ความเข้มแข็งของวิชาการด้านเคมีของไทย
รศ. ดร. มงคล รายะนาคร ส่งข้อมูลนี้ให้ผมมานานแล้ว แต่ผมพลาดไป จึงขอนำมาลงบันทึกเผยแพร่ไว้ ตาม อีเมล์ ของท่านดังต่อไปนี้
เรียน ศ. นพ. วิจารณ์ พานิช ที่นับถือ
วันนี้ผมพบข้อมูลที่เป็นข่าวที่น่าสนใจใน Times Higher Education ฉบับ 24 March 2011 นี้เอง ในหัวข้อ Asia-Pacific Nations in Chemistry, 2000-2010 เป็นการวิเคราะห์ผลงานวิจัยในรูปบทความรายงานวิจัยเต็มรูปแบบ ในสาขาวิชาเคมี ช่วงปี ค.ศ. 2000-2010 เมื่อพิจารณาจากดัชนีจำนวนการอ้างอิงต่อบทความ (citations/paper) ซึ่งเป็นดัชนีที่สำคัญทางวิทยาศาสตร์ (Essential Science Indicator) ตามเกณฑ์ของสำนัก Thompson Reuters ปรากฏว่า Top 10 ในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกตามลำดับประเทศและค่าดัชนีการอ้างอิง เป็นดังนี้
1. สิงคโปร์ 12.83
2. ออสเตรเลีย 12.44
3. ญี่ปุ่น 11.78
4. นิวซีแลนด์ 10.67
5. เกาหลีใต้ 9.86
6. ไต้หวัน 9.32
7. ไทย 7.01
8 อินเดีย 6.96
9. จีน 6.86
10. มาเลเซีย 4.19
นับว่าประเทศไทยมีความเข้มแข็งในสาขาเคมีในรอบศตวรรษที่ผ่านมาค่อนข้างมากทีเดียว ดังมีรายละเอียดในไฟล์ที่แนบ อนึ่งถ้าใช้เกณฑ์นี้ในระดับโลกแล้ว ประเทศไทยจะอยู่ในอันดับที่ 37 โดยอินเดีย จีน และมาเลเซีย จะอยู่ในอันดับที่ 38, 39 และ 45 ตามลำดับ อย่างไรก็ดี ถ้าคุณภาพผลงานวิจัยทางด้านเคมีของไทยอยู่ในระดับปกติไม่เข้มข้นขึ้นอีก ก็คงมีโอกาสตามหลังทั้งอินเดียและจีนใน 1-2 ปีแน่นอน
หากอาจารย์จะกรุณาพิจารณาเผยแพร่ข้อมูลดังกล่าวนี้ในวงการที่เกี่ยวข้องของประเทศไทยต่อไป ตามที่อาจารย์จะเห็นสมควร ก็จะขอบพระคุณเป็นอย่างสูงครับ
ด้วยความเคารพและนับถือ
รศ. ดร. มงคล รายะนาคร
Home in Park อ. หางดง จ. เชียงใหม่
หากท่านที่สนใจเอาชื่อหัวข้อข้างบนไปค้นด้วย Google จะเข้าไปอ่านรายละเอียดในต้นฉบับได้ที่นี่ จะเห็นว่าไทยได้อันดับ ๗ ตามน้ำหนักดัชนีการอ้างอิง ซึ่งถือเป็นเกณฑ์คุณภาพ แต่ถ้าดูที่จำนวนบทความ ตีพิมพ์ ไทยเราแพ้อันดับ ๘ และ ๙ คืออินเดียและจีนชนิดไม่เห็นฝุ่นที่เดียว
ที่น่าภูมิใจคือ ความเข้มแข็งของวิชาการสาขาเคมีของ Asia-Pacific ดีขึ้นเรื่อยๆ ใน ๓๐ ปีที่ผ่านมา ตอนนี้ผลงานตีพิมพ์ของภูมิภาคนี้เป็นถึงร้อยละ ๔๓ ของโลก
วิจารณ์ พานิช
๔ ธ.ค. ๕๔
ไม่มีความเห็น