ความจำเป็นของการศึกษากฎหมายระหว่างประเทศแผนกคดีบุคคล
ปัจจุบันความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีของโลกมีเพิ่มมากขึ้น บุคคลคนหนึ่งอาจมีชีวิตเกี่ยวข้องกับหลายๆ ประเทศไปพร้อมๆ กัน กฎหมายระหว่างประเทศแผนกคดีบุคคลจึงเป็นกฎหมายที่ใช้บังคับต่อนิติสัมพันธ์ของเอกชนที่มีลักษณะระหว่างประเทศ และนิติสัมพันธ์ในลักษณะนี้มักจะเกิดขึ้นอยู่เป็นประจำในเหตุการณ์ปัจจุบัน ซึ่งเราจะเห็นคนต่างด้าวในประเทศไทยเป็นจำนวนมากพอๆ กับที่มีคนไทยอยู่ในต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น ความสัมพันธ์ระหว่างคนต่างสัญชาติ หรือต่างภูมิลำเนา หรือจะเป็นความสัมพันธ์ระหว่างรัฐกับเอกชนต่างด้าว หรือความสัมพันธ์ที่เกิดในประเทศหนึ่งแต่ผลของความสัมพันธ์ หรือการปฏิบัติการ กลับไปเกิดอีกประเทศหนึ่ง ทำให้กฎหมายระหว่างประเทศแผนกคดีบุคคลจึงมีความจำเป็นต่อชีวิตของบุคคลที่มีชีวิตระหว่างประเทศในสังคมปัจจุบันอย่างมาก
กฎหมายระหว่างประเทศแผนกคดีบุคคลมีความสำคัญกับสังคมปัจจุบันอย่างไร
กฎหมายระหว่างประเทศแผนกคดีบุคคลจะมีความจำเป็นหรือความสำคัญมากต่อบุคคลที่มีชีวิติระหว่างประเทศ ซึ่งบุคคลหรือเอกชนเหล่านี้ ถือเป็นวัตถุแห่งกฎหมายระหว่างประเทศแผนกคดีบุคคลที่สำคัญ ซึ่งผู้ทรงสิทธิตามกฎหมายระหว่างประเทศแผนกคดีบุคคล คือ บุคคลตามกฎหมายเอกชนภายในของรัฐ
โดยหลัก เอกชนหนึ่งย่อมตกอยู่ภายใต้อำนาจอธิปไตยของรัฐใน สอง ลักษณะ คือ อำนาจอธิปไตยเหนือดินแดนของรัฐ และอำนาจอธิปไตยเหนือบุคคล การที่เอกชนเข้าไปอยู่ในดินแดนของรัฐใด เอกชนนั้นจะตกอยู่ภายใต้อำนายอธิปไตยเหนือดินแดนของรัฐนั้น และจะต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดของกฎหมายของรัฐนั้น
ปัจจุบัน เราจะพบบุคคลที่เป็นคนต่างด้าวและบุคคลที่เป็นพลเมืองของรัฐเจ้าของดินแดน ซึ่งทั้งสอง อาจมีความเกี่ยวข้องสัมพันธ์กัน โดยเอกชนที่เป็นพลเมืองของรัฐนั้น ก็จะมีสัญชาติของรัฐนั้น หรือที่เรียกว่า “คนชาติ” (National) ของรัฐนั้น ส่วนเอกชนที่ไม่มีสัญชาติของรัฐที่ตนเข้าไปอยู่บนดินแดนนั้น จะเรียกว่า “ต่างด้าว” (alien) ดังนั้น “สัญชาติ” จึงเป็นวัตถุในการจัดสรรเอกชนระหว่างประเทศ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในการเรียนวิชากฎหมายระหว่างประเทศแผนกคดีบุคคล เพราะสัญชาติเป็นตัวกำหนดสถานภาพของบุคคลภายใต้กฎหมายของรัฐนั้นๆ
และ “ภูมิลำเนา” ก็เป็นวัตถุในการจัดสรรเอกชนระหว่างประเทศควบคู่ไปกับ “สัญชาติ” ซึ่งบุคคลต่างด้าวนั้น อาจเข้ามามีภูมิลำเนาในประเทศหนึ่งประเทศใดก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นการชั่วคราว หรือถาวรก็ตาม ภูมิลำเนาจึงมีบทบาทในการกำหนดสถานภาพของบุคคลภายใต้กฎหมายของรัฐด้วย กฎหมายระหว่างประเทศแผนกคดีบุคคล จึงมีความสำคัญต่อการศึกษาสถานภาพของบุคคลต่างด้าวที่อยู่ในประเทสไทย และต่อการศึกษาสถานภาพของบุคคลไทยที่อยู่ในต่างประเทศ เช่นกัน ในกรณีเกิดประเด็นข้อพิพาทเกี่ยวกับเอกชนในทางระหว่างประเทศ ถ้าข้อพิพาทของเอกชนนั้น เกี่ยวข้องกับรัฐตั้งแต่สองรัฐขึ้นไป จึงเป็นข้อพิพาทของเอกชนที่มีลักษณะระหว่างประเทศ และเป็นสถานการณ์ที่เรียกว่า “การขัดกันแห่งกฎหมาย” (Conflict of Laws) ขึ้น ซึ่งจะเกิดปัญหาว่าเราจะใช้กฎหมายของประเทศใดในการกำหนดหรือระงับข้อพิพาทของเอกชนที่มีลักษณะระหว่างประเทศ การใช้กฎหมายของรัฐหนึ่งอาจจะดูไม่เป็นธรรมแก่คู่กรณีอีกฝ่ายหนึ่งซึ่งเป็นคนต่างด้าวเป็นแน่แท้ การที่จะให้รัฐแต่ละฝ่ายใช้กฎหมายของตนตามอำเภอใจก็ไม่ใช่วิธีที่ดีที่สุด เพราะข้อพิพาทอาจไม่ถูกระงับและอาจไม่เป็นธรรมได้ ซึ่งก็เป็นวิธีการหลักของนานาประเทศ ก็คือ การใช้กฎหมายระหว่างประเทศในการระงับข้อพิพาท ในกรณีที่เกิดปรากฏการณ์ที่เรียกว่า “การขัดกันแห่งกันกฎหมาย” ขึ้น
จึงอาจกล่าวได้ว่า กฎหมายระหว่างประเทศแผนกคดีเป็นกฎหมายที่มีความสำคัญและจำเป็นกับบุคคลที่มีชีวิตระหว่างประเทศมากที่สุด ซึ่งในปัจจุบัน เรามีการติดต่อกับต่างประเทศมากขึ้นเพียงใด การเกิดข้อพิพาทระหว่างกันก็ย่อมจะต้องมีขึ้นบ้าง
ดังนั้น กฎหมายระหว่างประเทศแผนกคดีบุคคลจึงเป็นกฎหมายที่จะกำหนดสถานภาพของเอกชนที่มีลักษณะระหว่างประเทศ อีกทั้งยังเป็นเครื่องมือที่ชี้ให้ศาลเห็นว่าควรจะนำกฎหมายของประเทศใดมาปรับใช้แก่คดีในกรณีที่เกิดข้อพิพาทของเอกชนซึ่งมีลักษณะระหว่างประเทศ และเกิดปรากฏการณ์ของการขัดกันแห่งกฎหมายแพ่งขึ้นตั้งแต่สองประเทศขึ้นไป อันจะทำให้ศาลของรัฐไม่สามารถใช้กฎหมายของตนบังคับได้เลยทีเดียว หากมีข้อเท็จจริงบางอย่างของนิติสัมพันธ์นั้นในทางระหว่างประเทศ ซึ่งการศึกษากฎหมายระหว่างประเทศแผนกคดีบุคคลจะทำให้ศาลของรัฐสามารถปรับใช้กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ได้อย่างถูกต้องและเป็นธรรมแก่คู่กรณีมากที่สุด ในลักษณะที่ว่าไม่ว่าจะนำคดีของเอกชนที่มีลักษณะระหว่างประเทศไปฟ้องยังศาลของประเทศใด ผลแห่งคดีย่อมออกมาในทิศทางทำนองเดียวกัน หากว่าศาลของรัฐสามารถปฏิบัติได้ถูกต้องตามกฎเกณฑ์ในทางระหว่างประเทศได้
ฉะนั้น การเรียนกฎหมายระหว่างประเทศแผนกคดีบุคคล ย่อมมีความจำเป็นและสำคัญกับชีวิตประจำวันของเราไม่มากก็น้อยไม่มีความเห็น