ชีวิตที่พอเพียง : 1420e. อยู่กับวิวาทะในท่ามกลางสถานการณ์น้ำหลาก
วิวาทะนี้ เป็นวิวาทะทางปัญญา ระหว่างหนังสือ The Spirit Level : Why Equality is Better for Everyone เขียนโดย Richard Wilkinson กับ Kate Pickett กับหนังสือ The Spirit Level Delusion : Fact-checking the Left’s New Theory of Everything เขียนโดย Christopher Snowdon เป็นหนังสือที่ นักวิชาการด้านระบบ หรือด้านนโยบายต้องอ่าน หรือจริงๆ แล้ว นศ. ป. เอกด้านนี้ควรต้องอ่านและเอามาจัดสัมมนาถกเถียง ทำความเข้าใจ เพื่อการเรียนรู้ด้านความแม่นยำของวิธีการและข้อมูล ที่จะช่วยให้ข้อสรุปของงานวิจัยมีความ แม่นยำถูกต้อง ไม่สรุปผิด รวมทั้งทำความเข้าใจธรรมชาติของการวิจัย ว่ามีโอกาสผิดพลาดได้อย่างไรบ้าง
ข้อเสนอของหนังสือ The Spirit Level ก็คือความไม่เท่าเทียมกันไม่เป็นธรรมในสังคม มีความสัมพันธ์ กับสุขภาวะไม่ดี ในประเทศที่พัฒนาขึ้นมาถึงระดับหนึ่ง ความไม่เท่าเทียมกันในสังคมในด้านรายได้ จะเป็นข้อ จำกัดต่อการ ยกระดับสุขภาวะของคนในสังคม แม้ว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจจะดี ตัวบ่งชี้สุขภาวะหลายตัวจะ ไม่ดีขึ้นตามระดับเศรษฐกิจ ได้แก่อายุขัย ความสุข ปัญหาโรคภัยไข้เจ็บ ปัญหาสังคม ความเครียด ความรุนแรง ผู้เขียนหนังสือเป็นนักระบาดวิทยา เอาข้อมูลระดับความไม่เท่าเทียมกันของ ประเทศต่างๆ มาทำกราฟเทียบ กับข้อมูลอายุขัยของคน ชี้ให้เห็นว่ามีความสัมพันธ์กันอย่างชัดเจน แต่ผู้เขียน หนังสือ The Spirit Level Delusion บอกว่าเป็นข้อมูลหลอก เพราะผู้เขียนหนังสือ The Spirit Level ตั้งข้อสรุปไว้ก่อน แล้วเลือกข้อมูล จากเพียงเพียงบางประเทศมาแสดง เพื่อให้ผลออกมาตรงกับที่ตนต้องการ บอก เขาเพิ่มข้อมูลจากอีกบาง ประเทศเข้าไป แล้วชี้ให้เห็นว่า ผลกราฟความสัมพันธ์ (correlation) ไม่ได้เป็นอย่างที่แสดงในหนังสือ The Spirit Level
ผมยังเพิ่งอ่านหนังสือทั้งสองเล่ม ยังอ่านได้ไม่มาก จึงยังบอกไม่ได้ว่าควรเชื่อหนังสือเล่มไหนดี แต่การอ่านหนังสือแบบนี้ไม่ได้อ่านเพื่อเชื่อ เน้นอ่านเพื่อฝึกวิจารณญาณ ฝึก research methodology ฝึก research thinking ไม่ใช่เน้นเพื่อเพิ่มคลังความรู้ (knowledge content) ในสมอง
วันนี้ผมออกไปงานแต่งงานของหลานชายที่โรงแรม 31S สุขุมวิท ๓๑ โดยที่งานจัดช่วง ๙ - ๑๒ น. ตามกำหนดเดิม แต่งานเลี้ยงตอนเย็นเลื่อนออกไปเพราะปัญหาน้ำท่วม ตอนขาไปขับรถขึ้นทางด่วน เหตุการณ์ปกติทุกอย่าง แต่ตอนขากลับผมหลงไปออกโทลเวย์ ทำให้ได้มีโอกาสลิ้มรสน้ำท่วมถนนนิดหน่อย บนถนนแจ้งวัฒนะแถวหน้าโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะและห้างบิ๊กซี ที่น้ำท่วมทั้งสองฝั่ง แต่ด้านมุ่งหน้าปากเกร็ด ที่ผมขับ ดูระดับน้ำจะต่ำกว่านิดหน่อย ผมขับเลนขวาสุดติดเกาะกลางน้ำลึกที่สุดไม่เกิน ๒๕ ซ.ม. ช่วงสั้นๆ แต่ฝั่งมุ่งหน้าหลักสี่ส่วนที่ลึกที่สุดของเลนนอกน่าจะเกิน ๓๐ ซ.ม. เข้าใจว่าน้ำบ่ามาจากทิศเหนือ
พอขับรถลงจากโทลเวย์ ลงแจ้งวัฒนะ ผ่านหน้าทางเข้าศูนย์ราชการฯ เห็นมีน้ำพอให้เห็นที่เลนซ้ายสุด ชิดทางเท้าเพียงครึ่งเลน ผมก็นึกในใจว่าน้ำเอ่อขึ้นมาช่วงระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาขึ้นสูงสุดตอน ๑๐.๓๐ น. แล้วลดลงแล้ว แต่พอลงจากทางยกระดับส่วนที่ผ่านหน้ากรมสอบสวนคดีพิเศษ จะไปขึ้นอีกตอนหนึ่งของ ทางยกระดับ ก็เห็นภาพที่ทำให้สะดุ้ง คือบนทางยกระดับมีรถยนต์ขึ้นไปจอดซ้อน ๒ แถว มีช่องให้รถผ่าน ช่องเดียว และผ่านได้ช้ามาก พอลงจากทางยกระดับก็เจอน้ำทันที พร้อมกับมีรถจอดตายริมถนนฝั่งตรงกันข้าม หลายคัน บางคันเป็นรถตู้ และมีอาสาสมัครมาคอยช่วยเหลือ ทางออกจากโรงพยาบาลมีคนผู้ชายให้หญิงสาว ขี่หลังลุยน้ำระดับเข่าออกมา บรรยากาศฉุกละหุกและน้ำไหลเชี่ยวมาจากทิศเหนือ
ตลอดเส้นทางระหว่างทางยกระดับน้ำท่วมถนน ซึ่งหมายความว่าบนถนนซอยน้ำลึกกว่า และท่วม ทางเท้าริมถนนด้วย
ผมมองว่าการต่อสู้กับน้ำเอ่อแบบนี้เป็น battle เล็กๆ ส่วนที่ต้องหมั่นตรวจสอบข่าวคราวเป็น war คือน้ำบ่าที่ไหลมาก้อนใหญ่และเราจะต้องแช่อยู่นาน สื่อมวลชนและรัฐบาลไม่ได้ให้สติแก่ประชาชนให้แยกแยะ ข่าวน้ำท่วม เราต้องรู้จักแยกแยะเอาเอง
ญาติพี่น้องที่ไปพบ ต่างก็แปลกใจที่บ้านผมอยู่ใกล้แม่น้ำ แต่น้ำไม่ท่วม ท่านที่แปลกใจอ่านคำอธิบาย ได้ที่นี่ เทศบาลนครปากเกร็ดก็ทำแบบเดียวกันกับเทศบาลนครนนทบุรี
สรุปว่า ผมมั่นใจร้อยละ ๙๙ แล้วว่าน้ำจะไม่ท่วมบ้าน แต่เดาว่างานต่างๆ จะลดลงมากในช่วงเดือน พฤศจิกายน
วิจารณ์ พานิช
๓๐ ต.ค.๕๔
ยินดีด้วยค่ะที่รอดจากวิกฤคน้ำท่วมครั้งนี้