ยามท้องฟ้ามืดครึ้ม เต็มไปด้วยเมฆฝน เตี่ยแม่ก็จะบอกว่า สงสัยจะสู้น้ำไม่ไหวแล้ว น้ำฝนตกเท่าไหร่ก็ขึ้นเท่านั้น ต้องยกเครื่องวิดน้ำหนีน้ำท่วมแล้ว
พออีกวันท้องฟ้าสดใสเต็มไปด้วยก้อนเมฆสีขาวเหมือนปุยนุ่น เตี่ยแม่ก็มีกำลังใจอยากสู้น้ำเพื่อรักษาสวนผักบุ้งสี่ร่องสุดท้ายอีก จึงต้องวิดน้ำต่อไป
แต่ในตอนเย็นของวันที่ 15 มีฝนตกหนักมาก คืนนั้นสวนที่ใช้ปลูกผักบุ้งจีน ซึ่งเป็นรายได้หลักของครอบครัว ก็ต้องปล่อยให้จมน้ำค่ะ ไม่ใช่เพราะคันป้องน้ำพังแต่เป็นเพราะว่าน้ำท่วมสูงเลยคันเลยทีเดียว(ไหลบ่าลงมาเหมือนน้ำตก) เพียงคืนเดียวน้ำก็ท่วมเสมอกันทั้งสองฝั่งแล้วเร็วมากจริงๆ
หนูเก็บของหนีน้ำแทบไม่ทันเลย เครื่องวิดน้ำก็เกือบจะจมแล้วต้องใช้ทรายหนุนถึงสามชั้นให้สูงพ้นน้ำ ไม่สามารถเคลื่อนย้ายไปเก็บได้ เพราะน้ำจะเข้าเครื่องทำให้เกิดความเสียหายได้ จึงทำได้แค่เพียงหนุนอย่าให้น้ำท่วมเครื่องอย่างเดียว
สงสารและเสียดายผักในสวน มีทั้งกู๋ใช่ มะนาวไร้เมล็ด(เลม่อน) พริก มะละกอ กล้วยไข่ และผักบุ้ง ถูกน้ำท่วมตายหมด กล้วยไข่กำลังออกเครือเล็กๆเลย
ต้นแคนะบนคันป้องน้ำก็ยังหนีไม่พ้น
หลังจากขนของที่สวนเสร็จแล้วก็ต้องมาหนุนของที่บ้านให้สูงขึ้นอีกเพราะน้ำขึ้นเพิ่ม ที่บ้านจะเก็บของไว้ในโคก(เนินดินที่สูงๆ ) เตี่ยบอกว่าโคกนี้พวกพี่ๆน้องๆ(คุณลุงคุณอาของหนู)ในครอบครัวเป็นคนทำไว้ตั้งแต่ยังเป็นเด็ก โดยใช้เรือมาส (เรือแจว)ล่องไปที่ท้องนาเพื่อขนดินจากที่นั่นใส่เรือมาสร้างโคกตรงนี้ โดยการลงไปงมดินในท้องนามาเทใส่ในเรือมาส เตี่ยบอกว่าต้องไปช่วงหน้าน้ำเพราะจะทำให้เรือขนดินได้สะดวก สิ่งกีดขวางทางเรือจะมีน้อย แต่หน้าน้ำจะมีลมหนาวพัดอยู่ตลอด จะหนาวมากจนสั่นต้องอาศัยความอดทนมากอยู่พอควรเหมือนกัน เตี่ยและพี่ๆน้องๆใช้เวลาทำอยู่หลายปีเพื่อให้สูงพ้นน้ำท่วมและก็สมดังหวัง ตั้งแต่หนูจำความได้ก็จะใช้โคกนี้เป็นที่วางของได้สารพัดน้ำไม่เคยท่วมแต่ปีนี้ไม่ใช่แบบนั้นแล้ว
หนุนไปหนุนมาก็เจอตัวนี้ค่ะ ถามใครในบ้านก็บอกไม่รู้ หนูอยากทราบว่าเป็นตัวอะไร ใครทราบช่วยบอกหน่อยนะคะ(คล้ายจิ้งเหลนแต่หางยาวมากๆ)
ตอนนี้หนูกำลังตกงาน (สวนน้ำท่วมหมด) คงมีเวลาเข้าG2Kเพื่อติดตามข่าวสารและศึกษาหาความรู้ได้บ่อยขึ้นกว่าเดิมแล้วจ้า
ขอขอบคุณรูปภาพจาก จิ๋ว โฟโต้ (น้องชายผู้เขียนเองค่ะ)