ขับแท็กซี่ได้อะไร บุญช่วย มีจิต
มี |
คำถามอยู่เสมอ ๆ จากเพื่อนร่วมงานบ้าง คนที่รู้จักกันบ้าง ผู้มีพระคุณบ้าง ลูกศิษย์ลูกหาบ้าง ตลอดทั้งคนรู้จักทั่ว ๆ ไปบ้าง ว่า
“ ขับแท็กซี่ได้อะไร ? ขับแท็กซี่คุ้มไหม ? ”
ถ้าจะคิดในแง่เศรษฐกิจ หรือรายได้แล้วตอบได้เลยว่า “ไม่คุ้ม ” เพราะเหตุว่า รายได้ที่เหลือจากค่าเช่า ค่าแก๊ส วันละประมาณ 300 บาท ต่อการทำงานหนักกว่า 10 ชั่วโมงนั้น นับว่าน้อยมาก เมื่อเทียบกับค่าแรงขั้นต่ำ
ซึ่งเขาทำงานกันแค่วันละ 8 ชั่วโมงก็ยังดีกว่า ยิ่งถ้าเทียบกับเงินเดือนซีเจ็ดซึ่งรับอยู่ประจำเฉลี่ยวันละ 600 กว่าบาท และงานก็ไม่ได้หนักหนาถึงขนาดแล้ว ก็ยิ่งเทียบกันไม่ได้เลย
ถ้าถามต่อไปว่า
“ งั้นได้อะไร ? ขับทำไม ?”
ขอตอบว่า
“ ได้หลายอย่างทีเดียวและคุ้มเกินคุ้ม ”
อย่างแรกเลย คือ ได้รู้จักถนนหนทางในกรุงเทพมหานคร
ท่านที่เคยคิดว่า รู้จักกรุงเทพ ฯ ดีน่ะ ขอโทษที ลองมาขับแท็กซี่ดูเถอะ จะรู้ว่าเราไม่รู้จักกรุงเทพ ฯ เลย เคยขับแต่รถบ้าน ไปตามถนนสายหลัก ไปยังจุดหมายต่าง ๆ ดูมันง่ายมาก แต่ถ้าถามว่า
“ คุณรู้จักตรอกน้อย ซอยเล็ก หมู่บ้านจัดสรร บริษัท โรงงาน โรงแรม ต่าง ๆ ทางลัดอื่น ๆ ไหม? ”
รับรองว่ามืดแปดด้านแน่ สิ่งที่คนขับแท็กซี่ใหม่ ๆ กังวลใจมากที่สุดก็คือ เมื่อผู้โดยสารบอกว่าให้ไปส่งที่นั่น ที่นี่ แล้วงงเป็นไก่ตาแตก คิดไม่ออกว่ามันอยู่ตรงไหน ส่วนไหนของกรุงเทพ ฯ
ผมคิดว่าหลายท่านคงเคยถูกแท็กซี่พาวนจนหลง ไปส่งไม่ถูกจุดหมายปลายทาง มาบ้างแล้ว
นั่นเป็นเพราะคนขับไม่รู้จริง ๆ
ไม่นับแท็กซี่เขี้ยวลากดินทั้งหลายที่แกล้งวนอ้อมเพื่อให้มิเตอร์ขึ้นมาก ๆ นะ
ก็ได้ผู้โดยสารนี่แหละเป็นผู้บอกเส้นทาง
เมื่อผู้โดยสารขึ้นมา ผมจึงพูดเป็นคำแรกเป็นประจำว่า
“ จะแนะนำเส้นทางไหมครับ ? จะเลือกเส้นทางไหมครับ ? ”
ดังนั้น ผู้โดยสารจึงเป็นครูผู้บอกเส้นทาง บางท่านก็เก่งเหลือเกิน พากย์ตลอดทาง สั่งไปซ้าย ไปขวาจนคนขับงงไปหมดก็มี
บางท่านก็พาหลงเสียเอง !!
ไม่มีแท็กซี่คนไหนรู้หมดทุกเส้นทางหรอก
โธ่ ! ผู้โดยสารหลายท่าน ไม่บอกจุดใหญ่ ๆ ของสถานที่ แต่ดันบอกเป็นตัวเลขของถนนหรือซอย เช่น “ ราม ฯ 65 ”
“ สุขุมวิท 24 ”
“ ลาดพร้าว 80 ” เป็นต้น ทำให้งงได้
- 4 -
ถ้าบอกว่า
“ ตึกช่อง 3 ”
“ ซอยมหาดไทย ”
“โรงแรมแอมบาสซาเดอร์ ”
เราก็พอนึกออก
สิ่งที่ได้ประการต่อมา คือ การรู้จักคุณค่าของเงิน เมื่อก่อนผมใช้เงินอย่างไม่รู้จักมันยะมันยัง อยากได้อะไรซื้อ อยากกินอะไรกิน แต่เมื่อมาขับแท็กซี่จึงรู้ว่า เงินแต่ละบาทมีค่ามากเหลือเกิน กว่าจะได้มาแทบรากเลือด จะซื้ออะไรทีต้องคิดแล้วคิดอีก ทานข้าวเช้าเอาเที่ยง บางวันก็ทานครั้งเดียว ใช้น้ำลูบท้องไปพลาง ๆ ก่อน จะซื้อน้ำแต่ละขวดก็ต้องคิดจะเอาขวดขุ่น ขวดใส
ดังนั้น ผมจึงได้ทั้งความอดทน ความรู้จักอดออม ไม่สุรุ่ยสุร่าย รู้จักค่าของเงิน
และสิ่งที่ได้มาก ๆ จะหาที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว ก็คือ
“ ประสบการณ์ชีวิต ”
มันเหมือนเราเรียนมหาวิทยาลัยชีวิต ผู้โดยสารที่ขึ้นรถแต่ละท่านนั้นให้ความรู้ ให้ข้อคิด ให้คติ และให้อะไรหลาย ๆ อย่างที่ไม่อาจจะได้หาจากที่อื่น ๆ หรือจากสถานศึกษาใด ๆ จึงไม่น่าแปลกใจเลยว่า คนที่ขับแท็กซี่นาน ๆ จึงเป็นคนรอบรู้ คุยได้มันทุกเรื่อง
และสิ่งที่เป็นผลพลอยได้ที่สำคัญที่สุด คือ
“ แท็กซี่ซีเจ็ดที่ท่านถืออยู่นี่ไง ”
ตามผมมา ผมจะพยายามถ่ายทอดเรื่องราวและพฤติกรรมของผู้โดยสาร และคนขับแท็กซี่บางคนมาตีแผ่ให้ท่านได้ทราบ ตามที่ได้ประสบมาจริง ๆ มันเป็นมุมมองของชีวิตที่ไม่เคยมีใครเปิดเผยมาก่อน ผมเชื่อว่าหลายต่อหลายท่านยังไม่ทราบเรื่องราวลี้ลับของอาชีพนี้อย่างละเอียดเป็นแน่ รับรองว่าแต่ละเรื่องเป็นเรื่องจริงทั้งสิ้น ถ้าหากว่าไปตรงกับท่านผู้ใดเข้า ก็ต้องขออภัยเป็นอย่างมากด้วย ผมไม่มีเจตนาจะนำเรื่องราวของท่านมาประจาน แต่ขอนำเรื่องของท่านมาเป็นกรณีศึกษา เป็นวิทยาทาน เพื่อให้ท่านที่ไม่เคยสัมผัสกับอาชีพนี้ได้ทราบ ยกเว้นบางเรื่องที่ได้ฟังจากเพื่อนคนขับแท็กซี่ หรือผู้โดยสารเล่าให้ฟัง ท่านต้องใช้วิจารณญาณเอาเองว่า จะเชื่อหรือไม่
ขอบคุณสำหรับข้อมูล ...สามีดิฉันเริ่มขัยแท็กซีที่อุบลฯ
ได้ไม่ถึงเดือน เข้ามาอ่านแล้วโดนใจค่ะ
ไม่รู้จะขับต่อหรือจะเลิก...สงสารสามีมาก...แต่ต้องทนเพื่อปากเพื่อท้อง