ไข้แด้..ทำคุณหมองอน


บอกว่าไม่มีไข้ไม่มีไข้ก็ว่าไข้แด้ไข้แด้อยู่นั่นหละ

      มีคุณยายท่านหนึ่งไม่สบายจึงไปพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลศูนย์แห่งหนึ่ง  ทุกวันคุณหมอเจ้าของไข้จะมาตรวจเป็นประจำ เมื่อมาถึงคุณหมอก็จะถามผู้ป่วยว่าเป็นอย่างไรบ้าง นอนหลับไหม อาการไม่สบายดีขึ้นไหมหรือว่ายังเหมือนเดิมหรือมีปัญหาไหม พอมาถึงเตียงคุณยาย คุณหมอก็ถามเช่นกัน คุณยายซึ่งเป็นคนผู้ไทก็ตอบเป็นภาษาผู้ไทว่า "ไข้แด้" คุณหมอได้ยินดังนั้นก็บอกกับคุณยายว่าคุณยายไม่ได้เป็นไข้ดอกส่วนคุณยายก็บอกคุณหมอว่า"ไข้แด้" คุณหมอเลยงอนคุณยายไม่ยอมตรวจต่อ เดินเลยไปตรวจคนอื่นต่อไป  พอสายหน่อยลูกคุณยายมาเยี่ยมคุณหมอรีบฟ้องลูกคุณยายเลยว่าคุณยายน่ะบอกว่าไม่ได้ไข้ๆก็ยังบอกว่าไข้แด้ๆอยู่อย่างนั้น  ลูกชายคุณยายได้ยินอย่างนั้นก็เลยหัวเราะก๊ากๆๆ  บอกกับคุณหมอว่าคุณยายพูดว่าไข้แด้นั้นไม่ได้หมายความว่าเป็นไข้หรอก แต่ไข้แด้เป็นภาษาผู้ไทหมายถึงดีขึ้น คุณหมอเห็นเป็นดังนั้นจึงรีบไปขอโทษคุณยาย คุณยายได้บอกกับคุณหมอว่า  หมิเป่นเผ่อเด้าะ(ไม่เป็นไรหรอก) น่า่ย(ยาย)หมิหยะฮ้าย(ไม่โกรธ)เด้าะ  ขะแหน่มโป่น่ายเห้ ๊อดี่กะพื้นล๊ะ(เพียงแต่รักษายายให้หายยายก็ดีใจแล้ว)

         เพราะภาษาพูดที่ต่างกันก็ทำให้ไม่เข้าใจกัน หากคุณหมอท่านนี้มาอยู่ที่โรงพยาบาลหนองสูงท่านคงไม่ต้องงอนเพราะอยู่ที่นี่หากฟังภาษาผู้ไทไม่เข้าใจก็จะมีเจ้าหน้าที่อื่นๆอธิบายให้ได้ คุณหมอที่มาอยู่ที่นี่ตอนแรกอาจไม่เข้าใจ พออยู่ไปหลายๆเดือนก็จะฟังเข้าใจบางท่านก็พูดได้ค่ะ

          ท่านล่ะ่คะเคยสื่อสารผิดอย่างนี้บ้างไหมคะ 

          ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่ะ

    เพิ่มเติมอีกค่ะ

   คำที่มีความหมายว่าดีขึ้นในภาษาผู้ไทมีสองคำคือไข้แด้ กับ แข้นแด้ ค่ะ

 

 

 

   

หมายเลขบันทึก: 471148เขียนเมื่อ 13 ธันวาคม 2011 21:24 น. ()แก้ไขเมื่อ 27 มีนาคม 2012 18:59 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (13)

มีบ้างในบางครั้งค่ะ

ทำให้เกิดความสับสนขึ้นได้

เพราะแปลความหมายไม่ถูกนี่เอง

โดยเฉพาะภาษาทางภาคใต้

กับคนภาคกลางที่ฟังแล้วต้องอมยิ้มทุกที

ไข้แด้(ก) ไม่น่าที่หมอจะงอนนะครับ

  • สวัสดีค่ะท่านอาจารย์โสภณ
  • คุณหมองอนเพราะบอกว่าไม่ได้ไข้ก็ยังตอบว่าไข้
  • ไข้ของคุณหมอหมายถึงป่วยแต่ไข้ของคุณยายหมายถึงดีขึ้น
  • คุณหมอไม่เข้าใจก็เลยงอนค่ะ
  • ขอบคุณรูปภาพริมน้ำค่ะ  เป็นอาคารอยู่ที่ชายแดนหรือคะ
  • ขอบคุณคุณครู Bonnie
  • พูดกันคนละภาษาก็ทำให้สื่อสารผิดนะคะ

สวัสดีค่ะIco48อ่านแล้วยิ้มมมม...ขอบคุณค่ะ

  • 555 ขำเรื่องภาษา
  • สมัยก่อนเคยได้ยินหมอทางอีสาน
  • บอกว่าให้ยายย้อนไปรับช่อง 3
  • ยายบอกว่าเดินไปเฉยๆไม่ได้หรือ
  • ย้อนไปอายเขา 555
  • (ย้อน=รำไป )
  • ขอบคุณค่ะอาจารย์ ดร. พจนา

 

  • ขอบคุณค่ะดร.ขจิต
  • พี่ได้ฟังเขาเล่าว่าคุณยายไปหาหมอแล้วบอกกับหมอ
  • เป็นภาษาไทอิสานว่าคุ่นหมออย้ ๊าซี่เลียดเด๊อ
  • หมอตอบว่าไม่ซีเรียสดอกแล้วให้คุณยายไปที่ห้องเบอร์ึ7
  • ไปที่ห้องเบอร์7เขาก็เจาะเลือดคุณยายตรวจได้ผลแล้ว
  • ก็ให้คุณยายนำผลไปให้คุณหมอพร้อมกับบอกให้ย้อนกลับไปหาหมอ
  • ไปถึงห้องคุณหมอคุณยายก็ต่อว่า"คุ่นหมอบ่อมี่สั๋จจ๋ะบอกหว้ ๊าบ่อซี่เลียดกะยั่งให้เขาซี่เลียด"
  • (คุณหมอไม่มีสัจจะบอกว่าไม่ซีเลียดคือไม่เจาะเลือดก็ยังให้เขาเจาะ)
  • แล่วยั่งให่ย่อนมา่อีก(แล้วยังให้เดินรำมาอีก)
  • ย่ายกะเหมี้ ๊ยย(ยายก็เหนื่อยนะ)
  • 555
  • ดูแล้วการเข้าใจผิดในแต่ละ Case ที่กล่าวมา ก็ไม่หนักหนาเท่ากับกรณี  "ยากินก่อนนอน" นะคะ น้องสุภัทรา
  • Case ที่คุณหมอบอกคุณยายว่า ก่อนนอนให้กินยา 2 เม็ด โดยคุณหมอได้สั่งยาให้ 14 เม็ดสำหรับกิน 1 อาทิตย์ (เจตนาให้กินก่อนนอน 7 คืนๆ ละ 2 เม็ด) แต่คุณยายได้กลับไปหาคุณหมอในวันรุ่งขึ้น บอกว่ายาหมดแล้วขอยาเพิ่มอีก คุณหมอสงสัยว่ายาหมดได้ยังไง
  • คุณยายบอกว่า ก่อนเข้านอนคืนที่แล้วได้กินยาไป 2 เม็ด แล้วได้ลุกขึ้นมาก่อไฟแก้หนาวให้ควายในคอก ก่อนนอนก็กินไปอีก 2 เม็ด อากาศมันเย็นต้องลุกเข้าห้องน้ำ 3 ครั้ง แต่ละครั้งก่อนเข้านอนก็กินไปอีกครั้งละ 2 เม็ด(รวม 6 เม็ด) ตีสองได้ยินเสีงหมาเห่าจึงลุกออกไปดู ก่อนเข้านอนก็กินไปอีก 2 เม็ด แล้วก็...(คุณยายทำท่าขวยอายเหมือนสาวน้อย)... ค่อนรุ่งตาแก่มันสะกิดเลยต้องตื่นขึ้นมา...ก่อนนอนก็ได้กินยาสองเม็ดสุท้ายนี่ล่ะค่ะ  
  • 
  • ขอบคุณค่ะคุณพี่อาจารย์ผศ.วิไล แพงศรี
  • 555
  • คุณยายเข้านอนวันละหลายรอบอย่างั้นก็เลยยาหมดพอดี
  • ท่าทางคุณยายจะหายร็วนะคะ
  • อากาศหนาวแล้วคุณพี่รักษาสุขภาพด้วยนะคะ
  • คุณพี่เคยบอกว่าพี่เขยเป็นบาหวานท่านไม่กินข้าวเหนียวเลยเพราะมีน้ำตาลสูง
  • น้องคิดว่าที่มีคุณหมอหรือเจ้าหน้าที่บางท่านแนะนำว่าไม่ให้กินข้าวเหนียวนั้น
  • อาจจะเป็นพราะว่าข้าวเหนียวเวลากินก็จกกระติบกินไปเรื่อยๆจึงกินได้เยอะ
  • เลยกินมากไปไม่รู้ตัวก็เลยทำให้น้ำตาลเกิน(ใช้ไม่หมด)ซึ่งน้องว่าถ้าไม่กินมากไป
  • ก็ไม่น่ามีปัญหาค่ะเวลากินข้าวเหนียวก็กำหนดไว้เลยว่าจะกินเท่าไร
  • แล้วก็แบ่งมาใส่กระติบหรือจานของตัวเองแล้วก็ไม่ต้องจกตื่ม
  • ก็ไม่เกินค่ะ หากจะดูว่ากินขนาดไหนถึงจะพอดีก็ลองตรวจเลือดดูค่ะ
  • ดูว่าวันนี้กินยาเบาหวานอยู่เท่านี้แล้วกินข้าวท่านี้กินมันท่านี้กินเนื้อเท่านี้
  • หลังกินข้าวแล้ว๒ชั่วโมงเจาะลือดตรวจดูนำ้ตาลว่าเท่าไรแล้วก็บันทึกไว้ว่าเท่าไร
  • แล้วตัวเองสบายดีอยู่ไหมหิวเร็วไหมหากไม่หิวร็วแล้วน้ำตาลหลังกินข้าว๒ชั่วโมง
  • ไม่เกิน๒๐๐ ก็น่าจะพอดีก็ให้กินข้าวไม่เกินขนาดนี้ทุกวันแต่หากจะกินขนม
  • หรือมันหรือหวานมากก็ต้องลดข้าวลงอีกแล้วก็ลองจดว่ากินไปเท่าไรแล้วตรวจดูเลือดอีกค่ะ
  • ตรวจเลือดถัาอดอาหารไม่เกิน๑๔๐หรือหลังอาหาร๒ชั่วโมงไม่เกิน๒๐๐ก็ถือว่าควบคุมน้ำตาลได้ค่อนข้างดีค่ะ
  • ดังนั้นน้องว่าคนเป็นเบาหวานถ้าอยากกินข้าวเหนียวก็กินได้ค่ะ
  • ถ้ากลัวจะเผลอกินเยอะก็อาจจะสีเป็นข้าวกล้องแล้วหุงข้าวเหนียวกล้องกิน
  • ก็จะอิ่มเร็วกว่าค่ะ  แต่ก็อย่าเผลอตักตื่มอีกล่ะ่ค่ะ่
  • ถ้าจะให้งดข้าวเหนียวไปเลยคนไม่มีข้าวจ้าวก็ลำบากค่ะ
  • น้องจึงว่ากินได้ทุกอย่างแต่อย่ามากเกินเท่านั้นล่ะค่ะ
  • คุณพี่สบายดีนะคะ
  • สวัสดีค่ะ
  • มาแก้คำผิดค่ะ
  • กินข้าวท่านี้กินมันท่านี้ เป็น กินข้าวเท่านี้กินมันเท่านี้
  • หลังกินข้าวแล้ว๒ชั่วโมงเจาะลือดตรวจดูนำตาล แก้เป็น
  • หลังกินข้าวแล้ว๒ชั่วโมงเจาะเลือดตรวจดูน้ำตาล

ขอบคุณเกร็ดเล็กๆ เรื่องคำในการสื่อสาร

นึกถึงที่ชาวเขาทางเหนือบอก ชา นั่นหมายถึงเจ็บ ;-)

  • โอย! ๆๆๆ น้องสุภัทรา มาให้เจาะเลือด เจาะแล้วเจาะอีก ยังงี้ขออย่าเป็นเบาหวานเล้ย พี่น่ะสุดยอดกลัวเข็ม กลัวมีด มีตอนไปคลอด 2 ครั้งเท่านั้นแหละค่ะ ที่ยอมให้หมอฉีด กรีดตามใจชอบ นอกนั้นอย่าหวังเล้ย (แต่ก็บริจาคโลหิตเหมือนกันนะคะ)
  • ขอบคุณมากๆ นะคะ ที่แนะนำอย่างละเอียดเรื่องข้าวเหนียว วิธีการกินข้าวเหนียวไม่ให้ได้รับน้ำตาลมากเกิน และความสัมพันธ์ระหว่างข้าวเหนียวกับโรคเบาหวาน มีประโยชน์จริงๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สำหรับพ่อใหญ่สอที่บ่นทุกครั้งว่า มีปัญหากินข้าวเหนียวจากกระติบ ไม่รู้ว่ากินไปแล้วเท่าไหร่
  • พี่เขยไม่ได้เป็นเบาหวานค่ะ แต่ไม่ยอมกินข้าวเหนียวเพราะกลัวว่าจะเป็นเบาหวาน
  • ลูกสาวแกเป็นหมอ ลูกเขยก็เป็นหมอ ถ้าเป็นก็คงดูแลกันได้ เป็นห่วงเรื่องสุขภาพแกเหมือนกัน ไม่เคยออกแรง ออกกำลังกายเลย แต่ละวันใช้เวลาเกือบทั้งวันอยู่หน้าจอ TV กด Remote ลุกออกมาก็ตอนทานข้าว เข้าห้องน้ำ กับไปตลาดบ้าง เท่านั้น สวนสาธารณะอยู่ใกล้ๆ บอกพี่สาวให้ชวนแกไปเดินสูดอากาสบริสุทธิ์แกก็ไม่ยอมไป ไม่อยาก "เคิก" (คงเข้าใจคำนี้นะคะ) จากจอ TV
  • อากาศหนาวลมแรง พี่มีอาการน้ำมูกใสๆ ไหล พี่ฮิยาแต่จำเป็นต้องใช้คลอเฟฯ ลดน้ำมูก เพราะเมื่อเช้าออกไปส่งพ่อใหญ่สอขึ้นเครื่องไปเชียงใหม่ เพื่อไปเยี่ยมญาติที่ลำพูน เครื่องอุบลฯ-เชียงใหม่มีบริการ วันนี้ครบ 1 เดือนพอดีค่ะ (เริ่มบริการ 16 พ.ย. 54) ขำพ่อใหญ่สอเหมือนกัน ไม่เคยขึ้นเครื่องตามลำพัง ทำให้มีกังวล ทั้งที่เคยบินไปเกาหลี จีน 2 ทัวร์ และพม่าอีก 1 ทัวร์ แต่ก็มีพี่ดูแลทุกครั้ง    
  • ขอบคุณค่ะ คุณหมอป.
  • ที่แวะมาให้กำลังใจและแลกเปลี่ยนค่ะ
  • ยินดีที่ได้รู้จักอาจารย์ คุณหมอค่ะ
  • ชอบบันทึกของคุณหมอค่ะได้เข้าไปอ่านแต่ไม่ได้แสดงความเห็นไว้ค่ะ
  • คุณหมอสบายดีไหมคะ
  • ขอบคุณค่ะ
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท