คิดและเจริญสติด้วยภาพ : สุขภาวะสาธารณะและตัวตนส่วนรวมที่บังเกิดได้จากการสร้างขึ้นด้วยกัน


ที่บ้านผมที่สันป่าตอง เชียงใหม่ มองข้ามรั้วไปทางด้านทิศตะวันออกเป็นผืนนาที่ชาวนาในชุมชนหมุนเวียนปลูกข้าวและถั่วเหลือง เมื่อตะลุยเกี่ยวพงหญ้าและดึงเถาวัลย์ที่เกาะเกี่ยวขึ้นหนาแน่นรกเรื้อไปตามแนวรั้วลวดหนามออกอยู่ ๒-๓ วัน จึงเผยให้เห็นทุ่งโล่งต่อเนื่องออกไปจากพื้นหญ้าและสระบัวในบ้าน หลังเกี่ยวข้าวแล้วชาวบ้านก็ใช้เป็นแหล่งเลี้ยงวัวควาย นกสารพัดชนิดก็พากันลงกินเมล็ดข้าวที่ตกหล่นในนา ภาพอย่างนี้ ยังคงสะท้อนเนื้อหาหลักของวิถีชีวิตและวิถีสังคมในท้องถิ่นต่างๆของสังคมไทย......................

ผมไปได้อ่างเซรามิคแบบมีตำหนิจากข้างทางเชียงใหม่ลำปางขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางสัก ๑ฟุต ๒ ใบ นำมาใส่น้ำและวางบนเสาคอนกรีตในรั้วบ้าน เอาไว้ให้นกที่อยู่รอบๆได้มาอาบและกินน้ำในตอนเย็นๆ ทำให้ทุกวันได้ชมงานศิลปะแบบมีชีวิตและได้ฟังเสียงดนตรีธรรมชาติจากหมู่นกนานาชนิด มาขับกล่อมอยู่ข้างห้องนั่งทำงานเป็นสิ่งตอบแทน เมื่อเราจัดวางตนเองเข้ากับธรรมชาติ ธรรมชาติและสรรพสิ่งก็จะจัดวางองค์ประกอบจำเพาะเชื่อมโยงตัวเราให้เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของความเป็นธรรมชาติ อยู่กับสายรกและอ้อมกอดของมารดาแห่งธรรมชาติไปกับมวลชีวิต

วันไหนที่มีชาวบ้านนำเอาวัวมาล่ามไว้ในทุ่งนา เรื่องราวที่เกิดขึ้นเองอย่างมีชีวิตก็จะยิ่งเพิ่มความมีสีสัน ทั้งนกเขา นกกระยาง นกเอี้ยง นกต้อยตีวิด นกกระปูด นกกวัก นกปรอดหัวจุก นกกิ้งโครง นกกระจอก และอีกมากมาย ก็จะแห่กันมาหากินอยู่รอบๆวัว บ้างเดินไล่จิกแมลงและเก็บเมล็ดพืชที่เรี่ยอยู่ตามพื้นดินกิน บ้างก็เกาะอยู่ตามเสารั้ว ส่งเสียงร้องเจื้อยแจ้วและโฉบแมลงที่บินสูงขึ้นจากพื้น บ้างก็เต้นจิกกินมด หนอน และแมลงไปตามกิ่งไม้ เจ้านกกระเต็นยึดเอาปลายเสาบอกระดับน้ำในสระบัว เป็นแท่นเกาะจดจ้องรอเฉี่ยวโฉบกินปลาที่ลอยขึ้นผิวน้ำ

เมื่อพิจารณาผ่านสิ่งที่ดูเหมือนว่าดำเนินไปแแบบเดียวกันและเหมือนกันนั้น  ก็พบว่าแผกต่างชนิดของนก ต่างก็มีอาหาร วิถีการงอกงามเติบโต และกาลเทศะเฉพาะของตน ผสมผสาน ปนเปกันอยู่ด้วยกัน แต่เป็นสัดส่วน เป็นระบบ มีความลงตัว และต่างก็มีความเป็นเหตุเป็นผลที่พอเหมาะพอดีอยู่ในตนเอง

ยิ่งเมื่อมีเจ้านกกระยางมาผสมโรงด้วย ก็จะยิ่งน่าดูชม นกอื่นๆตัวเล็ก จมหายไปในกอหญ้าและกอซังข้าวในนา ได้ยินแต่เสียงร้องและโผบินให้เห็นบ้างเป็นระยะๆ แต่เจ้านกกระยางนั้นต่างจากนกอื่นๆ คอยาวตัวสูงกว่ากอหญ้าและตอซังข้าว อีกทั้งตัวขาวสะอาดตัดกับสภาพแวดล้อม จึงแลเห็นได้แต่ไกล เดินโทงๆ และกระโดดหยองแหยง วิ่งวนรอบๆเคียงไปด้วยกันกับวัวอยู่ตลอดเวลา ผมอดไม่ได้ที่จะถือกล้องออกไปยืนอยู่ท่ามกลางพุ่มไม้ใบหญ้าและเฝ้าถ่ายรูปอยู่เป็นระยะๆ เป็นวันๆ ได้บันทึกภาพประทับใจและเป็นโอกาสให้ได้น้อมใจคิดใคร่ครวญ สัมผัสความละเอียดอ่อนของมวลชีวิตอีกหลายด้านที่ดำเนินไปอย่างเลื่อนไหลอยู่เบื้องหน้า

ชีวิตหนึ่งเป็นสัตว์ใหญ่ กำยำแข็งแรง  ในขณะที่อีกชีวิตหนึ่งเล็กกระจิดริดอย่างเทียบไม่ได้ แต่ในความกว้างขวางในชีวิตของนกกระยางแล้ว ก็มีความเป็นจริงอยู่เป็นจำนวนมากที่เกินกว่าวัวจะเข้าถึงได้ นกกระยางเที่ยวท่องด้วย ๒ ขาและ ๒ ปีก ดำเนินไปได้ทั้งในท้องฟ้า ผืนน้ำ และบนผืนดิน ยังชีวิตด้วยการกินปลา กินแมลง ตัวเล็ก เติบใหญ่และดำรงอยู่ด้วยการกลืนกินชีวิตอื่น ซึ่งมวลชีวิตหลากหลายเพื่อหล่อเลี้ยงอีกชีวิตตลอดอายุขัยอันแสนสั้นของนกกระยางสักตัวหนึ่ง ก็คงตกหลายพันหลายหมื่นชีวิต ขณะที่อีกชีวิตหนึ่งของวัว มี ๔ ขา เดินดิน ใหญ่โตน่ากลัว กลับไม่ดำเนินไปในทางทำลายชีวิตอื่น กินเพียงแต่หญ้า แต่ความเป็นจริงอันแตกต่างสุดขั้วอย่างนี้ ก็ร่วมกันสร้างโลกเพื่อการอยู่อาศัยที่พอดีและลงตัวให้กันและกัน

นกกระยางจึงเป็นความมีพลังอำนาจ ความร้ายแรง และความรุนแรง ของการควบคุมความสมดุลของการอยู่ร่วมกันบนมวลชีวิต ส่วนวัวก็เป็นพลังอำนาจอันยิ่งใหญ่ที่นอกจากอยู่เหนือการเบียดเบียนชีวิตอื่นแล้ว ก็สร้างความสมดุลของการงอกงามและเติบโต รวมทั้งสร้างความเสื่อมสลายเปลี่ยนแปลงที่สง่างาม จุนเจือชีวิตอื่นและสิ่งอื่น แม้เพียงก้าวย่างและเคลื่อนไหวเพียงนิด วงจรชีวิตของโลกใต้รอยเท้าและรอบข้าง ก็เกิดความเคลื่อนไหวและทำหน้าที่สอดประสานกลมกลืนกันไป 

บนความเป็นจริงของสังคมไทย และเมื่อมองออกไปในโลกกว้าง กระทั่งมองย้อนลงไปในจิตใจและความเป็นจริงแห่งชีวิตเป็นจำนวนไม่น้อยที่ตั้งอยู่บนความจริงพื้นฐานที่สุดอย่างนี้ ระบบและวิธีคิดในหลายวัฒนธรรมของโลกก็วางอยู่บนทรรศนะแม่บทชุดเดียวกันนี้ที่ว่าสรรพสิ่งเป็นของคู่และเป็นองค์ประกอบความตรงข้ามกัน  เป็นต้นว่าความมีและความว่าง หยินกับหยาง วัตถุกับจิตใจ ความดีกับความเลว สิ่งถูกกับสิ่งผิด กลางวันกับกลางคืน เหตุนั้น สิ่งที่กำลังเคลื่อนไหวและดำเนินไปบนความเป็นนกกระยางกับวัวที่เห็นอยู่เบื้องหน้า จึงเหมือนกับเป็นการปรากฏขึ้นของภาวะตรงข้ามของสรรพสิ่งในสากลจักรวาล ที่จัดวางตนเองให้เกิดความพอดีและลงตัว สร้างความเป็นซึ่งกันและกันเหนือความเป็นสิ่งตรงกันข้ามและความแยกส่วนเอกเทศ กอปรกันขึ้นเป็นพลังพื้นฐานของความเป็นชีวิต พร้อมกับสร้างธรรมชาติความเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงให้ดำเนินไปบนสิ่งต่างๆ

ภาคเมืองสร้างความเป็นท้องถิ่นชนบท ผู้คนและทรัพยากรในภาคชนบทก็เป็นปัจจัยสร้างความเป็นสังคมเมือง สังคมเมืองกับสังคมชนบทต่างเป็นชีวิตจิตใจของกันและกัน ความเป็นท้องถิ่นของกรุงเทพมหานคร มีรากเดียวกันกับแรงกดดันและสุขภาวะของคนขายล็อตเตอรี่และคนขับรถแท๊กซี่ที่อพยพเข้าเมืองจากเมืองเลย รากเดียวกันกับภาวะนาล่มและภัยแล้งของชาวชนบทจากร้อยเอ็ด สุรินทร์ ศรีสะเกษ และจากทั่วประเทศ สุขภาวะและการสร้างความทันสมัยของกรุงเทพมหานครกับการขยายตัวของความเป็นสังคมเมือง เป็นรากเดียวกันกับการสร้างความล่มสลายและความแร้นแค้นกับท้องถิ่นต่างๆในชนบท

ทำนองเดียวกัน การสร้างสุขภาวะสังคมในชนบทและการกลับไปสร้างชีวิตให้กับชนบทของผู้คนจากสังคมเมือง ก็เป็นรากเดียวกันของการลดและบรรเทาทุกขภาวะของสังคมเมือง สุขภาวะของท้องถิ่นและของปัจจเจกที่สร้างให้ยิ่งเพิ่มพูนมากขึ้นบนตนเอง หรือท้องถิ่นและปัจเจกภาพหมายถึงตนเอง กับการสร้างให้เกิดขึ้นผ่านการออกไปแบ่งปันและสร้างให้กับผู้อื่นที่ด้อยโอกาสกว่าในสังคม หรือความเป็นท้องถิ่นและปัจเจกภาพหมายถึงการสร้างความเป็นจริงร่วมกับผู้อื่น จึงไม่เพียงมีความต่างกันทางกาลเทศะเท่านั้น แต่มีนัยสำคัญต่อมรรควิถีในการดำเนินชีวิตและมีความหมายต่อการสร้างสรรค์ความเป็นจริงของสังคมที่แตกต่างกันอย่างยิ่ง 

ในทางศิลปะ หลักการเขียนรูปให้งามอย่างหนึ่ง ก็วางอยู่บนหลักของการแก้ปัญหาและสร้างองค์ประกอบความลงตัวให้กับสิ่งที่อยู่ตรงข้ามกัน งามเพราะสัดส่วนของรูปกับพื้นที่ว่างที่ลงตัว งามเพราะจัดวางจังหวะรูปภาพกับฉากหลังที่พอดี ในสีแดงจัดจ้านที่สะท้อนสีเขียวสดใส  และในสีเขียวที่สามารถสะท้อนสีแดง ก็กลายเป็นศิลปะบนการผสมผสานกันของสีที่จัดว่างามมากกว่าความเป็นสีแดงหรือสีเขียวโดดๆซึ่งถือว่าต่างเป็นสีตรงข้ามกันและต่างสดใสแบบตัวใครตัวมัน สีโรสแมดเดอร์ หรือ Rose Madder ซึ่งสังเคราะห์สีสันความงามจากความคลั่งไคล้สีแดงดอกกุหลาบนั้น คนเขียนรูปทราบกันดีว่าหากเรามีความแม่นยำพอที่จะใช้ตบลงไปบนสีเขียวโดยไม่ให้เน่าแล้วละก็ จะทำให้สีเขียวและสีโทนร้อนบนภาพเขียน มีความอบอุ่น มีชีวิต และก่อให้เกิดความงามในความรู้สึก ที่ลำพังแต่การระบายสีเป็นอย่างเดียวจะทำให้เกิดขึ้นไม่ได้ ความตรงข้ามที่พอดีและลงตัวจึงเป็นธรรมชาติพื้นฐานของความงามทั้งของมนุษย์และในระบบนิเวศของสรรพสิ่งด้วย

ในการเล่นแตรงวงหรือร้องเพลง โดยเฉพาะในเพลงไทยเดิมและเพลงลูกทุ่ง ครูเพลงและผู้แตกฉานในทางเพลง รวมทั้งนักร้องที่แตกฉาน สามารถเป็นนายกฏเกณฑ์และเข้าถึงความเป็นหนึ่งกับจิตวิญญาณของเพลง จะสามารถสร้างลูกขัดและล้วงจังหวะ ให้เกิดความไพเราะขึ้นอีกมิติหนึ่งซึ่งเหมือนกับอยู่ตรงข้ามกับท่วงทำนองที่ดำเนินไปตามจังหวะทั่วไป ตัวอย่างเช่น วิธีโยนเสียง และล้วงจังหวะ ในวิธีร้องหลายๆเพลงของพุ่มพวง ดวงจันทร์ ชาย เมืองสิงห์  ไวพจน์ เพ็ชรสุพรรณ หรือการโยนเสียงขลุ่ยของธนิสร์ ศรีกลิ่นดี ก็สร้างความไพเราะให้กับเพลงและดนตรีขึ้นในอีกมิติหนึ่งที่จะไม่สามารถทำให้เกิดขึ้นได้บนการเล่นจังหวะและตัวโน๊ตธรรมดา ซึ่งเป็นความลับเฉพาะตนของการค้นพบความแตกต่างที่เชื่อมโยงเป็นหนึ่งบนเงื่อนไขแวดล้อมของตัวเราเอง ความพอดีและความลงตัวของความตรงข้าม จึงเป็นพลังพื้นฐานของดนตรีกาลและสุขภาวะจากสรรพสำเนียงที่กล่อมโลก

บนความเป็นท้องถิ่นกับระบบโลกและความเป็นโลกาภิวัตน์ ดูเหมือนกับเป็นคนละส่วน หากต้องการเป็นสากลและจินตนาการว่าสามารถแข่งขันเอาชนะกันได้นั้น ในความเป็นจริงแล้วก็ไม่สามารถหลุดพ้นการขึ้นต่อกันและความเป็นท้องถิ่นของตนเองที่ดำเนินไปบนความเป็นท้องถิ่นของผู้อื่น แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่โกเบและเศรษฐกิจสังคมเสียหายของญี่ปุ่นเมื่อปี ๒๕๓๘ เป็นรากเดียวกันกับภาวะชงักงันของเศรษฐกิจในจีน กรุงเทพฯ และทั่วโลก ไฟป่าที่ออสเตรเลียหรือภูเขาไฟประทุที่อินโดนีเชียและฟิลิปปินส์ เป็นรากเดียวกันกับภาวะหนาวเย็น ฝนตกผิดฤดูกาล และการแพร่ระบาดของโรคในระบบทางเดินหายใจในหลายประเทศของโลก น้ำท่วมใหญ่ในประเทศไทยก็เป็นรากเดียวกันกับความสูญเสียของภาคอุตสาหกรรมสมัยใหม่ของญี่ปุ่น อเมริกา ยุโรป และทุกภูมิภาคของโลก

ในการจัดความสัมพันธ์ตนเองของปัจเจกกับส่วนรวม และท้องถิ่นกับโลกกว้างนั้น ทั้งในสังคมไทยและทั่วโลกก็มักถือตามๆกันมาว่า ถมความต้องการตนเองให้เต็มก่อนแล้วจึงจะเข้มแข็งพอที่จะแบ่งปันให้กับผู้อื่น ทำตนเองให้แข็งแรง มั่งคั่ง และสมบูรณ์พูนสุขอย่างเพียงพอก่อน จึงจะสามารถให้ความช่วยเหลือเกื้อกูลผู้อื่น มุ่งแข่งขันกันเอาตัวรอดมากกว่าสร้างความร่วมมือ

แต่กับภาพชีวิตที่กำลังโลดแล่นอยู่เบื้องหน้านี้ นกกระยางกับวัว กำลังเป็นครูธรรมชาติที่ร่วมกันแสดงและสาธิตให้เห็นวิธีสร้างสรรค์ความเป็นจริงให้เกิดขึ้นอีกแบบหนึ่งที่ให้คำตอบต่างไปจากความเชื่อตามๆกันมาดังกล่าวนั้น

ในทางหนึ่ง ก็ให้วิธีคิดว่าบนความเชื่อมโยง พึ่งพิงอิงกัน สอดคล้อง และผสมกลมกลืนกันอย่างหลากหลายซับซ้อนอย่างนี้ การสร้างความเข้มแข็งและเอาตัวรอดอย่างเอกเทศที่ดูเหมือนว่าเป็นการได้แก่ตนเองนั้น แท้จริงแล้วกลับมีความหมายเดียวกันกับการบ่อนทำลายตนเองให้อ่อนแอ และในอีกทางหนึ่ง การทอนตนเองลงไปบ้างแล้วเดินออกไปสร้างโอกาสให้กับผู้ด้อยโอกาสกว่าตนเองหรือแตกต่างจากตนเอง รวมทั้งแบ่งปันด้านที่มีอยู่ในตนเองให้กับผู้อื่นที่ขาดหาย ซึ่งดูเหมือนกับตนเองเสียนั้น ก็เป็นการสร้างความเป็นส่วนรวม ย้อนกลับให้ตนเองเป็นผู้ได้ความเป็นส่วนรวมและสภาพสังคมที่ดีร่วมกับผู้อื่นไปด้วย ระบบวิธีคิดต่อพื้นฐานความทุกข์สุขจากความร่วมกันอยู่อย่างนี้ สอดคล้องกับความในบทแผ่เมตตาตอนหนึ่งอย่างยิ่งว่า....สัตว์ทั้งหลาย เป็นเพื่อนทุกข์เกิดแก่เจ็บตายด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น .....

... นกกระยางจิกกินแมลง หนอน งู เชื่อมโยงผสมผสานไปตามจังหวะชีวิตและเงื่อนไขความเป็นจริงของวัว เพียงจัดวางการมุ่งบรรลุจุดหมายของตนเองให้สอดคล้องเชื่อมโยงกับอีกชีวิตหนึ่ง การดำรงชีวิตและการดำเนินไปของนกกระยางก็กลายเป็นการป้องกันภัยและขจัดสิ่งรบกวนให้แก่วัว

ส่วนวัวนั้น ยิ่งมีความปลอดภัยและเพลิดเพลินไปกับการเดินลุยเล็มหญ้า ก็ยิ่งคล่องแคล่วในอันที่จะทำให้หนอนแมลงและสัตว์แตกตื่น กลายเป็นยิ่งช่วยเสริมสร้างกำลังในการหาอาหารให้กับนกกระยาง ซึ่งข้างหลังก็ย่อมหมายถึงการรอคอยคืนรังของลูกน้อยและฝูงอีกหลายตัว เช่นเดียวกันกับวัว มีอีกหลายชีวิตที่เชื่อมโยงใกล้ชิดอยู่กับทุกข์สุขและความลงตัวที่เกิดขึ้น ณ จุดเล็กๆนี้

เป็นอีกมิติและรูปการณ์หนึ่งของดุลยภาพและความพอดี  รวมทั้งเป็นกระบวนการจากความจริงแท้ของธรรมชาติในการสร้างสรรค์สุขภาวะส่วนรวมบนพลังความแตกต่างหลากหลายของปัจเจกภาพและความเป็นท้องถิ่น ก่อเกิดสืบเนื่องจากเงื่อนไขความสามารถเรียนรู้เพื่อการอยู่ร่วมกันและสร้างจังหวะชีวิตให้มีความสอดคล้องกลมกลืนกันของสิ่งที่มีพื้นฐานตรงข้ามกัน...

หมายเลขบันทึก: 476994เขียนเมื่อ 1 กุมภาพันธ์ 2012 09:35 น. ()แก้ไขเมื่อ 13 กันยายน 2013 22:57 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (6)

เป็นภาพที่ดูแล้วชื่นใจครับ สะท้อนให้เราเห็นถึงการพึ่งพาอาศัยกันไม่ว่าจะเป็นคนหรือสัตว์ เพราะเราก็มีส่วนเกื้อกูลเอื้อประโยชน์กันตามธรรมชาติ มันเป็นความสมดุลที่ธรรมชาติให้สร้างสรรค์ขึ้นมา แต่บางทีมนุษย์เองก็พยายามจะเป็นผู้ควบคุมสมดุลนั้นเสียเองด้วยความเห็นแก่ตัวของมนุษย์ ซึ่งได้สร้างผลกระทบต่อสมดุลของธรรมชาติและส่งผลเสียต่อมนุษย์เอง

สวัสดีค่ะอาจารย์วิรัตน์

  • เห็นด้วยกับคุณอุชุจาโรค่ะ
  • อ่านๆ ไป เหมือนได้ร่วมอยู่กับธรรมชาติ ณ แห่งนั้นไปด้วยกัน เหมือนกำลังอ่านนิทานสำหรับเด็กก่อนนอนค่ะ สบายๆ แต่มีสาระประโยชน์แอบแฝง นึกถึงการ์ตูน หนูนา ที่ศาลาดิน จังเลยค่ะ ^^ 

สวัสดีครับคุณอุชุจาโรครับ
พอจะเป็นชุดสื่อการเรียนรู้ด้วยภาพธรรมชาติ
เพื่อการสร้างสรรค์การเปลี่ยนแปลงที่ดๆออกจากตัวเองของคนเรา
มากกว่ามุ่งเปลี่ยนธรรมชาติให้สนองตนเอง อย่างแง่มุมที่คุณอุชุจาโรนำมาแลกเปลี่ยนทรรศนะกัน ได้บ้างนะครับ

สวัสดีครับอาจารย์ณัฐพัชร์ครับ

หายหน้าหายตาไปนานเลยนะครับ นี่ผมก็เพิ่งจะเข้ามาเขียนได้เหมือนกันครับ หลายวันก่อนหน้านี้ นอกจากระบบเหมือนกับทำงานไม่ได้แล้ว ก็ดันคิดแก้ปัญหาแบบคลำๆไปด้วยการเปลี่ยนรหัสผ่าน แต่แล้วก็เข้าระบบไม่ได้ เมื่อเช้านี้เลยต้องขออนุเคราะห์จากคุณครูมะปรางเปรี้ยวให้แนะนำกันทางไกลให้ทีละขั้นๆ ถึงได้เข้าและมาอัพเดทบันทึกได้นี่แหละครับ 

สวัสดียามเที่ยงนะคะอาจารย์

ส่วนตัว....ได้ความคิด  ภาชนะใส่น้ำสำหรับนกที่บ้าน (อนาคต)

ส่วนชีวิตการงาน  สังคมรอบตัว  ได้เห็นการเติบโตภายใน  พฤติกรรมตนเอง  ที่เป็นสิ่งแวดล้อม  พึ่งพิง  อิงอาศัย  เกื้อหนุนซึ่งกันและกัน  กับเพื่อนร่วมงาน  คนไข้  เพื่อนต่างหน่วยงาน  ผู้นำชุมชน  ชาวบ้านที่ร่วมกันพัฒนาสุขภาวะของคนที่นี่

นกกระยางและวัวในท้องทุ่ง  จากแนวคิดของอาจารย์  เป็นครูแห่งชีวิตได้ดีมากอีกแล้วค่ะ

สวัสดียามเที่ยงครับคุณหมอธิรัมภาครับ

หากหาจอกแหนดอกเล็กๆ ใส่ลงไปด้วยสักดอกสองดอก แล้วก็เลือกที่ตั้งให้ห่างความพลุกพล่านและใกล้ๆกิ่งไม้หรือชายคาละก็ ตอนเย็นๆ พวกนกสารพัดชนิดจะมาเกาะคอนรอคิว ตัวที่โดดลงไปกินน้ำก็จะกินและกระโดดลงไปอาบดำผุดดำว่ายแล้วก็นั่งไซร้ขน พวกที่เกาะรอกันก็จะประสานเสียงร้องจ่อกแจ่ก เหมือนตั้งกลุ่มร้องเพลงเฉลิมฉลองให้กับชีวิตที่ดำเนินไปอีกวันหนึ่ง เพลินเลยละครับ

มีความสุขและได้ความรื่นรมย์ในชีวิตอยู่เสมอๆเลยนะครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท