ชีวิตคงง่ายขึ้นเยอะนะคะถ้าเรามียาวิเศษที่ช่วยเผาผลาญแคลอรี่ ดีต่อร่างกาย และไม่มีผลข้างเคียงด้วย แค่จินตนาการว่ายานี้มีจริง เราก็คงสามารถโซ้ยแหลกได้ทุกอย่างโดยไม่ต้องกังวลว่าน้ำหนักจะเพิ่มขึ้น และไม่ต้องรู้สึกผิด

โชคร้ายที่ในชีวิตจริงยาวิเศษตัวนี้ยังไม่ถูกค้นพบ  ซึ่งหมายความว่า ถ้าเราอยากสวยอยากหุ่นดี ก็ต้องลงมือลงแรงกันหน่อ

วันนี้เราลองมาดู 10 วิธีง่ายๆ ที่ช่วยลดปริมาณแคลอรี่จากอาหารที่รับประทาน และช่วยเพิ่มการเผาผลาญพลังงานจากการออกกำลังกายให้มากขึ้น เหมาะเป็นที่สุดสำหรับสาวๆ ที่กำลังไดเอ็ทค่ะ

 

NO.1 จำกัดเครื่องดื่มที่เหลือแค่ชาสมุนไพรและน้ำเท่านั้น 

การดื่มไดเอทโค้ก หรือน้ำผลไม้สามารถทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นได้ในระยะยาว  เคยมีผู้เชี่ยวชาญ แนะนำว่าถ้าอยากใช้ผลไม้ช่วยไดเอ็ท ให้ทานเป็นผลๆ อย่าดื่มน้ำผลไม้ (เพราะน้ำตาลในน้ำผลไม้นี่แหละ ตัวดีเลย) วิธีนี้จะทำให้คุณได้ใยอาหารเพิ่มขึ้นและน้ำตาลน้อยลง

 

NO. 2 ใช้ตะเกียบในการรับประทาน

อาจจะขัดๆ วิสัยคนไทยซักหน่อย (แต่คนจีนคงไม่มีปัญหานะ) แต่มีผู้เชี่ยวชาญระบุว่า “คนที่ใช้ตะเกียบมีแนวโน้มว่าจะรับประทานน้อยกว่า และอิ่มเร็วกว่า  เนื่องจากใช้เวลามากกว่าในการกิน ตะเกียบจะทำให้คุณรับประทานช้าลง”  ซึ่งนี่เป็นกฏที่สำคัญข้อหนึ่งในการรับประทานที่ถูกต้อง  เพราะถ้าคุณรับประทานอาหารเร็วไป  ร่างกายจะยังไม่รับรู้ว่าคุณอิ่ม แล้วทำให้คุณรับประทานเอาแคลอรี่ส่วนเกินเข้าไป

ส่วนใครที่ไม่ถนัดใช้ตะเกียบกันจริงๆ ก็ใช้วิธี “ทานช้าๆ เคี้ยวอาหารให้ละเอียด” ซึ่งช่วยได้เหมือนกันค่ะ แถมการเคี้ยวอาหารให้ละเอียดยังส่งผลดีต่อระบบย่อยอาหารอีกด้วย

 

NO. 3 พกอุปกรณ์ออกกำลังกายไปทำงานด้วย

ใครที่ไม่มีเวลาออกกำลังกายทั้งก่อนและหลังทำงาน ก็ใช้วิธีออกกำลังกายที่ทำงานเสียเลย  อย่างเช่น พกเชือกกระโดดไปทำงานด้วย วิธีนี้ทั้งพกพาง่ายและยังเผาผลาญได้ดีด้วย การกระโดดเชือกแค่สองนาทีก็จะช่วยเผาผลาญแคลอรี่แถมยังช่วยป้องกันหลังของคุณจากการปวดและค่อมได้อีก

นอกจากเชือกกระโดดแล้ว คุณอาจใช้วิธีวิ่งเหยาะๆ ก่อนไปทำงานเช้าๆ หรือเปลี่ยนจากการพึ่งพาลิฟท์เป็นขึ้นบันไดก็ได้ ใครอยู่ชั้นสูงๆ ก็ไม่ต้องขึ้นจากชั้นล่างถึงชั้นบนหรอกค่ะ แค่จอดก่อนชั้นเราซัก 2 – 3 ชั้นแล้วเดินขึ้นไป เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว

มีวิธีอีกมากมายที่คุณจะหาทางออกกำลังกายในที่ทำงานได้ ลองดูนะคะ แล้วคุณจะมีสุขภาพดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเลยล่ะ

 

NO. 4 หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารไขมันต่ำ

จริงๆ แล้วไขมันเป็นเพื่อนของคุณ และช่วยเผาผลาญแคลอรี่ได้เพราะมันทำให้คุณอิ่ม   แถมยังช่วยลดการโหยหาน้ำตาลและแป้งขัดขาวอีกต่างหาก ซึ่งใครที่ตามอ่านคอลัมน์สุขภาพและการลดน้ำหนักอยู่บ่อยๆ คงจะคุ้นเคยกันดีว่า คาร์โบไฮเดรตทีมากเกินไปนี่แหละที่เป็นตัวทำให้เราอ้วน การเลือกอาหาร “ไขมันต่ำ” แล้วชะล่าใจทานเยอะเกินไป ก็อาจทำให้เรารับเอาคาร์โบไฮเดรตส่วนเกินเข้ามาโดยไม่รู้ตัว

ดังนั้นแนะนำให้ หาไขมันที่ดีต่อร่างกายอย่าง น้ำมันมะกอก อโวคาโด หรือปลาจำพวกแซลมอน ทูน่า …ไขมันนั้นทานได้ ทานในปริมาณทีดีก็มีประโยชน์ต่อสุขภาพและหัวใจนะคะ

 

NO. 5 ทำกิจกรรมที่เสริมการทำงานของระบบต่อมไร้ท่อ 

การวิ่ง กระโดดเชือก แอโรบิกตอนเช้าๆ กิจกรรมเหล่านี้จะช่วยเสริมสร้างระบบการเผาผลาญพลังงานและยังช่วยกำจัดพิษและของเสียออกจากร่างกาย  การเพิ่มกิจกรรมเหล่านี้ลงในการออกกำลังกายประจำวันจะเพิ่มความสามารถในการเผาผลาญพลังงานของร่างกายได้

 

NO. 6 เหยาะอบเชยลงในอาหาร

ลองเดินหาซื้อผงอบเชยในซูเปอร์มาเกตแล้วลองมาเหยาะลงอาหารของคุณดู ไม่ว่าจะเป็นกาแฟ ขนมหวาน ขนมปัง (ใส่ในของคาวประเภทแกงต่างๆ ก็ได้นะคะ) มันจะให้กลิ่นหอมหวลน่าทานขึ้นมากๆ แถมยังมีคำยืนยันจากกระทรวงเกษตรของอเมริกว่า อบเชยอาจช่วยควบคุมการหลั่งของอินซูลินหลังมื้ออาหารที่จะทำให้คุณรู้สึกหิว  และยังช่วยละระดับน้ำตาลในเลือดด้วยค่ะ

 

NO. 7 หลีกเลี่ยงอาหารที่มีครีมเยอะ 

ใครที่ไดเอ็ทด้วยด้วยการทานสลัด มองดูส่วนผสมของน้ำสลัดที่คุณใช้ให้ดีๆ ด้วย พวกน้ำสลัดครีมจะมีไขมันเลวที่ย่อยยากมากกว่า แนะนำให้ใช้น้ำสลัดแบบอิตาเลียนที่มีน้ำมันมะกอกเป็นส่วนผสมแทนนะคะ

 

NO. 8 เพิ่มน้ำหนักให้กับการออกกำลังแบบเวทเทรนนิ่ง  

บางคนอาจจะมีความเชื่อว่า ผู้หญิงไม่ควรจะยกเวทที่หนักเกิน 3 ปอนด์ (ประมาณ 1.3 กิโลกรัม) แต่ที่จริงแล้ว ยิ่งคุณมีกล้ามเนื้อมากเท่าไรนั่นหมายถึงการเผาผลาญพลังงานที่มากขึ้น  ดังนั้นอย่ากลัวที่จะเพิ่มน้ำหนักลงไปในดัมเบลของคุณ ถ้าคุณสามารถยกน้ำหนักได้สบายๆ 15 ครั้งติดต่อกัน ให้เพิ่มน้ำหนักจนต้องใช้ความพยายามมากขึ้นในการยกครั้งที่ 15

 

NO. 9 ใช้สารชดเชยความหวานแทนน้ำตาล ในเครื่องดื่ม

ถ้าคุณติดนิสัยต้องเพิ่มความหวานให้กับอาหารและเครื่องดื่ม ให้ใช้สารชดเชยความหวานแทนน้ำตาล  ที่จะไม่เพิ่มระดับอินซูลินหลังรับประทานเข้าไป แต่ก็ควรระวังอย่ารับประทานมากเกินไปด้วย สารให้ความหวานบางอย่างเช่น แอสปาแตม จัดเป็นน้ำตาลแอลกฮอลล์ ที่หากทานในปริมาณที่มากเกินไปอาจทำให้เกิดอาการวิงเวียนศีรษะได้ เพื่อหลีกเลี่ยงการทานในปริมาณที่มากเกินไป ไม่ควรใช้สารให้ความหวานแทนน้ำตาลกับอาหารอื่นๆ นอกจำเครื่องดื่มนะคะ

 

NO.10 หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันทรานส์ 

ไขมันทรานส์ คือไขมันที่ผ่านการแปรรูปเพื่อให้อาหารอยู่ได้นานขึ้นโดยไม่เกิดกลิ่นเหม็นหืน และหมดอายุช้าลง แต่เมื่อบริโภคไปแล้วไขมันทรานส์จะคงอยู่ในร่างกายเป็นระยะเวลานาน ทำให้อ้วนง่าย ตับทำงานหนัก และเสี่ยงเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจตีบและเบาหวาน

ไขมันประเภทนี้พบได้ในอาหารประเภทฟาสต์ฟูด ของทอดต่างๆ  โดยเราจะรู้ได้จากฉลากค่ะว่าผลิตภัณฑ์ที่เราซื้อมีไขมันทรานส์อยู่หรือไม่ มองหาคำว่า Trans Fat ในฉลากดูนะคะ

 

แหล่งอ้างอิง:

http://www.totalbeauty.com/content/gallery/calorie-burning-tricks