80 ปีที่เราเลือกระบอบสากลมาปกครอง


ใครทำร้ายประเทศไทย?

ใครทำร้ายประเทศไทย?

80 ปีนับแต่ "คณะราษฎร" ปฎิวัติเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์มาเป็นระบอบประชาธิปไตย

ประเทศไทยยังล้มลุกและคลุกคลาน จนถึงขนาดนี้ผมก็ยังคิดไม่ออกวาดความคิดไม่ถูกว่าอนาคตแผ่นดินเกิดของผมจะเป็นอย่างไร

24 มิถุนายน 2475 ผู้มีอุดมการณ์ทางการเมืองอันแรงกล้าที่แบกการปกครองสากลจากต่างประเทศมาใช้ในประเทศไทยเรา เพื่อให้ชาติบ้านเมืองเราเจริญรุดหน้าต่อไป นั้นคือระบอบประชาธิปไตย ฟังดูแล้วก็ภูมิใจมิใช่น้อยเพราะเป็นระบอบที่เรียกว่า "การปกครองของประชาชนโดยประชาชนและเพื่อประชาชน"ซึ่งเป็นระบอบที่มีการยอมรับมากที่สุด สุดท้ายวันที่รอคอยของคนที่อยากให้คำว่า ระบอบประชาธิปไตย   ในประเทศไทยก็มาถึง วันที่รัชกาลที่ 7 ทรงให้อำนาจก็ประชาชนเป็นวันที่ผู้ปฎิวัติภูมิใจอย่างมากในชัยชนะ แต่หารู้ไม่ว่าความโหดร้ายกำลังจะเกิดขึ้นแก่ประเทศไทยอันเป็นที่รักยิ่งของเขาเอง

ทำไม?

เพราะเราฝืนธรรมชาติที่มันสมควรจะเป็นไป หากไม่ออกกำลังกายแล้วอยากจะแข็งแรงก็ต้องศึกษาวิธีออกกำลังกายและอันตรายต้องวอร์มร่างกายก่อนแล้วค่อยๆวิ่งมันถึงจะไม่ปวด แต่หากอยู่ดีๆวิ่งอย่างเดียววิ่งสุดชีวิตแบบเป้าหมายมีไว้ให้พุ่งชน ก็ทำให้เกิดอันตรายได้เสมอ

ประเทศไทยตอนนั้นก็เหมือนกัน คนส่วนใหญ่ยังไม่รู้จักประชาธิปไตยดีพอ และไม่รู้จักเลยซ่ะด้วยซ้ำมีคนที่ไปศึกษาต่อต่างประเทศเท่านั้นที่รู้จักระบอบนี้ และการศึกษาไทยตอนนั้นก็ยังไม่พอที่จะใช้ระบอบนี้

นี่ก็อาจจะเป็นปัญหาหนึ่งที่ทำให้ประเทศไทยเป็นประชาธิปไตยที่ไม่สมบูรณ์ หรืออาจจะเป็นเพราะระบอบนี้ไม่เหมาะกับนิสัยคนไทย คนไทยอาจจะเหมาะกับระบอบเผด็จการ หรือ คอมมิวนิส หรือระบอบอื่นก็ไม่รู้

แต่ประเทศไทยก็ยังรักษาระบอบนี้มาได้อย่างทุลักทุเล จนเข้าสู่ยุคแห่งการศึกษาสากลของไทยซึ่งน่าจะทำให้ชาติไทยเจริญรุดหน้าขึ้นกลับส่วนทางกัน นักการเมืองเริ่มใช้คำว่าตัวกู ของกู กันมากขึ้นหาทางทุกหนทาง เอาอภิพญามหานโยบายมาป้อนประชาชนเพื่อหาทางให้ได้ซึ้งอำนาจนำอำนาจมากัดกร่อนทรัพยากรธรรมชาติของชาติต่อไป จนประชาชนไม่มีมือมีเท้าช่วยเหลือตัวเองกลายเป็นเด็ก รัฐบาลกลายเป็นพ่อแม่ เหมือนกับพ่อปกครองลูก แต่ไม่ใช่พ่อแท้กับลูกแท้กลับเป็นพ่อเลี้ยงกับลูกเลี้ยงซ่ะงั้น พ่อให้เงินลูกเพื่อให้ลูกวางใจ ลูกก็ไม่ร้องลูกก็วางใจ แต่พอพ่อไม่ให้ลูกก็ร้องลูกก็ไล่ พ่อก็โมโหเอาปืนมาขู่ลูก ก็เป็นวัฎจักรการเมืองไทยไปแล้ว จนเมื่อถึงรัฐบาลหนึ่งใช้คำว่า "ประชานิยม" เข้ามาช่วยฟังดูเหมือนกับว่าเราได้ก้าวไปอีกขั้นหนึ่งของประชาธิปไตยไปอีกแล้ว แต่กลับร้ายแรงกว่าเก่า ประชานิยมของไทยคือประชานิยมบังหน้า โดยเอาเสี่ยงส่วนใหญ่เป็นเกณฑ์สิ่งนั้นผิดไม่ผิดไมรู้เพราะถือว่าคือประชานิยม จนบ้านวุ่นวายมาถึงปัจจุบัน

.....................................................................................................................

หากเราเพิ่งเปลี่ยนระบอบตอนนี้จะดีกว่ามั้ย หรือเราใช้ระบอบเดิมจะดีกว่ามั้ย หรือระบอบนี้ดีแล้วแต่เราเปลี่ยนนิสัยเราให้เข้ากับระบอบนี้ หรือเราจะหยุดศึกษาระบอบนี้ใหม่

หรือเราจะทำอย่างไรกันดี?

คำสำคัญ (Tags): #การเปลี่ยนแปลง
หมายเลขบันทึก: 475695เขียนเมื่อ 22 มกราคม 2012 23:36 น. ()แก้ไขเมื่อ 31 สิงหาคม 2012 23:05 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

ระบบการที่ดี แต่คนที่เข้ามาปกครอง

หาที่ดียากเหลือเกิน

ใครรู้ว่าเพราะเหตุใดช่วยแนะนำด้วย

เป็นกำลังใจ

ใช่ เป็นระบอบประชาธิปไตย แต่ยังทำตัวเป็นเจ้า ขุน พ่อเหนือหัว (ฯพณฯ) เขาใช้ในระบอบเจ้าขุน เลิกเสียที ก่อนเลือกแทบกราบเท้า พอได้เป็น มาเป็น พ่อเหนือหัวเจ้าท่าน ฮิฮิฮิ มันเข้าค่ายที่ว่า ...คนลืมตัว.....ลืมตีน"(ไม่รู้จะเติมช่องว่างด้วยคำใด จึงจะเหมาะกับ นักการเมือง)

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท