เนื่องจาก Emotional Marketing เป็นหลักสูตรที่กำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในปัจจุบัน แอมมี่เลยจะมาสรุปเนื้อหาให้อ่านกัน
การออกแบบหลักสูตรนี้ แอมมี่ใช้วิธีผสมผสานค่ะ จับเนื้อหาที่หนักๆ ยากๆ มาสลับกับเนื้อหาเบาๆ ง่ายๆ แทรกด้วยกิจกรรม เคล็ดลับ และเทคนิคการตลาดและการขายต่างๆ ตามด้วย case study และ workshop เพื่อให้ผู้เรียนรู้สึกสนุกสนานไปกับเนื้อหา ไม่เบื่อง่ายๆ (อ้าว ...ก็ต้อง built อารมณ์กันหน่อย ตามชื่อหลักสูตรนะคะ)
แอมมี่เปิดเนื้อหาด้วยภาพรวมเศรษฐกิจโลก ภูมิภาคเอเชีย และประเทศไทยในปี 2012 เพื่อให้พนักงานฝ่ายการตลาดและการขาย ได้เข้าใจถึงภาวะเศรษฐกิจปัจจุบันและแนวโน้มในอนาคตว่าจะเป็นอย่างไร เป็นการรับรู้หัวใจของผู้ประกอบการปัจจุบัน จะได้เอาไปวางแผนกลยุทธ์การตลาดและการขายได้ตรงจุดมากขึ้น
จากนั้นเราก็มาทำกิจกรรม " วิเคราะห์วิกฤตโลก " ซึ่งเป็นการปัดฝุ่นวิธีการระดมสมอง โดยใช้ mind map เป็นการฝึกวิเคราะห์การหาสาเหตุและการแก้ปัญหาแบบองค์รวม 360 องศา วิธีนี้ ... หลายๆครั้ง เราจะมองเห็นหนทางการแก้ปัญหา หรือการเชื่อมโยงของปัญหาแต่ละปัญหาในทันที และค้นพบต้นตอของสาเหตุหลักได้ดีกว่าการระดมสมองด้วยวิธีอื่นๆ ค่ะ ...ปัจจุบัน โลกเผชิญวิกฤตอยู่ 9 วิกฤต คือ
ในกิจกรรม แอมมี่ให้คิดทั้งเรื่องรายละเอียดปัญหาที่เกิดขึ้นและผลกระทบต่อมนุษย์เรา ลองคิดเล่นๆ ลึกๆ ดูค่ะ ก็จะพบความสัมพันธ์เชื่อมโยง ...แล้วจะเห็นได้เองว่า เศรษฐกิจโลกในปี 2012 นี้ มีแนวโน้มจะชะลอตัวลงทุกด้าน ด้วยสาเหตุใด
แนวคิดวิกฤตโลกนี้ ก็จะเชื่อมโยงไปสู่แนวคิดการทำธุรกิจในปัจจุบันด้วยค่ะ ว่าปัจจัยทั้ง 4 ด้านนี้ ส่งผลต่อทุกอุตสาหกรรม ซึ่งก็ได้แก่
Emotional Marketing (EM)
คือ การขายที่ไม่เน้นการขายคุณสมบัติของสินค้า แต่เน้นไปที่อารมณ์และที่จิตใต้สำนึกมากกว่า แต่ก่อนอื่นจะต้องทำความเข้าใจใน 3 เรื่องก่อนคือ
1. ใครกันแน่คือกลุ่มเป้าหมายที่แท้จริงของเรา
2. สินค้าของคู่แข่งเรา มีข้อดีและข้อด้อยกว่าเราในเรื่องอะไรบ้าง
3. เราจะสามารถยกระดับให้สินค้าของเราหรูหราน่าซื้อกว่าคนอื่นได้อย่างไร?
แอมมี่เปิดคลิปองค์กรที่นำ การตลาดอารมณ์มาใช้ อย่างเช่น Coke ที่เน้นเรื่องอารมณ์มานาน (Open Happiness) เพราะไม่ต้องบอกว่ารสชาดเป็นอย่างไร สินค้าคืออะไรอีกต่อไป
Marketing 3.0
จากนั้น แอมมี่เล่าเรื่อง วิวัฒนาการการตลาดตั้งแต่ 1.0 > 2.0 > 3.0 ว่าเป็นอย่างไร
การตลาด 3.0 ในปัจจุบันนี้ เราเน้นการให้คุณค่าในเรื่องความรับผิดชอบต่อส่วนรวมและสังคม เน้นการทำตลาดแบบ Fair Trade ต้องสามารถยกระดับความเป็นอยู่ของผู้บริโภคและชุมชน อย่างเช่น ที่ร้านสตาร์บัคส์ทำ คือ การซื้อเมล็ดกาแฟโดยตรง ที่คำนึงถึงการแบ่งปันผลประโยชน์อย่างทั่วถึงแก่เกษตรกร หรืออย่างสินค้าของร้านโครงการหลวง เพราะการตลาดยุคนี้ เราเน้นการสร้าง 2 คุณค่าคือ Spirit Value & Creative Value ค่ะ
จากนั้นก็เล่าเรื่อง 10 เทรนแห่งอนาคตและการประยุกต์ใช้ให้ฟัง
Emotional Marketing เน้นการตอบสนองจิตวิญญาณและจิตใต้สำนึกของการทำความดี การมีส่วนร่วม และการเป็นคนดีที่ได้ช่วยยกระดับสังคม ซึ่งเน้นไปทั้ง value chain ของสายการผลิต ตั้งแต่ผู้ผลิตวัตถุดิบ ผู้ป้อนวัตถุดิบ พนักงาน คู่ค่า ลูกค้า พันธมิตร ช่องทางการจัดจำหน่าย การขนส่ง ตลอดไปจนถึงผู้ถือหุ้น
แอมมี่นำกระแสการตลาดอารมณ์มาประยุกต์กับกระแสแนวโน้ม lifestyle ในอนาคต เพื่อให้ผู้เรียนเกิดความรู้ที่กว้างขึ้นในการวางกลยุทธ์การตลาด จากการอภิปรายเรื่องนี้ค่ะ
10 Trends แห่งอนาคต