ผมก็ทำ R2R กับ Appreciative Inquiry ครับ..สอนไปทุกครั้งก็จะถามว่า..ชอบเนื้อหาที่ผมสอนตรงไหน..ชอบกระบวนการอะไร
....
..ตัวอย่างครับ..หลายครั้งผมต้องพยายามอธิบายว่า AI คืออะไร ให้กับเพื่อน คณะจารย์ ลูกศิษย์ ในระยะเวลาอันสั้น..ก็เริ่มตั้งแต่ให้นิยาม..AI มาจาก Appreciative Inquiry..ต่อด้วยการพยายามอธิบายว่า..โลกนี้มีอะไรดีๆซ่อนอยู่..
...
ไม่เข้าใจเหรอ...ไม่นะ..สู้ต่อไป..ทาเคชิ...จะพยายาม..ว่าแล้วผมก็อธิบายต่อด้วยทฤษฎีจิตวิทยาบวก...
...
นอกจากสร้างความงุนงงเพิ่มเติมแล้ว..ดูเหมือน..ทุกคนที่ผมเจอ..อยากเลิกคุยเรื่อง AI ซะให้รู้แล้วรู้รอด...
...
ผมรู้สึกว่าผมเจออุปสรรค์สำคัญในชีวิตครับ..คือ..ไม่สามารถอธิบายให้คนเข้าใจได้เลยว่า AI คืออะไร..แต่ก็ต้องเจอสถานการณ์นี้อยู่เป็นประจำ..ทำไงครับ..
...
ก็ R2R มาเรื่อย..ที่สุด..วันหนึ่งระหว่างที่ผมคุยกันเล่นๆ กับลูกศิษย์กลุ่มหนึ่งที่สนิทกัน..ก็มีคนหนึ่งถามว่า AI คืออะไร..คนถามมีบุคลิกกวนๆหน่อย..ผมก็เลยให้นิยามว่า..
...
"คุณเคยถามอะไรชาวบ้านไหม.."
"เวลาถามอะไรกวนๆ คุณจะได้คำตอบแบบไหน.."
"ก็กวนๆครับ"
"ถามอะไรเบลอๆ ได้คำตอบแบบไหน"
"ก็เบลอๆครับ"
"ถามอะไรดีๆ ได้คำตอบแบบไหน"
"ก็คำตอบดีๆสิครับ"
...
นี่ไง AI แต่ไม่ได้แค่คำตอบดีๆ แล้วจบแค่นี้นะ..เราก็เอาเรื่องดีๆ..มาขยายผลให้เกิดเรื่องดีๆมากขึ้นไปอีก..นี่ไง AI"
"อ๋อ"
...
แล้วเราก็ต่อกันติดครับ..พบว่าพอพูดอะไรสนุกๆแบบนี้คนไม่ต่อต้านและไปต่อได้..
...
ตั้งแต่นั้นก็เอาไปใช้ในการสอน อบรมด้าน AI กผมจะเริ่มด้วยประโยคนี้เลยครับ..แล้วค่อยเข้าเนื้อหา..ราบรื่นขึ้นเยอะ...
...
พอเช๊คกลับว่า..ตั้งแต่ที่ผมสอนมาชอบตรงไหน..ก็ได้คำตอบเช่น..
"ชอบตรงที่อาจารย์พูดว่า ถามกวนๆก็ได้คำตอบกวนๆ ถามดีๆก็ได้คำตอบดีๆ หนูเห็นภาพ AI เลยค่ะ อาจารย์"
...
คนทำ AI ก็ต้องทำ R2R ครับ..ถึงจะไปรอด..ไม่งั้น..เหนื่อยครับ...
...
ชีิวิตการทำ AI ของผมราบรื่นมีชีวิตชีวา ได้ผล ต่อติดได้มากขึ้น..ก็เพราะผมทำ R2R กับ AI ของผมเองครับ..
...
คุณล่ะคิดอย่างไร
ถามดีดี ก็จะได้คำตอบดีดี เข้าใจเลยครับ ^^