ในช่วงเย็นของวันที่ 21 สิงหาคม 2549 มีนัดเข้าร่วมประชุมคุณอำนวย เพื่อซักซ้อมก่อนร่วมงานการประชุมวิชาการ สกว. ปี 2549 ที่กำหนดขึ้นในวันที่ 24-26 สิงหาคม 2549 โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ หลักสี่ กรุงเทพมหานคร โดยมีเป้าหมาย คือเพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในเวทีการประชุมวิชาการ ผลงานของ สกว. และเกิดความเข้าใจกระบวนการทำงานของ สกว.
ในวันเสาร์ที่ 26 สิงหาคม 2549 เป็นการประชุมวิชาการ ครุวิจัย ซึ่งแนวทางการประชุมเน้นการ แลกเปลี่ยนเรียนรู้ของผู้เข้าร่วมโดยผู้เข้าร่วมคือ นักวิจัยในโครงการครุวิจัย ครู ผู้บริหาร นักการศึกษา ประมาณ 300 คนกำหนดการที่สำคัญคือ
ช่วงเช้า การเสวนา “ครุวิจัยจากแนวคิดสู่การปฏิบัติ”
ช่วงบ่าย ปาฐกถาพิเศษ โดย ศาสตราจารย์นายแพทย์ประเวศ วะสี และเวทีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ : แนวทางการสร้างครู เรียนรู้ผ่าน “ครุวิจัย” ดำเนินรายการโดยคุณปรีดา เรืองวิชาธร จากเสมสิขลาลัย
ดังนั้น ในช่วงเย็นจ๊ะจ๋าและพี่ สคส. รวมทั้ง สกว. จำนวน 20 กว่าชีวิตได้ซักซ้อมการเป็นคุณอำนวยในงานวันเสาร์ที่จะถึงนี้ โดยคุณคุณปรีดา เรืองวิชาธร จากเสมสิขลาลัย ก่อนจะเริ่มกระบวนการซึ่งมีเวลาแค่ 2 ชั่วโมง รศ.สุชาตา ชินะจิตร เข้ามาร่วมการซักซ้อมครั้งนี้....แหมเป็นการซักซ้อมที่เข้มข้นและสร้างความเข้าใจมากขึ้น ท่านเริ่มเล่าเรื่องที่ไปที่มาของโครงการฯ ว่า โครงการครุวิจัย เป็นรูปแบบหนึ่งของงานวิจัยในการเรียนรู้ ให้ครูได้ร่วมงานวิจัยกับทีมนักวิทยาศาสตร์ เป็นเวลา 1 เดือน เพื่อนำความรู้ที่ได้ไปสร้างแรงบันดาลใจและกิจกรรมการเรียนรู้ของนักเรียน ในโครงการนี้ครูจะได้เรียนรู้เชิงลึกในหัวข้อที่ครูจะนำไปใช้ในการเผยแพร่ในโรงเรียนและสร้างกิจกรรมการเรียนรู้ในชั้นเรียน ผลงานที่ได้สามารถนำไปใช้เสริมสร้างความก้าวหน้าในอาชีพครูต่อไปได้ และในเดือนเมษายนที่ผ่านมา ได้นำครู 100 คนไปอยู่ในศูนย์วิจัยพี่เลี้ยง คือ
เพื่อผลิตผลงานวิจัย และเมื่อเกิดการเรียนรู้งานวิจัยจะได้ประโยชน์ไปใช้ในการเรียนการสอนด้วย การประชุมครั้งนี้มีโจทย์ 3 ข้อที่คุณอำนวยจากสกว. 20 กว่าชีวิตต้องไขความลับออกมาจากครูผู้ที่ได้รับ คือ
และแล้วคุณปรีดา เรืองวิชาธร ก็เริ่มกระบวนการซักซ้อม จริง.......แล้วคือการระดมความคิดช่วยออกแบบกระบวนการต่างๆ และการใช้เทคนิคสร้างบรรยากาศให้ผู้ร่วมมีความรู้สึกอิสระ ปลอดภัย ไม่บีบคั้น เพื่อให้ผู้เล่าเรื่องมีความรู้สึกผ่อนคลายและเล่าได้อย่างลื่นไหล เริ่มด้วยการตรวจสอบกันก่อนเปรียบได้กับคำว่า
Check in นั่นคือ การทำความรู้จักระหว่างกัน ซึ่งเป็นการเริ่มต้นที่ดีของการสร้างบรรยากาศ และในการแนะนำตัวมีเคล็ดลับนิดหน่อย ให้บอกชื่อเล่นจะทำให้สร้างบรรยากาศของความคุ้นเคยกันและมีความเป็นกันเองมากขึ้น ไม่ต้องบอกตำแหน่งที่ตนมี ปลดปล่อยโซ่ตรวน เป็นการสร้างความไว้วางใจซึ่งกันและกัน และเป็นสิ่งที่สำคัญในการดึงความรู้คะ
เปิดใจ คุณอำนวยต้องเปิดใจในการรับฟังรวมถึงผู้เข้าร่วมด้วย ฟังอย่างตั้งใจ ปฏิบัติตนเสมือนถ้วยที่ว่างเปล่าถึงแม้เราจะมีความรู้ในสิ่งนั้นๆ แต่ในแง่มุมหนึ่ง ผู้เล่าอาจจะมีมุมมองที่ต่างจากเรา การทำให้รู้สึกว่า...ไม่รู้ และอยากรู้อยากเห็น ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของกระบวนการ กลุ่มเป้าหมายคือ ครู 100 คนนี้ ได้แบ่งออกเป็น 10 กลุ่ม และอยู่ที่การบริหารจัดการของคุณอำนวยใน 10 กลุ่มนี้จะออกแบบกระบวนการต่อไปอย่างไร อาจแบ่งเป็นกลุ่มย่อย 2 วง เพื่อให้ได้พูดคุยกัน หรือ เป็นวงใหญ่เลย และสิ่งที่ได้จากการเล่าเรื่อง จะต้องนำเสนอในกลุ่มใหญ่ 100 คน สิ่งที่ได้เรียนรู้จากการซักซ้อมคือ ทักษะที่จำเป็น
1) เข้าถึงความจริงตามที่เป็นจริง
2) ง่ายต่อการแก้ปัญหา
3) ช่วยให้ออกจากกรอบพื้นที่ความคิดเดิม ไม่ตกร่องความคิดเดิม
การไปให้ถึงธงหรือ เข็มทิศ
จ๊ะจ๋าคิดว่าเป็นการระดมความคิดด้วยการให้ทุกคนมีส่วนร่วม และใช้เวลาได้อย่างคุ้มค่ามาก เพียง 2 ชั่วโมงเท่านั้นเองแต่สามารถสกัดความรู้และเป็นประโยชน์อย่างมากในการนำไปปฏิบัติงาน ด้วยบรรยากาศของความเป็นมิตรและเปิดใจ กลั่นกรองผ่านความคิดและไม่ยึดติดกรอบเดิม มีความคิดสร้างสรรค์ ออกมาเป็นเนื้อหาสาระที่นำไปใช้จริงได้ และอาจปรับใช้ตามสภาวะแวดล้อมของแต่ละคน ตามบริบทของตน
ไม่มีความเห็น