องค์ความรู้ จากวิกฤตแห่งสายน้ำ "ความแตกต่าง ที่เราควรรับรู้ด้วยหัวใจ"


ช่วงนี้มีเสียงวิพากษ์ การทำงานของหน่วยงานต่างๆมากมาย ในภาวะวิกฤตเช่นนี้การวิพากษ์หากอยู่บนพื้นฐานของความเข้าใจในเรื่องของ "ปัจเจกบุคคล"จะเป็นสิ่งที่สร้างสรรค์ แต่หากอยู่ภายใต้ภาวะแห่งอารมณ์เข้ามาร่วมด้วยมันก็จะกลับกลายเป็นพลังที่ทำลายล้างอันยิ่งใหญ่ ไม่แพ้ "ระเบิดปรมาณู"

     ความตึงเครียด เกิดขึ้นได้กับทุกคนในวิกฤตการณ์เช่นนี้ แม้กระทั่งตัวผมเอง ยอมรับว่าในช่วงแรกๆบางครั้งก็มีความหงุดหงิดที่เกิดจากภาวะอารมณ์อยู่บ่อยครั้ง ย้อนกลับไปสองเดือนที่แล้ว แถวบ้านที่ผักไห่เกิดน้ำท่วม การเดินทางยากลำบาก จากนั้นในเดือนถัดมา บ้านที่ตัวเมืองอยุธยา น้ำท่วมแบบไม่ทันได้ตั้งตัวเลย ข้าวของไม่มีโอกาสได้เก็บ จนกระทั่งปัจจุบันก็ยังไม่มีโอกาสได้เข้าไปดูครับ โชคดีว่าลูกสาวตัวน้อยของผมปิดภาคเรียนพอดี และไปอยู่ที่บ้านผักไห่กับคุณตาคุณยาย

     ก่อนหน้าที่น้ำเข้าบ้านตัวเมืองฯ ทางจังหวัดฯท่านได้ประกาศให้ประชาชนได้รับรู้ไว้บ้างแล้ว แต่คนแถวๆนั้นเขาประสบกับสภาวะน้ำท่วมเกือบทุกปีอยู่แล้วจึงเป็นเหมือนกับความเคยชินไป โดยไม่มีใครคาดคิดมาก่อนว่ามวลน้ำจะมีมากขนาดที่ปรากฏให้เห็น!

     ทุกวันนี้ผมตั้งหลักอยู่ที่บ้านกรุงเทพฯ ภรรยาอยู่ที่ทำงานในตัวเมืองอยุธยา ลูกสาวอยู่ที่ผักไห่ แต่ก่อนเราเจอกันทุกสัปดาห์พร้อมหน้าพร้อมตา พ่อ แม่ ลูก นี่ก็เป็นเวลากว่าเดือนหนึ่งแล้วที่ไม่ได้เจอหน้ากัน พ่ออยู่ทาง แม่อยู่ทาง ลูกอยู่อีกทาง นี่แหละปัจจัยที่ก่อให้เกิดภาวะเครียดของผมเอง ยังไม่รวมปัจจัยเรื่องอื่นๆอีกจิปาถะ งานก็ต้องทำ จะหยุดก็ลำบาก ถึงจะประกาศเป็นวันหยุดแต่ไม่ใช่ราชการก็คงลำบากครับ นอกเสียจากต้องมีสภาพแบบนิคมฯที่ล่มสลายไปนั่นแหละจึงจะได้หยุด

     ทำอะไรไม่ได้มากไปกว่า นั่งสงบจิตใจ ฝึกให้จิตอยู่กับกายเราเสมอ เวลาเกิดปัญหาสติจะได้มา ปัญญาจะได้เกิด ผมคิดว่าผมทำได้มากกว่าสิ่งที่คนอื่นๆเขาบอกว่า "ต้องทำใจ"  เพราะหากแค่ทำใจแล้วนั่งรอรับผล ผมคิดว่าเราดูถูกศักยภาพในตัวเราเองมากเกินไป อีกทั้งความคับข้องใจมันก็ไม่ได้หายไปจากเรา แต่มันกลับไปสะสมเป็นพลังงานกระตุ้นอารมณ์ กลายเป็นความเครียด ความกังวล ความอาฆาต ความพยาบาท ความชิงชัง ความลำเอียงทั้ง๔ ล้วนแต่เป็นสิ่งที่ไม่พึงประสงค์ทั้งสิ้นในภาวะวิฤตเช่นนี้

     "อย่าโกรธแม่คงคา อย่ากล่าวหาเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน" ไม่มีประโยชน์ในยามนี้ เป็นสิ่งที่ผมคิดได้จากภาวะปัญญา ที่ตัดอารมณ์ขุ่นเขืองของผมตอนแรกออกไป อีกทั้งยังทำให้ผมคิดได้ว่า สิ่งที่เรากลัวแท้จริงไม่ใช่เรื่องน้ำท่วม แต่เรากลัวความสูญเสีย กลัวการพลัดพรากจากสิ่งที่เรารัก คนที่เราชอบ มากกว่า น้ำจะขึ้นจะลงมันเป็นธรรมชาติของน้ำ มนุษย์อย่างเราต้องทำความเข้าใจในสิ่งนี้ มันเป็นพฤติกรรมน้ำ ที่สอนให้มนุษย์อย่างเราต้องปรับ ต้องเปลี่ยนพฤติกรรมบางอย่างโดยเฉพาะพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ออกไปเสียบ้าง เอาออกทิ้งไปกับสายน้ำ 

     น่าเสียใจมากที่ภาพสะท้อนความจริงบางส่วนที่เกิดขึ้นในภาวะวิกฤตนี้กลับกลายเป็น การเพิ่มพูนพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ออกมาให้ได้เห็น ได้รับรู้ แต่ก็ยังมีมุมมองแห่งความน่าชื่นชมกับกลุ่มบุคคล,เจ้าหน้าที่ ในอีกส่วนหนึ่ง ที่มีจิตใจเอื้อเฟื้อ มีจิตอาสาที่เข้าให้ความช่วยเหลือ โดยที่ไม่หวังสิ่งตอบแทน ไม่ไปกล่าวโทษหรือคอยตำหนิติเตียนผู้อื่น ก้มหน้าก้มตาทำอย่างสุดกำลังความสามารถ และผมเชื่อด้วยว่าผู้ที่มีจิตอาสาเหล่านี้หากเขาสามารถช่วยได้ พวกเขาจะไม่ปฏิเสธการให้ความช่วยเหลือ ไม่ว่าจะเป็น เด็ก คนชรา คนพิการ คนท้อง แม้กระทั่งสัตว์เลี้ยง สุนัข,แมวจรจัด ฯลฯ แต่ด้วยกำลัง ความสามารถผสานกับการสนับสนุน พวกเขาได้ทำอย่างดีที่สุดแล้วครับ

     การไม่ได้มายืนอยู่ในบทบาทผู้เล่น เราไม่อาจทราบข้อจำกัด ณ ขณะนั้นได้ ดังนั้นในทีมฟุตบอล นอกจากจะต้องมีนักเตะที่เก่งในแต่ละตำแหน่งความเชี่ยวชาญแล้ว บุคคลที่ขาดไม่ได้ คือ โค้ช เคยเห็นไหมครับ เวลาขอเวลานอก เวลาพัก จะมีคนที่คอยมาบอกให้คนนี้ต้องทำอย่างนั้น  คนนั้นต้องทำอย่างนี้ ดูเหมือนท่านเก่งเหลือเกิน ถามว่าทำไมท่านไม่ลงไปเตะเสียเองเลยละ? มุมมองของคนที่นั่งดูอยู่ข้างนอก กับคนที่ลงไปเล่นมันไม่เหมือนกันหรอกนะครับ นี่คือการทำงานเป็นทีม การผสานในความแตกต่าง ให้กลมกลืนกันด้วยความเคารพในบทบาทของแต่ละคนอย่างเข้าใจ และทำในบทบาทของตนเองให้ดีที่สุดโดยไม่ล่วงเกินบทบาทผู้อื่น.....

     นักวิชาการ เป็นผู้ค้นหาข้อมูล ข้อเท็จจริง แล้วนำมาผ่านกระบวนการวิเคราะห์ วินิจฉัย เพื่อเสริมความเชื่อมั่นต่อผลที่มีโอกาสเกิดขึ้น จากนั้นจึงเผยแผ่ข้อเท็จจริงนี้ให้กับสาธารณชนได้รับรู้เพื่อนำไปประกอบการใช้วิจารณญาณ โดยไม่ได้ชี้ถูกหรือผิด (เป็นการวางแนวทางและมาตรการเชิงป้องกัน)

     แต่ในขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ของรัฐ เขาก็มีความจำเป็นที่ต้องเห็นถึงผลที่เกิดขึ้นจริงก่อน แล้วต้องมั่นใจแล้วว่ามีผลเกิดขึ้นแน่แล้ว จึงจะแถลงการณ์ออกไปให้กับสาธารณชนได้รับรู้ (นั่นหมายถึง เกิดผลขึ้นแล้วจากนั้นจึงจำเป็นต้องหาวิธีแก้ไข และเยียวยา อย่างเป็นระบบ)

     ทั้งสองท่านเป็น "โค้ช" ให้กับ "ผู้ลงมือปฏิบัติ" ควรรับรู้ในบทบาทของกันและกันด้วยหัวใจ เคารพกันในฐานะปัจเจกชนก่อน ประเทศชาติจึงจะเดินต่อไปได้นะครับ ด้วยความเคารพทุกฝ่ายจากหัวใจ

หมายเลขบันทึก: 466187เขียนเมื่อ 26 ตุลาคม 2011 12:18 น. ()แก้ไขเมื่อ 8 มิถุนายน 2012 13:38 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (22)

สวัสดีครับครู ธณากรณ์ ขอบคุณที่แวะไปแลกเปลี่ยน

ในยามนี้คนที่โดนน้ำท่วม ห่วง กังวล คิดถึงแต่ตน....หากมองข้าง เห็นใจคนข้างเคียง แล้วร่วมใจกันในเบื้องต้น

เห็นด้วยกับข้อความตอนนี้ของครู

(และผมเชื่อด้วยว่าผู้ที่มีจิตอาสาเหล่านี้หากเขาสามารถช่วยได้ พวกเขาจะไม่ปฏิเสธการให้ความช่วยเหลือ ไม่ว่าจะเป็น เด็ก คนชรา คนพิการ คนท้อง แม้กระทั่งสัตว์เลี้ยง สุนัข,แมวจรจัด ฯลฯ แต่ด้วยกำลัง ความสามารถผสานกับการสนับสนุน พวกเขาได้ทำอย่างดีที่สุดแล้วครับ)

คนโรณ เขามีวิถีแบ่งปันพึ่งพาสูงมาก

และมีการเตรียมการเตรียมตัวรับมือธรรมชาติดังที่ว่า

"เลี้ยงเป็ดไว้กินไข่

เลี้ยงไก่ไว้กินตัว

เลี้ยงวัวไว้ไถนา

เลี้ยงหมาไว้เฝ้าบ้าน

เลี้ยงม้าไว้เดินทาง"

ด้วยความเคารพและเห็นใจ ผู้ประสบภัยทุกท่าน เพราะ ภัยธรรมชาติ ทุกวันนี้ ยากที่จะรับมือ

ขอบพระคุณมากครับท่าน อาจารย์วอญ่า

ผมเห็นด้วยกับข้อเท็จจริงที่ท่านอาจารย์ต่อยอดองค์ความรู้นี้ครับ เราอาจต้องกลับไปศึกษาเรียนรู้ภูมิปัญญาในอดีตอย่างจริงจัง แล้วนำมายึดเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตต่อจากนี้ไป หากเราต้องการใช้ชีวิตอย่างมีความสุขที่ยั่งยืนจริงๆ

  • เป็นกำลังใจให้นะคะ สู้ สู้ ค่ะ ไม่มีคำไหนดีเท่ากับคำนี้ นี่คือ วิกฤติหรือวิบากกรรมของคนไทยกันแน่ค่ะ
  • ไม่มีใครมาช่วยเราได้เท่ากับตัวของเราเอง เข้าใจความรู้สึก ว่าเมื่อถูกกระทำไม่ว่าสิ่งใดที่ทำต่อเรา แล้วเราจะเกิดความรู้สึกเช่นไร เป็นเช่นที่อาจารย์บอกมาข้างต้นเลยค่ะ เกลียด เครียดแค้น ชิงชัง ฯลฯ แต่เราไม่สามารถทำอะไรได้เลย นอกจากตัวเราต้องช่วยตัวเราเอง + ปลง + สงบจิตสงบใจลง เพราะยิ่งคิด จิตเรายิ่งเตลิด ตั้งสติให้ดีแล้วค่อย ๆ แก้ไขปัญหา เพราะปัญหาทุกปัญหาที่หนทางแก้ไข ไม่ช้าก็เร็ว เพียงแต่เราต้องใช้เวลาเข้ามาช่วยเป็นตัวกลางในการแก้ไขปัญหาในครั้งนี้
  • แต่ช่วงระหว่างเวลาที่กำลังแก้ไขนี่สิค่ะ สำหรับคนที่โดน จิตใจมั่นวุ่นวายขนาดไหน เอาเป็นว่า ช่วนตัวเองได้เท่าไรก็ทำเท่านั้น ตามความสามารถของเราก็แล้วกัน ชีวิตเรารอดมาได้ก็บุญแล้วค่ะ

สวัสดีครับ อาจารย์บุษยมาศ

ไม่ค่อยได้เห็นอาจารย์เลย ที่บ้านเป็นอย่างไรบ้างครับ ขอบพระคุณนะครับที่เข้ามาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ขอบพระคุณสำหรับกำลังใจที่ดี ตอนนี้กำลังรอลุ้นที่บ้านห้วยขวางอยู่ด้วยครับ บ้านที่วัชรพลรามอินทรา สุขาภิบาล๕ ก็เรียบร้อยครับท่วมถึงเอวเลย ดีที่เป็นแฟลตอยู่ชั้นบนเลยไม่กระทบกับข้าวของในบ้าน แต่ยากลำบากในการดำเนินชีวิต ตอนนี้ผมรับคุณแม่มาอยู่ด้วยกันที่ห้วยขวาง ก็คงไม่หนีไปไหนแล้วครับ ยอมรับความจริง ตั้งสติแบบอาจารย์แนะนำ ใช้ปัญญาหาวิธีอยู่กับน้ำให้ได้ในช่วงเวลาหนึ่ง เดี๋ยวก็ผ่านไปแล้วครับอาจารย์ ยินดีนะครับที่ได้พบอาจารย์อีก แล้วจะแวะเข้าไปทักทายนะครับ

จากประสบการณ์ที่โดยมหาอุทกภัยครั้งนี้

ผมนั่งคิดเชิงบวกอย่างเดียวว่า

"อืม...โดนน้ำท่วม ก็ยังดีกว่าไฟไหม้บ้าน"

เพราะมันก็ยังเหลืององค์ของอาคารให้บำรุง รักษามันกลับคืนมาได้

แต่อาจจะไม่ได้สำหรับคนอื่น แต่อย่างน้อยคิดแบบนี้ ก็จะได้สบายใจไม่ทุกข์มาก

และมีเวลาแบ่งพลังงานสมอง ไปช่วยเยียวยาผู้อื่นที่สาหัสกว่าตัวเรา

และใช้บทเรียนที่ราคาแพงนี้ ไปประยุกต์เพื่อให้สมกับที่ลงทุนเรียนและปฏิบัติในคลาสที่มีต้นทุนสูงตัวนี้

ให้คุ้มค่า และมีประโยชน์ต่อตนเองต่อไป

บุญรักษาทุกท่านครับ ^ ^

สวัสดีครับท่านอาจารย์ ขจิต ฝอยทอง

ขอบพระคุณครับที่แวะเข้ามาเยี่ยม ครับสบายดีครับ ท่านอาจารย์เป็นอย่างไรบ้าง เหมือนกันครับบ้านที่อยุธยาก็โดนยังเข้าไปเคลียร์ไม่ได้ ตอนนี้มารอลุ้นที่กรุงเทพ (ห้วยขวาง) อีกจนผมเลิกเครียดแล้วครับ อย่างที่เขาว่า เราต้องอยู่ให้ได้แม่คงคามาเดี๋ยวท่านก็ไป รักษาสุขภาพด้วยนะครับ อากาศเริ่มเย็นแล้ว มีโอกาสจะแวะไปแลกเปลี่ยนเรียนรู้นะครับท่านอาจารย์

สวัสดีครับท่านอาจารย์ ruj rattanapahu

เห็นด้วยนะครับ ท่านอาจารย์คิดบวกดีครับ ทุกอย่างที่ผ่านเข้ามาในชีวิตเรา ไม่ว่าร้ายหรือดีย่อมมีคุณค่าทั้งสิ้น อยู่ที่เราจะมองอย่างไร ขอบพระคุณที่เข้ามาแลกเปลี่ยนเรียนรู้นะครับ มีโอกาสจะแวะไปแลกเปลี่ยนกับท่านอาจารย์ครับผม

เป็นโชคดีที่ได้มาอ่านบทความ ยกตัวอย่างเรื่องการเป็น โค้ช ให้กระจ่างมากขึ้นคะ ชอบที่อาจารย์กล่าวว่า..

นี่คือการทำงานเป็นทีม การผสานในความแตกต่าง ให้กลมกลืนกันด้วยความเคารพในบทบาทของแต่ละคนอย่างเข้าใจ และทำในบทบาทของตนเองให้ดีที่สุดโดยไม่ล่วงเกินบทบาทผู้อื่น.....

การเป็นโค้ช ที่สามารถบอกมุมมองจากนอกสนามได้ ก็ด้วยได้รับบทบาทที่ผู้เล่นยอมรับ..ในชีวิตการทำงาน การบอกเช่นนี้ได้ต่อเมื่อเพื่อนร่วมงาน ต้องการปรึกษา
หากเขายังไม่ต้องการปรึกษา อาจดูเป็นการแทรกแซง
..

แต่สิ่งหนึ่งที่ใช้ได้ตลอด ดังที่อาจารย์แนะนำคะ คือ "ช่วยลดความกลัว" 

 

สวัสดีคะ มีหลายต่อหลายคนที่ได้รับผลกระทบเรื่องน้ำนี้ เพื่อนๆของหนูที่อยู่กรุงเทพก็น้ำขังเขียวปี๋เลย น่าเห็นใจ เราก็ได้แต่ภาวนาให้เค้าพ้นเหตุการณ์นี้โดยเร็วน่ะคะยินดีที่ได้ร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้คะ

อ่านบันทึกนี้แล้วได้ข้อคิดดีๆ หลายอย่าง

และประทับใจ/เห็นด้วยอย่างยิ่งกับประโยคที่ว่า

"อย่าโกรธแม่คงคา อย่ากล่าวหาเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน"

ขอบพระคุณ ท่านอาจารย์ประทีป , ท่านอาจารย์ ป. , คุณครูบันเทิง และ ท่านอาจารย์อักขณิช (ขออนุญาตเรียกอาจารย์นะครับ) ขอบพระคุณที่แวะเข้ามาเยี่ยมชม แลกเปลี่ยนเรียนรู้ครับ เพิ่งจะได้มาเปิดอ่าน ขออนญาตทักทายรวมเลยก็แล้วกัน ทุกท่านคือกัลยาณมิตร ถึงแม้ไม่เคยพบกันแต่ผมก็รู้สึกปลาบปลื้ม และยินดีเป็นที่สุดครับที่ได้มาพบเจอกับอาจารย์ทุกท่านในโลก Social media โดยเฉพาะใน gotoknow นี้

มีโอกาสผมจะแวะเข้าไปเยี่ยมชม แลกเปลี่ยนเรียนรู้ กับทุกๆท่านนะครับ

  • ผมสบายดีครับ
  • ไม่นานน้ำคงแห้งลง
  • ขอให้มีความสุขกับการทำงานครับ

อ่านบันทึกนี้แล้ว ได้เเง่คิด ได้เห็น มุมมองจากความจริงที่เกิดจากน้ำท่วม ตัวผมเองก็เกือบจะท่วม สาละวันอยู่กับการป้องกันมาแรมเดือนแต่ก็โชคดีที่น้ำไม่ท่วม(ปัจจุบันผมอยู่ที่สมุทรสาคร) แต่อย่างน้อยน้ำท่วมครานี้ ก็สอนให้ผมเห็นอะไรหลายอย่างในสังคมไทย ทั้งเรื่องดี และไม่ดี ได้มีโอกาสไปช่วยเหลือคนอื่นในคราน้ำท่วม แต่นี่ก็คือความจริงของสังคม ที่ยังคงจะอยู่กับเราไปอีกนาน

ขอบคุณท่านอาจารย์ขจิต ท่านอาจารย์ Peter p.มากนะครับที่แวะเข้ามาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ครับผม ถึงบ้านเราจะไม่ท่วม แต่รอบข้างเขาท่วมกันหมด รู้สึก และรับรู้ได้ถึงความยากลำบากเห็นใจนะครับชื่นชม ท่านอาจารย์ Peter p. ครับที่มีจิตอาสา ,ขอบคุณท่านอาจารย์ขจิต ที่เป็นกำลังใจให้เสมอมา อาจารย์ทุกท่านใน gotoknow เป็นแรงบันดาลใจให้ผมสร้างสิ่งเล็กๆที่ยิ่งใหญ่ในหัวใจผมเป็นที่สุดครับผม

เป็นกำลังใจให้คุณครูธนากรณ์ด้วยนะคะ ตัวเองก็มีโอกาสได้เป็นทั้งอาสาสมัครและผู้ประสบภัย จึงทำให้เห็นทั้งสองมุม และวันอาทิตย์ที่ 11 ธันวาคมนี้จะมี Big cleaning day ที่ดอนเมือง หากผ่านมาทางนี้ก็ขอเชิญมาร่วมกิจกรรมด้วยกันนะคะ

ยินดีครับท่านอาจารย์รัชตา อยู่ที่ดอนเมืองหรือครับ? โอ้!อาจารย์เป็นหญิงแกร่งจริงๆเป็นจิตอาสาด้วยขอชื่นชมในความดีงามครับ หลังจากนี้ก็คงต้องสู่ต่อไปครับ เป็นกำลังใจให้ท่านอาจารย์นะครับ

ขอบพระคุณที่เข้ามาเยี่ยมชมนะครับผม มีโอกาสจะแวะเข้าไปแลกเปลี่ยนเรียนรู้ครับ

  • สวัสดีครับ
  • แวะมาทักทายครับ
  • ขอเป็นกำลังให้นะครับ
  • ยังไงเราก็ต้องผ่านมันไปให้ได้
  • ไม่ว่าจะเหตุการณ์อย่างไร

ขอบพระคุณท่านอาจารย์ สิงห์ ป่าสัก มากครับผมที่แวะเข้ามาเยี่ยมเยียนและให้กำลังใจ

มาเยี่ยมและนำบทกวี

ที่ผมรักมาฝากครับ

http://www.gotoknow.org/blogs/posts/470859

สวัสดีท่านอาจารย์ โสภณ ครับ

รู้สึกได้รับเกียรติ และต้องขอขอบพระคุณท่านอาจารย์มากๆครับผม จะแวะเข้าไปเยี่ยมชมนะครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท