มีอำนาจในตัว เช่นตำแหน่งหัวหน้า ผู้จัดการ ผู้บังคับบัญชา ผู้นำ เมื่อได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งสำคัญดังกล่าว ก็ต้อง ทำตนให้สมกับตำแหน่ง ลูกน้องจะเกรงใจ
อำนาจอ้างอิง หมายถึง การอ้างประกาศ คำสั่ง นโยบาย ข้อกำหนดกฎหมาย คำสั่งที่รับมอบหมายมาจากผู้บังคับบัญชาระดับสูง การได้มีโอกาสใกล้ชิดกับผู้บริหารระดับสูง จะได้อำนาจอ้างอิงติดตัวมาด้วย ซึ่งต้องรู้จักใช้ให้เหมาะสมกับเวลา สถานที่และบุคคล ให้ถูก ให้เหมาะ ให้ควร
คนเป็นผู้นำ ในหนึ่งวันทำงาน หรือในแปดชั่วโมงทำงาน ต้องรู้จักสร้าง รักษาและใช้อำนาจเหล่านี้ ในรอบสัปดาห์ หนึ่งเดือน ควรใช้ให้ครบถ้วน ใช้อย่างเป็นระบบ ต่อเนื่องและมีคุณธรรม จะเกิดบารมีและศรัทธาไปในตัว
นอกจากทุนทางศรัทธา ที่ผู้นำต้องมีแล้ว ผู้นำที่เป็นเลิศยังต้องมีทุนตามทฤษฎี 8K's ของ ศ.ดร.จีระ ก็จะเกิดทุนทางศรัทธาอย่างยั่งยืน รายละเอียดของทุน 8K's มีอย่างไร เชิญท่านผู้ติดตามอ่านได้ใน http://www.chiraacademy.com/chiratheory.htmlและแปรผันเป็นความศรัทธาในที่สุด การเสวนา “ผู้นำ”ที่โรงแรมโอเรียนเต็ล จบลงด้วยดี ด้วยการนำของ ศ.ดร.จีระ ด้วยเวลาจำกัด ผมขอสรุปไว้เพียงแค่นี้ก่อน ครับ
ขอให้ท่านผู้อ่านทุกท่าน โชคดี สวัสดีครับ
ยม
นักศึกษา ปริญญาเอก
รัฐประศาสนศาสตร์ดุษฎีบัณฑิต
สวัสดีครับ ศ.ดร.จีระ และท่านผู้อ่านทุกท่าน
เช้านี้ วันอาทิตย์ที่ 3 กันยายน ถึงผมจะไม่ค่อยสบายนัก เนื่องจากมีอาการเป็นไข้หวัด แต่ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการหาความรู้ ทาง internet และการค้นหาอ่านบทความ “บทเรียนจากความจริง กับ ศ.ดร.จีระ” ซึ่งสัปดาห์นี้อาจารย์ใช้ชื่อเรื่องว่า โรงเรียนในฝันให้ทันโลก ในบทความนี้ ศ.ดร.จีระ เขียน เล่าถึง 3 เรื่องสำคัญที่ท่านได้ทำ บทเรียนจากความเป็นจริงที่น่าสนใจ ผมแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม โดยใช้ข้อความข้างล่างนี้ แถบสีน้ำเงินคือข้อความที่ผมคัดลอกมาบางส่วนจากบทความที่อาจารย์เขียน ส่วนสีดำเป็นความเห็นของผม ซึ่งมีดังนี้ ครับ
เรื่องการเมืองในบ้านเรา ทุกครั้งที่จะมีการเลือกตั้ง ผมสังเกตว่าจีเรื่องร้อน ๆ เช่นนี้ เสมอ ตราบใดที่เรายังไม่มีระบบที่ดีในการพัฒนา กลั่นกรอง คัดสรรคนที่จะมาเล่นการเมืองให้ได้คนที่มีคุณภาพ คุณธรรม มีทุนมนุษย์ ตามทฤษฎี 8K’s ของ ศ.ดร.จีระ ระบบการเมืองของเราจะได้คนที่ทำงานในพรรคการเมือง ที่ทำงานเพื่อชาติเพียงบางส่วนเท่านั้น พอทำงานไปเรื่อย เครียดมากเข้า เจอกระแสทางการเมือง ก็จะทำให้ทุนที่พอมีอยู่ลดน้อยลง เช่น ทุนทางปัญญา ทุนทางความสุข ทุนทางจริยธรรมฯ ในที่สุดก็จะไม่ได้คิดถึงความยั่งยืน แนวทางแก้ไขคงต้องแก้ที่ระบบการศึกษา ให้พัฒนาทรัพยากรมนุษย์ให้มีคุณภาพมีศักยภาพ เทียบเท่านานาประเทศที่เจริญแล้ว ถ้าพรรคการเมืองใดก็ตามขึ้นมาเป็นรัฐบาล แล้วทำงานเพื่อชาติจริง ก็น่าจะเน้นที่ตรงนี้ มากว่าการสร้างผลงานระยะสั้น
ข่าวจากหนังสือพิมพ์มติชนเมือวานนี้ ลงข่าวเกี่ยวกับการจัดอันดับมหาวิทยาลัยในบ้านเรา ประเด็นที่น่าห่วงคือเมื่อผลออกมาแล้ว บางมหาวิทยาลัยไม่ยอมรับผลการจัดอันดับ มหาวิทยาลัยชื่อดังในภาคอีสาน มีชื่อเสียงในจังหวัดถูกจัดอันดับไว้ท้าย ๆ จัดอยู่ในอันดับเดียวกับสถาบันราชภัฏหลายแห่ง ก็เป็นข้อมูลที่มหาวิทยาลัย สถาบันการศึกษาควรสนใจในรายละเอียด และกล้าเผชิญกับความจริง เพื่อนำไปสู่การพัฒนาที่ยังยืน พัฒนาระบบและคนในสถาบัน เพื่อมีศักยาภาพเพียงพอที่จะอยู่อันดับต้น ๆ ของโลกได้ในอนาคต
“อีกเรื่องหนึ่งที่ผมอยากนำมาเล่าต่อ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ผมได้ coach ผู้บริหารของสำนักพัฒนานวัตกรรมการจัดการศึกษา กว่า 40 ท่าน 2 วันเต็ม เรื่องนวัตกรรมกับการศึกษา สำเร็จเรียบร้อยแล้ว
นับว่า เป็นจุดเริ่มต้นของการเรียนรู้ที่ดีคือ เราจะไม่บรรยาย ( Lecture ) เท่านั้น แต่จะแบ่งปันความรู้กัน โต้ตอบ และสร้างมูลค่าเพิ่มร่วมกัน ผมได้เปิด Blog ให้หลายท่านแสดงความเห็นร่วมกันด้วย
สำนักพัฒนานวัตกรรมการจัดการศึกษามีหน้าที่หลายเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องนวัตกรรมทางด้านการศึกษาเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่ง หวังว่าประชาชนคนไทยทั่วไป จะให้กำลังใจการทำงานของสำนักแห่งนี้ ซึ่งมีผลงานที่น่าสนใจ เช่น
- การสอนภาษาอังกฤษแบบ ICT
- การสอนคณิตศาสตร์แบบให้เด็กสนุกและคิดสร้างสรรค์
- การเน้นให้เด็กกล้าแสดงออก มีภาวะผู้นำ
- การให้เด็กได้มี Creativity และอาจจะมี Innovation ตามมา
- การเน้นคุณธรรม จริยธรรม แบบวิถีพุทธในโรงเรียน
- การเรียนหนังสือเพื่อสร้างความสมานฉันท์และสันติภาพให้เกิดขึ้น โดยเฉพาะโรงเรียน 3 จังหวัดภาคใต้”
ประเด็นเรื่องสำนักพัฒนานวัตกรรมการจัดการศึกษาที่ ศ.ดร.จีระ ไปบรรยายและร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นนั้น ผมเห็นด้วยกับอาจารย์ สำนักพัฒนานวตกรรมการจัดการศึกษา มีทรัพยากรมนุษย์ที่มีคุณภาพอยู่หลายท่าน และกำลังทำงานด้านนวตกรรมทางการศึกษา เพื่อแก้ไขและพัฒนาการศึกษาของชาติ ท่านผู้อำนวยการสำนักฯ เป็นผู้นำที่เป็นแบบอย่างที่ดี ทราบว่าท่านใกล้เกษียณ แต่ความคิด ทุนทางทรัพยากรมนุษย์ของท่านมีสูง คล่องว่องไว Smart และยังมีทีมงานในสำนักฯหลายท่านที่มีความมุ่งมั่นตั้งใจทำงานอย่างจริงจัง มีโครงการใหม่ ๆ ทางการศึกษาที่น่าสนใจน่าส่งเสริม รัฐบาลควรให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่กับหน่วยงานนี้
ที่น่าประทับใจมากคือ ศ.ดร.จีระ ได้มีโอกาสเข้าไปเปิดโลกทัศน์ ชี้ประเด็นสำคัญ เกี่ยวกับโลกาภิวัตน์ เกี่ยวกับแนวทางในการสร้างนวตกรรมทางการศึกษา ด้วยทฤษฎี 4L’s ทฤษฎีนี้ จะเป็นการสร้างนวตกรรมทางการสอนของครู เป็นยุทธ์ศาสตร์การพัฒนาครูผู้สอนได้และยังเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้พัฒนาสติปัญญาได้เป็นอย่างดี ถือว่าเป็นนวตกรรมในการสอน การพัฒนาครูผู้สอนเป็นสิ่งสำคัญ ที่จะมองข้ามไม่ได้
”วันจันทร์ หลังจากผมประชุมคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรมเสร็จ ก็นั่งรถไปกับคุณสมควร และทีมงานผม คุณพลภัทร พรคุณานุภาพ ไปพูดให้ผู้อำนวยการโรงเรียนในฝันกว่า 600 คน เรื่องโรงเรียนในฝันให้ทันโลก
ปรากฎว่า เป็นบรรยากาศที่ดีมาก มีการนำเอาความรู้ใหม่ ๆ ที่สดและทันเหตุการณ์ไปแบ่งปันให้ผู้อำนวยการโรงเรียนฟัง และนำไปใช้ต่อให้เกิดประโยชน์ ให้มีโลกทัศน์กว้างขึ้น สร้างความเข้าใจอย่างดี ห้องประชุมนี้ใหญ่มาก แต่ความสนใจของทั้ง 600 คน มีสูง ตั้งใจฟัง และคิดต่อยอด มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันอย่างเข้มข้น ผู้อำนวยการโรงเรียนหลายท่านได้ออกมาเล่าว่า ได้ทำไปแล้วหลายอย่าง จะทำอีก มีโรงเรียนแห่งหนึ่งบอกว่า เด็กทุกคนต้องมี Laptop แล้ว และทุกคนบริหารงานแบบแหวกวงล้อม เป็นแบบ paradigm shift จึงอยากให้กำลังใจผู้อำนวยการโรงเรียนในฝันทุกท่าน”
ชื่นชมคุณสมควร ที่รู้จักใช้ทุนทางสังคม ให้เกิดประโยชน์กับส่วนรวม แบ่งบันทุนสังคมนี้ให้กับผู้อำนวยการโรงเรียนในฝันทั้ง 600 แห่ง ชื่นชม ศ.ดร.จีระ ที่อุทิศกายใจ ทำงานเพื่อส่วนรวม เพื่อสังคมประเทศชาติ มีอุดมการณ์การทำงานเพื่อบ้านเมืองและยังคงรักษาความดีมีคุณธรรม เป็นกลาง สมกับคำว่า “คนของแผ่นดิน” ที่ลูกศิษย์ขอมอบคำนี้และจะยึดเป็นแบบอย่างที่ดี ในการทำงานต่อไป
ศ.ดร.จีระ ยังมีรายการโทรทัศน์ ”สู่ศตวรรษใหม่” ทาง ช่อง 11 ทุกวันอาทิตย์แรกของเดือน เวลา 14.00-15.00 น. และออกอากาศอีกทีทาง UBC 7 ทุกวันอาทิตย์ที่ 2 ของเดือนเวลา 14.00-15.00 น. และรายการคิดเป็นก้าวเป็นกับดร.จีระ ทาง UBC 7 อาทิตย์ที่ 1,3 และ 5 ของเดือนเวลา 13.00-13.50 น. นอกจากนั้นยังมีรายการวิทยุ knowledge for people วันพุธ เวลา 19.30 - 20.30 น. ทางสถานีวิทยุ อสมท. F.M. 96.5 MHz Hz คอลัมน์ “บทเรียนจากความจริงกับดร.จีระ” ของหนังสือพิมพ์แนวหน้าทุกวันเสาร์หน้า 5 หรือทาง http://www.chiraacademy.com/ เชิญท่านติดตามศึกษาหาความรู้ จากผลงานของ ศ.ดร.จีระ และร่วมกันแสดงความคิดเห็น สะสมสร้างทุนทางความรู้ ทุนทางปัญญา และทุนทางสังคม ใน Blog นี้ ครับ
ขอความสวัสดีจงมีแด่ทุกท่าน