1. การค้าบริเวณชายแดนไทย - สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว
ประเทศไทยและสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวมีบริเวณพรมแดนติดต่อกันโดยมีแม่น้ำโขงเป็นพรมแดนตามธรรมชาติ
การค้า
บริเวณพรมแดนติดต่อระหว่างประเทศไทยและสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวสามารถดำเนินการได้หลายแนวทาง
เช่น
1.1.
ด้านศุลกากร
เป็นหน่วยงานภายใต้การดำเนินการของกรมศุลกากรมีหน้าที่ปฏิบัติงานด้านการนำเข้าและส่งออกสินค้า
โดยผ่าน พิธีการด้านศุลกากร ด่านศุลกากรเปิดดำเนินการตั้งแต่เวลา 8.00
น. ถึง 18.00 น. บริเวณพรมแดนไทยและ
สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวที่มีการ
จัดตั้งด่านศุลกากร ได้แก่ จังหวัดดังต่อไปนี้ คือ เชียงราย อุบลราชธานี เลย
หนองคาย นครพนม น่าน อุตรดิตถ์ พะเยา และมุกดาหาร
1.2.
จุดผ่อนปรน
เป็นบริเวณชายแดนที่มีการอนุญาตให้ประชาชนทั้งสองประเทศเดินทางผ่านเข้าออกเพื่อการค้าได้
โดยมี การกำหนดประเภทของสินค้า
มูลค่าสินค้า และระยะเวลาปฏิบัติการ
ซึ่งเป็นข้อตกลงร่วมกันระหว่างประเทศไทยและ สาธารณรัฐประชาธิปไตย
ประชาชนลาว
บริเวณพรมแดนไทยและสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวที่มีการจัดตั้งจุดผ่อนปรนทางการค้าได้แก่
จังหวัดต่าง ๆคือ เชียงราย อุบลราชธานี เลย หนองคาย น่าน พะเยา
และอุตรดิตถ์
1.3.จุดผ่านแดนชั่วคราว
เป็นบริเวณพรมแดนที่กระทรวงมหาดไทยกำหนดให้ดำเนินการซื้อขายสินค้า
ข้ามพรมแดนได้ตาม ระยะเวลาที่กำหนดไว้
บริเวณที่มีการจัดตั้งเป็นจุดผ่านแดนชั่วคราว ได้แก่ อำเภอท่าอุเทน
จังหวัดนครพนม
2. รูปแบบการค้า
2.1.
การนำเข้าและส่งออกตามชายแดน
(1)
การค้าในระบบเป็นการนำเข้าและส่งออกโดยผ่านพิธีการศุลกากร
ซึ่งการซื้อสินค้าในแต่ละครั้งที่มีมูลค่าไม่เกินครั้งละ
500,000
บาท ผู้ค้ารายย่อยของลาวจะนำเข้าสินค้าจากไทยในนามของบริษัทที่ได้รับใบอนุญาตให้เป็นผู้นำเข้าและส่งออก
โดยจะเสียค่าธรรมเนียม ให้กับบริษัทฯดังกล่าว
(2) การค้าชายแดนนอกระบบ
เป็นการลักลอบค้าขายโดยอาศัยช่องทางความสะดวกของภูมิประเทศ
ตามแนวชายแดน ที่ติดกัน
โดยไม่ผ่านศุลกากร โดยการค้านอกระบบนี้มูลค่าประมาณร้อยละ
70 ของการค้าชายแดนโดยรวม
2.2.
ลักษณะของผู้นำเข้า-ส่งออก
ผู้ที่ทำการค้าตามแนวชายแดนไทย-ลาว
สามารถทำการค้าขายได้โดยเสรี โดยกรมการค้า
ต่างประเทศได้ออกประกาศยกเลิก การจดทะเบียนเป็นผู้ทำการค้ากับลาว
ตั้งแต่วันที่ 27 มกราคม 2540 แล้ว
-
นิติบุคคลต้องจดทะเบียนพาณิชย์ที่กรมทะเบียนการค้า
กระทรวงพาณิชย์ หรือสำนักงานทะเบียนการค้าจังหวัด
- บุคคลทั่วไป
ถ้าเป็นร้านค้าจะต้องจดทะเบียนพาณิชย์
แต่ถ้าเป็นแผงลอยสามารถทำการค้าขายได้ โดยไม่ต้องจดทะเบียน
ซึ่งการซื้อขายแลกเปลี่ยนในแต่ละครั้งจะมีจำนวนไม่มากนัก
2.3. รูปแบบการชำระเงิน
การค้าตามแนวชายแดนไทย-ลาว
พบว่าการซื้อขายสินค้าในปัจจุบันจะชำระด้วยเงินสด
หรือวิธีโอนเงินผ่านธนาคาร (Telegraphic Transfer)
โดยสกุลเงินที่นิยมนำมาใช้คือเงินสกุลเหรียญสหรัฐฯ
และเงินสกุลบาทของไทย ส่วนสกุลเงินกีบของลาว จะนำมาใช้น้อยมาก
เนื่องจากเงินกีบของลาวขาดเสถียรภาพ
3. ช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้าชายแดนไทย-ลาว
ในการนำเข้าสินค้าตามแนวชายแดนไทย-ลาว ผู้นำเข้าส่วนใหญ่จะเป็นผู้รับจ้างลักลอบสินค้าเพื่อนำไปส่งให้กับ
ร้านค้า
ในนครหลวงเวียงจันทน์และแขวงต่างๆตามชายแดนของลาว
จุดการค้าและเส้นทางการค้า
ประเทศไทยมีแนวชายแดนติดต่อกับประเทศสปป.ลาว
เป็นระยะทางยาว 1,810 กิโลเมตร มีเขตติดต่อกับจังหวัดชายแดน 11
จังหวัด คือ หนองคาย, มุกดาหาร,
อุบลราชธานี, นครพนม, เลย, น่าน, พะเยา,
อุตรดิตถ์, เชียงราย, พิษณุโลก และอำนาจเจริญ
(จังหวัดอุบลราชธานี มีแนว ชายแดนติดกับประเทศลาวและกัมพูชา )
โดยผ่านช่องทางการค้าชายแดน จำนวน 36 แห่ง
เป็นจุดผ่านแดนถาวร 13 แห่ง จุดผ่านแดนชั่วคราว 2
แห่ง และจุดผ่อนปรน 21 แห่ง ดังนี้
1. จุดผ่านแดนถาวร จำนวน 13 แห่ง
มีดังนี้
(1) ด่านสะพานมิตรภาพไทย-สปป.ลาว อำเภอเมือง
จังหวัดหนองคาย - เมืองหาด ทรายฟอง นครหลวงเวียงจันทน์
(2) ด่านท่าเสด็จ อำเภอเมือง จังหวัดหนองคาย -
ด่านท่าเดื่อ นครหลวงเวียงจันทน์
(3) ด่านบึงกาฬ อำเภอบึงกาฬ จังหวัดหนองคาย-เมืองปากซัน
แขวงบอลิคำไซ (เส้นทางไปเวียดนาม ตามถนนหมายเลข 8)
(4) ด่านช่องเม็ก อำเภอสิรินธร จังหวัดอุบลราชธานี -
บ้านวังเต่า เมืองปาเซ แขวงจำปาสัก
(5) ด่านบ้านปากแซง กิ่งอำเภอนาตาล จังหวัดอุบลราชธานี -
เมืองละคอนเพ็ง แขวงสาละวัน
(6) ด่านอำเภอเมือง จังหวัดนครพนม - เมืองท่าแขก
แขวงคำม่วน
(7) ด่านอำเภอเมือง จังหวัดมุกดาหาร - เมืองคันทะบุรี
แขวงสะหวันนะเขต
(8) ด่านอำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย - เมืองห้วยทราย
แขวงบ่อแก้ว
(9) ด่านอำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย - เมืองต้นผึ้ง
แขวงบ่อแก้ว
(10) ด่านบ้านปากห้วย อำเภอท่าลี่ จังหวัดเลย -
เมืองแก่นท้าว แขวงไชยะบุรี
(11) ด่านบ้านเชียงคาน อำเภอเชียงคาน จังหวัดเลย -
เมืองสานะคาม แขวงเวียงจันทน์
(12) ด่านบ้านคกไผ่ อำเภอปากชม จังหวัดเลย - บ้านวัง
เมืองสานะคาม แขวงเวียงจันทน์
(13) ด่านห้วยโก๋น อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดน่าน -
เมืองเงิน แขวงไชยะบุรี
2. จุดผ่านแดนชั่วคราว
มีจำนวน 2 แห่ง ดังนี้
จังหวัดนครพนม
(1) ม. 3 ต.ท่าอุเทน อ.ท่าอุเทน - เมืองหินปูน
แขวงคำม่วน
(2) ม.7 ต.บ้านแพง อ.บ้านแพง - บ้านบุ่งกวาง
เมืองปากกระดิ่ง แขวงบอลิคำไซ
3. จุดผ่อนปรน มีจำนวน 21
แห่ง ดังนี้
จังหวัดเชียงราย
(1) บ้านแจมป๋อง ต.หล่ายงาว กิ่งอ.เวียงแก่น - บ้านด่าน
เมืองห้วยทราย แขวงบ่อแก้ว
(2) บ้านร่มโพธิ์ทอง อ.เทิง - บ้านปางไฮ เมืองคอบ
แขวงไชยะบุรี
(3) บ้านสวนดอก อ.เชียงแสน - บ้านสีเมืองงาม
แขวงบ่อแก้ว
(4) บ้านสบรวก อ.เชียงแสน - บ้านเมืองมอม เมืองต้นผึ้ง
แขวงบ่อแก้ว ( เป็นจุดผ่อนปรนระหว่างไทย - พม่า ด้วย )
จังหวัดพะเยา
(5) บ้านฮวก ต.ภูซาง กิ่งอำเภอภูซาง - บ้านปางมอน
เมืองเชียงฮ่อน แขวงไชยะบุรี
จังหวัดน่าน
(6) บ้านห้วยสะแตง ต.งอบ อ.ทุ่งช้าง - บ้านป่าหว้าน
เมืองเชียงฮ่อน แขวงไชยะบุรี
(7) บ้านใหม่ชายแดน ต.ชนแดน อ.สองแคว - บ้านเตสอง
เมืองเชียงฮ่อน แขวงไชยะบุรี
จังหวัดอุตรดิตถ์
(8) บ้านห้วยต่าง ต.บ้านโคก อ.บ้านโคก - บ้านขอนแก่น
เมืองบ่อแตน แขวงไชยะบุรี
(9) บ้านภูดู่ ต.ม่วงเจ็ดต้น อ.บ้านโคก - บ้านผาแก้ง
(บ้านบวมลาว) เมืองปากลาย แขวงไชยะบุรี
จังหวัดเลย
(10) บ้านเหมืองแพร่ ต.นาแห้ว อ.นาแห้ว - บ้านเหมืองแพร่
เมืองบ่อแตน แขวงไชยะบุรี
(11) บ้านนาข่า ต.ปากหมัน อ.ด่านซ้าย - บ้านนาข่า
เมืองบ่อแตน แขวงไชยะบุรี
(12) บ้านนากระเซ็ง ต.อาฮี อ.ท่าลี่ - บ้านเมืองหม้อ
เมืองแก่นท้าว แขวงไชยะบุรี
จังหวัดนครพนม
(13) ด่านศุลกากร อ.ท่าอุเทน - บ้านหินบูน เมืองหินบูน
แขวงคำม่วน (ครม.มีมติ 8 เม.ย. 32 ให้เป็นด่านถาวร
แต่ลาวยังไม่พร้อม)
(14) บ้านดอนแพง ต.บ้านแพง อ.บ้านแพง - บ้านบุ่งกวาง
เมืองปากกะดิ่ง แขวงบอลิคำไซ
(15) บ้านธาตุพนม ต.ธาตุพนม อ.ธาตุพนม - บ้านปากเซบั้งไฟ
เมืองหนองบก แขวงคำม่วน (ครม.มีมติ 8 เมย. 32
ให้เป็นด่านถาวรแต่ลาวยังไม่พร้อม)
จังหวัดอุบลราชธานี
(16) หน้าที่ว่าการ อ.เขมราฐ - บ้านนาปากซัน เมืองสองควน
แขวงสะหวันนะเขต
(17) บ้านสองคอน ต.สองคอน อ.โพธิ์ไทร - บ้านหนองแสง
บ้านกะลา บ้านดอนเฮือ เมืองละคอนเพ็ง แขวงสาละวัน
(18) บ้านด่านเก่า ต.โขงเจียม อ.โขงเจียม - บ้านสีสัมพัน
เมืองชะนะสมบูน แขวงจำปาสัก
(19) บ้านหนองแสง (บริเวณช่องตาอุ) ต.โพนงาม อ.บุณฑริก -
บ้านเหียง เมืองสุขุมา แขวงจำปาสัก
จังหวัดหนองคาย
(20) บ้านเปงจาน ต.โพนแพง กิ่งอำเภอรัตนวาปี - บ้านทวย
เมืองท่าพระบาท แขวงบอลิคำไซ
(21) บ้านบุ่งคล้า อ.บุ่งคล้า - บ้านปากกะดิ่ง
เมืองปากกะดิ่ง แขวงบอลิคำไซ
ขอแสดงความคิดเห็นเพี่มเติมดั่งนี้ครับ..
สถานะความร่วมมือ พัฒนาการที่สำคัญของความสัมพันธ์ไทย-ลาวได้แก่การประชุมคณะรัฐมนตรีร่วมไทย-ลาวอย่างไม่เป็นทางการ เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2547 ณ แขวงจำปาสัก และจังหวัดอุบลราชธานีซึ่งเป็นการประชุม ครั้งประวัติศาสตร์ ทั้งสองฝ่ายสามารถหารือในปัญหาที่คั่งค้างเป็นเวลานานได้อย่างตรงไปตรงมา และหาทางออกที่เหมาะสมร่วมกันได้ และได้ผลักดันความร่วมมือในระยะต่อไปเพื่อผลประโยชน์ร่วมกันโดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งสองฝ่ายได้นำผลการประชุมดังกล่าวมาปฏิบัติจนมีผลคืบหน้า สรุปได้ ดังนี้
ด้านการเมืองและความมั่นคง
•
ความร่วมมือด้านการทหาร กองทัพไทย-ลาวมีความสัมพันธ์ที่ดีทั้งในระดับส่วนกลางและท้องถิ่น สามารถแก้ไขปัญหาและเสริมสร้างความมั่นคงทำให้พื้นที่บริเวณชายแดนไทย-ลาวส่วนใหญ่ มีความสงบเรียบร้อยดี พัฒนาการที่สำคัญ ได้แก่ การลงนามความตกลงว่าด้วยความร่วมมือด้านความมั่นคงบริเวณชายแดนไทย-ลาว ระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงป้องกันประเทศเมื่อเดือนตุลาคม 2546 ที่กรุงเทพมหานคร เพื่อเป็นกรอบในการปฏิบัติงานให้ชายแดนไทย-ลาวเป็นชายแดนแห่งมิตรภาพ สันติภาพ และความมั่นคง โดยขณะนี้กองทัพไทย-ลาวอยู่ระหว่างจัดทำแผนงานประกอบ ความตกลงเพื่อนำสู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม
ปัญหาการค้าไทย-สปป.ลาว และแนวทางแก้ไข
1. ปัญหาและอุปสรรค
1.1 การผ่านเข้า-ออก สปป.ลาว และระหว่างแขวงต่าง ๆ ในสปป.ลาว ยังไม่สะดวกและคล่องตัวเท่าที่ควร การเปิดจุดผ่านแดนถาวรเพิ่มเติม ยังไม่สามารถดำเนินการได้ เนื่องจากข้อจำกัดของทั้งสองฝ่าย
1.2 ระบบการค้าระหว่างประเทศของสปป.ลาวยังไม่เป็นสากลและไม่มีความแน่นอน มีการเปลี่ยนแปลงนโยบาย กฎระเบียบบ่อยครั้ง มีการเข้มงวดในการนำเข้าสินค้า โดยกำหนดเป้าหมายที่จะลดภาวะเงินเฟ้อภายในประเทศ มีการจำกัดโควต้าสินค้าที่จะนำเข้าเช่น ปูนซีเมนต์ น้ำมันพืช และเหล็กเส้น เป็นต้น นอกจากนี้ยังทำให้เกิดมาตรการที่มิใช่ภาษีด้านอื่นๆเช่น การนำเข้าสินค้าไป สปป.ลาว ผู้นำเข้าจะต้องติดต่อและประสานงานกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกระทรวงที่เกี่ยวข้อง ทำให้เกิดความล่าช้า การนำเข้า-ส่งออก จะต้องได้รับอนุญาตจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและต้องวางเงินค้ำประกัน และสามารถนำเข้าและส่งออกได้เฉพาะสินค้าในหมวดที่ได้รับอนุญาตเท่านั้น
1.3 ทัศนคติเชิงลบต่อประเทศไทย ทำให้ลาวดำเนินนโยบายการค้า โดยเน้นการเสริมสร้างความสัมพันธ์และให้ความสำคัญกับประเทศจีนและเวียดนาม ให้สิทธิพิเศษต่างๆโดยการลดภาษีและค่าธรรมเนียม
1.4 ผู้ประกอบการรายย่อยที่จะนำเข้า-ส่งออก สินค้าที่ไม่มีใบอนุญาต ต้องอาศัยการนำเข้า-ส่งออก ผ่านบริษัทที่มีใบอนุญาต และเสียค่านายหน้าเฉลี่ย 2-3% ทำให้ต้นทุนสินค้าสูง
1.5 ค่าขนส่ง และค่าบริการในการนำเข้า-ส่งออก ค่อนข้างสูง ประกอบกับความตกลงขนส่งสินค้าผ่านแดนไทย-สปป.ลาวยังมีปัญหา เนื่องจากสินค้าจากสปป.ลาวผ่านไทยไปประเทศที่สามไม่มีการเก็บค่าธรรมเนียม แต่ในทางกลับกันสินค้าจากไทยผ่านสปป.ลาวไปยังประเทศที่สาม ยังถูกเก็บค่าธรรมเนียม นอกจากนี้ เส้นทางคมนาคมยังทุรกันดาร เป็นอุปสรรคต่อการขนส่งสินค้า และเป็นลักษณะผูกขาด
1.6 สปป.ลาวขอให้ผู้ประกอบการไทยรับชำระค่าสินค้าเป็นเงินกีบ แต่ในขณะเดียวกันขอให้พ่อค้าไทยชำระค่าสินค้าสปป.ลาวเป็นเงินเหรียญสหรัฐ ทำให้เป็นปัญหาที่จะค้ากับสปป.ลาวด้วยเงินกีบ
1.7 การค้านอกระบบส่งผลกระทบต่อผู้ที่เป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าของไทยที่อยู่ในสปป.ลาว เนื่องจากสินค้าที่ลักลอบนำเข้ามีต้นทุนต่ำกว่า ตัวแทนจำหน่ายที่ถูกต้องในระบบไม่สามารถแข่งขันได้ ส่งผลให้ผู้ทำการค้าลาวไม่สนใจที่จะเป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าที่มาจากประเทศไทย เว้นแต่สินค้าที่มีข้อจำกัดไม่สามารถขนถ่ายโดยใช้เรือเล็กได้
1.8 จุดผ่านแดนบางจุดที่มีปริมาณการค้าเพิ่มมากขึ้น แต่ยังไม่ได้เป็นด่านถาวร เช่นด่านศุลกากรอำเภอบึงกาฬ และด่านปากชัน แขวงบริคำไซ ทำให้ขาดกลไกการรองรับการขยายตัวทางการค้าที่เพิ่มขึ้น
1.9 การขนถ่ายสินค้าของสปป.ลาว เน้นการใช้แรงงานคนมากกว่าเครื่องจักร ทำให้เกิดการเสียเวลา เป็นเหตุให้การขนถ่ายสินค้าไม่เสร็จทันตามกำหนด ส่งผลให้บริษัทรับขนส่งสินค้าขาดทุนและไม่ยอมรับงาน
1.10 การเดินทางเข้า-ออก ระหว่างไทย-สปป.ลาว ต้องมีวีซ่า ทำให้เป็นอุปสรรคต่อการท่องเที่ยวและการลงทุน โดยเฉพาะจังหวัดหนองคายกับเวียงจันทน์ ซึ่งมีปริมาณการเดินทางผ่านเข้า-ออกจำนวนมาก
2. แนวทางแก้ไข
2.1 แสดงความจริงใจในการให้ความช่วยเหลือสปป.ลาวให้เกิดผลเป็นรูปธรรม ซึ่งประเทศไทยได้ดำเนินการไปแล้วหลายช่องทาง อาทิ การลดภาษีสินค้าเกษตรนำเข้าภายใต้ WTO 23 รายการ การลดภาษีสินค้าวัตถุดิบและเกษตรอื่นๆ 39 รายการ การให้สิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร (AISP) 24 รายการ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2545 เป็นต้นมา และการให้ความช่วยเหลือทางวิชาการในด้านต่างๆ เป็นต้น ทั้งนี้เพื่อเป็นการสร้างทัศนคติที่ดีต่อกัน
2.2 สนับสนุนนักลงทุนไทยที่ไปลงทุนในสปป.ลาว โดยรัฐบาลควรพิจารณาให้ธนาคารซึ่งรัฐบาลเป็นผู้บริหารเช่น ธนาคารกรุงไทย รับซื้อเอกสารทางการเงินที่ออกและรับรองโดยรัฐบาลสปป.ลาว
2.3 ควรร่วมมือกันในการผลิตสินค้าเกษตรในสปป.ลาว เพื่อเป็นแหล่งวัตถุดิบ เพราะสปป.ลาวมีพื้นที่ว่างเปล่าจำนวนมากที่เหมาะสำหรับทำเกษตรกรรม
2.4 ควรพิจารณาแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง และรวดเร็ว โดยเฉพาะปัญหาที่เกิดขึ้นในระดับท้องถิ่น ไม่ควรปล่อยให้เนิ่นนาน เพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมากยิ่งขึ้น เนื่องจาก ขณะนี้เจ้าหน้าที่ระดับสูงของสปป.ลาวได้มีความสัมพันธ์ที่ดีมากกับเวียดนาม
2.5 มีส่วนร่วม และชักชวนประเทศที่สามหรือมูลนิธิต่างประเทศ เพื่อเข้าไปพัฒนาระบบโครงสร้าง
พื้นฐานในลาว
2.6 พิจารณา ส่งเสริมด้านการค้าชายแดนอย่างจริงจัง โดยมีนโยบายและการดำเนินการที่ชัดเจนตลอดจนการประสานระหว่างหน่วยงานภาคราชการและเอกชนของไทย ในการแก้ไขปัญหาต่างๆ ให้เป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น และร่วมมือกันในการกำจัดการค้านอกระบบ
ไม่เหนพูดถึงกฎหมายเศรษฐกิจระหว่างประเทศเลยซักนิด
hello...teacher BOUNMY.....I REALLY respect your idea that you make a new teaching to 4ir..........
<a href="http://blackfridayrobomower.us/blackfridayc-BLACK_FRIDAY_RoboMower_rm200.html">BLACK FRIDAY ROBOMOWER</a><a href="http://blackfridayrobomower.us/blackfridaye-BLACK_FRIDAY_RoboMower_rl850.html">BLACK FRIDAY ROBOMOWER</a><a href="http://blackfridayrobomower.us/blackfridayf-BLACK_FRIDAY_RoboMower_rl2000.html">BLACK FRIDAY ROBOMOWER</a>