ผู้โดยสารคนแรก ( จริง ๆ ) บุญช่วย มีจิต
ไม่เคยขับแท๊กซี่ !
เคยใช้บริการแท๊กซี่ !
คิดจะขับแท๊กซี่หาลำไพ่ !
คิดจะขับแท๊กซี่เป็นอาชีพ !
ไม่รู้เรื่องแท๊กซี่เลย !
ได้อ่าน เพื่อจะได้รู้พฤติกรรมของผู้โดยสารแต่ละท่าน ว่าเป็นอย่างไร
เพื่อจะได้รู้พฤติกรรมของคนขับแท๊กซี่บางคน ว่าเป็นอย่างไร
สำหรับแท๊กซี่มืออาชีพ หรือผู้ที่คลุกคลีอยู่กับวงการแท็กซี่ เช่นเถ้าแก่ เจ้าของอู่ เป็นต้น
ไม่ต้องอ่าน ???
หรือถ้าจะอ่านเพื่อประเทืองปัญญา ก็ไม่เป็นไร !!!
ในตอนก่อน ผมได้พูดถึงผู้โดยสารคนแรก แต่ไม่ใช่ผู้โดยสารจริง ๆ เป็นเพียงผู้โดยสาร
ที่เขาเวทนาสงสารมือใหม่อย่างผมเฉย ๆ เลยอนุเคราะห์ให้ได้รู้รสชาติของชีวิตนักขับแท็กซี่ คงจะคิดถึงครั้งแรกของเขาก็ได้
เพราะอะไร ๆ ที่มันเป็นครั้งแรก มันประทับใจไม่มีวันลืม !!!
ผู้โดยสารคนแรกในชีวิตนักขับแท็กซี่ของผม คือ คนนี้ …
หลังจากส่งครู ( ที่สอนเรื่องแท็กซี่ ) รุ่นน้องผู้หวังดีที่สามแยกมิสทีนแล้ว ผมก็เริ่มเงอะ ๆ
งะ ๆ เหงื่อซึมเต็มใบหน้า สมองเริ่มมึนงงแล้ว ว่าจะไปทางไหน เอาละวะเลี้ยวขวาไปทางมีนบุรี
แล้วก็เลี้ยวขวาเข้าถนนร่มเกล้า ถิ่นที่ชำนาญทางดีกว่า
เลยสามแยกเจ้าคุณทหารไปนิดเดียว มีผู้หญิงสูงอายุคนหนึ่ง โบกให้จอด ในมือถือถุงพลาสติกถุงหนึ่ง
“ ไปวัดที่ใกล้ ๆ นี้ ” ยายบอก หลังจากขึ้นนั่งรถแล้ว คงเพิ่งย้ายมาใหม่ เพราะไม่รู้จักชื่อวัด
“ ฉันมารอตักบาตรตั้งนานแล้ว ไม่เห็นมีพระเดินมาสักที ” ยายบ่นไปเรื่อย
“ อ๋อ วันนี้เป็นวันปีใหม่ พระคงไม่ว่างนะยาย ” ผมสวมวิญญาณศิษย์วัดเก่าออกความเห็น
“ ที่บ้านก็มีรถอยู่สามสี่คัน แต่ไม่อยากกวนลูกหลานมัน พึ่งกลับมาเมื่อตีสามตีสี่นี่เอง ”
ยายรายงาน ( บ่น ) ให้ผมฟัง อยากขับแท็กซี่ก็ต้องทนฟังทุกเรื่องของผู้โดยสาร ผมคิดในใจ
- 8 –
-
“ เราตั้งใจจะทำบุญแล้ว ไม่มีพระมาก็ไปที่วัด ” ยายพูดไม่หยุด
ผมมองดูของทำบุญยายแล้ว มีข้าวสวยถุงหนึ่ง กับข้าวถุงหนึ่ง และกล้วยสองผล ห่อรวมใส่ถุง
ก๊อบแก๊บถุงเดียวกัน ในใจพลางนึกว่า ของแค่นี้มันคุ้มกันหรือกับการ
“ นั่งแท๊กซี่ไปตักบาตร ”
ถึงวัดยายพูดว่า
“ รอหน่อยได้ไหม ? จะกลับด้วย ”
เอาละซิ ค่าโดยสารก็ยังไม่จ่าย ถึงมิเตอร์จะขึ้นเพียงสามสิบห้าบาทเท่านั้น แต่ผมก็ใจไม่ดี นึกปลอบใจตัวเองว่า คงไม่เป็นเหมือนที่เขาเล่ากันนะว่า
แกหายขึ้นไปบนศาลาการเปรียญ ท่ามกลางคนมาทำบุญปีใหม่อย่างคับคั่ง จนผมแยกไม่ได้ว่า ใครเป็นใคร ถ้าแกไม่ลงมา หรือ ลงมาแล้วไปนั่งคันอื่น ผมก็คงไม่รู้
หลังจากใจไม่ดีอยู่ประมาณสิบนาที ยายออกมา แล้วบอกว่า
“ ไปส่งที่หมู่บ้าน …. หน่อย ที่ยายเรียกเมื่อเช้านี้แหละ ”
กลับมาแป๊บเดียวก็ถึง ยายแกก็พูดไม่หยุดปาก ส่วนมากเป็นเรื่องภายในครอบครัวของแก
มิเตอร์ขึ้นเพียงเจ็ดสิบบาท ยายให้แบงก์ร้อยบอกว่า
“ ไม่ต้องทอน ” !!!
บ๊ะ !! รายแรกก็ฟลุคเสียแล้ว ถึงจะทนฟังยายบ่นบ้าง ก็รับฟังไว้ ครับ ๆ ๆ ไปตามเรื่อง
นี่แหละหนา ศรัทธาของชาวพุทธ ยอมเสียค่ารถแท็กซี่ตั้งร้อยบาท เพียงเพื่อตักบาตรข้าวสวยและแกงอย่างละถุง กล้วยน้ำว้าสองผลเท่านั้น !!!
เมื่อได้รายแรกจริง ๆ แล้ว ก็มีกำลังใจขึ้นมาเยอะ คลายความวิตกกังวลลงไปมาก มีความมั่นใจมากขึ้น ผมก็วิ่งวนอยู่แถวเทคโน ฯ นิคมลาดกระบัง เนื่องจากเป็นวันปีใหม่ คนเยอะมากเดี๋ยวได้ เดี๋ยวได้ รับทั้งวันไม่มีหยุดเลย ทำให้รู้สึกสนุกสนานมากกับการขับแท็กซี่ เย็นมาหลังจากส่งรถจ่ายค่าเช่าแล้ว เหลือเงินตั้งเกือบหกร้อยบาท เป็นความภาคภูมิใจที่ได้เงินจากหยาดเหงื่อของตัวเอง
ต่อจากนี้ไปก็จะเจอผู้โดยสารคนแล้ว คนเล่า แต่ละคนเป็นอย่างไร และจะเจอเพื่อนแท็กซี่อีกนับไม่ถ้วน แต่ละคนมีกำพืด มีเรื่องราวแปลก ๆ มาเล่าให้ฟัง โปรดติดตามผมมาเลยครับ !!
ไม่มีความเห็น