นั่งเรือไปดูบ้าน ได้เห็นความเป็นอนิจจังหลังน้ำท่วม


ยามนี้ทำให้เข้าใจถึงความเป็นอนิจจังของสรรพสิ่งได้ชัดเจนมากขึ้น ว่าทุกสิ่งย่อม เกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วก็ดับไป เป็นหลักความจริงที่เราไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ พอเราทำใจได้ไม่ยึดติดไปกับมัน ก็รู้สึกโล่ง มองภาพที่เห็นเป็นเรื่องธรรมดาๆ

        บ้านน้อยหลังนี้สุขีเสียจริง  ปลูกไว้สมใจทุกสิ่ง  สวยจริงเป็นบ้านสีฟ้า
    เปิดหน้าต่างมองดู  ดอกไม้สวยหรูงามตา  ใครๆที่ผ่านไปมา  ต่างยืนจ้องแอบ
    มองไม่เว้น...
      

     
   สามปีผ่านไปหลังเกษียณ(ตั้งแต่ พ.ศ. 2551)  ผมได้ใช้ชีวิตอย่างพอเพียง สงบ และมีความสุข ที่บ้านน้อยหลังนี้   แต่พอถึงกลางเดือนตุลาคม 2554  สรรพสิ่งทั้งหลายก็พลันเปลี่ยนไป จากอุทกภัยที่โหมกระหน่ำเข้ามาโดยไม่ได้ตั้งตัว       
       หลังจากน้ำท่วมบ้านมานานร่วมสองเดือน  ผมก็ไม่สามารถไปเยี่ยมบ้านน้อยหลังนี้ได้อีกเลย  จนเมื่อวานนี้ผมได้โทรถามเพื่อนบ้านใกล้เคียง  ทราบว่าน้ำเริ่มลดลงไปบ้างแล้ว  ถนนบ้านกล้วย-ไทรน้อยรถสามารถวิ่งไปได้(รถโดยสาร)  ผมเลยนั่งรถโดยสารไปดูสภาพบ้านให้เห็นกับตา
    ต้องขึ้นรถโดยสารไปหลายต่อ  เส้นทางบางตอนขรุขระ มีฝุ่นฟุ้งกระจาย สองข้างถนนบางช่วงมีซากกระสอบทราย บิ๊กแบ็กกองเป็นแนว  รวมทั้งกองขยะสูงพะเนิน บางช่วงรถยังต้องลุยน้ำอยู่บ้าง  พอลงปากซอยเข้าบ้าน  ก็ต้องเดินลุยน้ำเข้าไปในซอยเกือบครึ่งแข้ง  แต่ยังดีที่มีรถมอเตอไซด์รับจ้างให้นั่งเข้าไป  ซึ่งก็ไปได้ไม่ไกล  เพราะน้ำยังท่วมสูงอยู่(เขาบอกว่าลดไปเยอะแล้ว)  
    
     มองจากริมถนนผ่านท้องทุ่งที่เป็นผืนน้ำเหมือนทะเลสาบ เห็นบ้านของตนอยู่ไกลลิบ แต่ก็ยังไปไม่ได้
    
       โชคดีที่มีบ้านริมถนนหลังหนึ่งเขามีเรือรับจ้างพาไปดูบ้าน  นั่งเรือมาไกลโข เหมือนกับอยู่กลางทะเล  มองซ้ายมองขวากลัวไอ้เข้โผล่มาให้เห็น  เขาพาลัดเลาะเข้าไปได้แค่ใกล้หลังบ้าน  เขาอาสาว่าจะพาลุยเข้าไปในบ้านเลย  แต่ผมห้ามไว้ เพราะเป็นเรือโลหะเกรงถูกไฟฟ้าดูด  จึงลอยเรืออยู่ใกล้ริมรั้วหลังบ้าน
    
      นั่งปลงอนิจจังดูสภาพภายในบริเวณบ้าน ตอนนี้น้ำลดลงไปมากแล้ว  เหลือประมาณ 60 ซ.ม. ต้นไม้ที่ปลูกไว้ยืนต้นเฉาตายไปทั่วทั้งบริเวณ  ดงกล้วยหักพับลงมากองเรี่ยน้ำ ดูระเกะระกะไปหมด  มองไปที่ใดก็ไม่เหลือความเจริญตาแต่เดิมให้เห็น
     
      ยามนี้ทำให้เข้าใจถึงความเป็นอนิจจังของสรรพสิ่งได้ชัดเจนมากขึ้น ว่าทุกสิ่งย่อม เกิดขึ้น  ตั้งอยู่  แล้วก็ดับไป เป็นหลักความจริงที่เราไม่อาจหลีกเลี่ยงได้  พอเราทำใจได้ไม่ยึดติดไปกับมัน ก็รู้สึกโล่ง มองภาพที่เห็นเป็นเรื่องธรรมดาๆ  
     ...หลังน้ำลด เราก็ปลูก  ดูแลขึ้นมาใหม่  มันก็เท่านั้นเอง จะได้มีกิจกรรมทำไงล่ะ...

 

หมายเลขบันทึก: 470151เขียนเมื่อ 3 ธันวาคม 2011 10:39 น. ()แก้ไขเมื่อ 19 มิถุนายน 2012 16:59 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (8)

ขอให้กำลังใจค่ะ สวนที่บ้านเน่าตายไปเหมือนกันค่ะ ถือโอกาส big cleaning day ในช่วงหลายปีด้วย

อาจารย์ธเนศค่ะ บ้านสวยน่ารักน่าอยู่ดูสงบและมีความสุขมากเลยนะค่ะ โดนน้ำท่วมหนักนะค่ะขนาดยกใต้ถุนแล้วด้วย ถือโอกสา Big cleaning day อย่างที่พี่ใหญ่ว่านะค่ะ

สวัสดีค่ะ

  • เป็นกำลังให้ค่ะ...คนน้ำท่วมเหมือนกัน...
  • หลังน้ำลดบ้านอาจารย์น่าอยู่จังค่ะ....
  • ขอให้โชคดีเข้ามาเยือนค่ะ.

บ้านสีขาวหลังนี้ดูสวยดีนะคะ หลังน้ำลดปรับปรุงสวนบริเวณบริเวณบ้านเสียใหม่ ก็น่าจะเพลิดเพลินดีออกค่ะอาจารย์ ใครๆเค้าก็ท่วมกัน

บ้านผมก็ไม่ต่างกันครับอาจารย์ ผมอยู่บางใหญ่

ขอบคุณที่ให้กำลังใจซึ่งกันและกัน พอเกิดเวทนา เราไม่ไปปรุงแต่งมันให้เกิดความทุกข์ มันก็เท่านั้นเองนะ

ขอเป็นกำลังใจให้อาจารย์ด้วยครับ

เราปลูกต้นไม้และดูแลเขาด้วยใจรัก เมื่อเขาตายไปก็ช่วยสอนเราให้เกิดปัญญาว่าทุกสิ่งไม่เที่ยงแท้แน่นอน ก็ได้ฌาปนกิจเขาด้วยตนเอง และตอนนี้ได้ปลูกขึ้นมาใหม่แล้ว และกำลังเฝ้าดูแลเขาอีก วันหน้าจะส่งรูปมาให้ดูต้นไม้ที่ปลูกขึ้นมาใหม่ครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท