พี่และน้องเปิดบล็อกใหม่


ทั้งสองท่านเป็นบุคคลากรที่มีคุณภาพของกรมฯที่ดิฉันภาคภูมิใจมาก ดิฉันหวังว่าจะได้อ่านเรื่องราวดีๆ ประเทืองปัญญาและเป็นประสบการณ์ให้นักส่งเสริมรุ่นหลังได้ทราบข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อองค์กรและเกษตรกรต่อไป

     พี่และน้องคนคุ้นเคยมานานหลายสิบปีที่ได้รู้จักกันมาเปิดบล็อกใหม่คือคุณวสันต์ กู้เกียรติกูล และคุณทวี มาสขาว

     วันที่ 23 ส.ค. 2549 ดิฉันถึงที่ทำงานแต่เช้าตรู่ เป็นวันที่รู้สึกปลอดโปร่งอีกวันหนึ่งเพราะวันนี้ไม่มีกำหนดการประชุมอะไรเลย มาถึงที่ทำงานได้ตรวจดูงานต่อเนื่องจากการสัมมนาการเพิ่มทักษะการจดบันทึกแก่คุณลิขิต แล้วโน๊ตไว้เพื่อทำงานและมอบหมายงานต่อไป ดิฉันลองบันทึกกิจกรรมงานส่วนกลางใน 1 วันดังนี้คะ

     เริ่มจากคุณอ้อยเดินมาสอบถามเรื่องการเตรียมการจัดตลาดนัดความรู้ซึ่งคุณอ้อยจะต้องเป็นผู้ดำเนินรายการในห้องย่อยด้วย แล้วช่วงนี้จะไม่อยู่เลย จึงจะนัดคุยกันภายในวันศุกร์นี้

     คุณสำราญและคุณแมวมาถึงได้คุยกันถึงเรื่องโครงการที่จะนำเสนอต่อกองวิจัยฯ เป็นโครงการปี 2550 ซึ่งที่กลุ่มงานวิจัยฯรับผิดชอบ 3 โครงการหลัก คือ KM  ระบบส่งเสริมการเกษตร ศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง แล้วคุณสำราญก็รีบไปเป็นวิทยากรจังหวัดสิงห์บุรี

     สายหน่อยคุณอุดม คุณจี้ คุณแมว มาที่โต๊ะดิฉันมาคุยการตกแต่งห้องเรียนรู้ KM ให้สวยงาม น่ามาใช้งานและเห็นว่าควรมี 2 แห่งคือตึกกรมฯ(ตึกเก่า)และตึกใหม่ มีการแบ่งงานก่อนลงมือปฏิบัติจริง ตามสไตล์ของเราไม่ทำคนเดียว งานนี้มีคุณอ้วนและน้องๆ กองวิจัยฯมาช่วยงานนี้ด้วย ทำนองร่วมด้วยช่วยกันคะ คุณแมวโทรศัพท์หาคุณสำราญให้ซื้อปลาตะเพียนมาให้เพื่อตกแต่งห้องเรียนรู้

     จะเริ่มเข้าเรื่องแล้วนะคะที่ขึ้นหัวเรื่องไว้ ช่วงใกล้บ่ายเมื่อทานข้าวแล้วขึ้นมาที่ห้อง คุณวสันต์ กู้เกียรติกูล นักเขียนบทความมือดีของกรมส่งเสริมการเกษตร ที่เราเคยอ่านบทความของท่านบ่อย ๆ ในวารสารส่งเสริมการเกษตร  จากสำนักงานส่งเสริมการเกษตรเขตที่ 5 จังหวัดสงขลามาเยี่ยม เนื่องจากมาประชุมวิสาหกิจชุมชน ซึ่งท่านได้ทำงานวิจัยแบบมีส่วนร่วม การดำเนินกลุ่มแม่บ้านเกษตรกร การเชื่อมโยงงานของจังหวัดและกรมฯ ท่านเป็นคนเปิดประเด็นเรื่องนี้เป็นคนแรก ๆทีเดียว ถ้าจะถามถึงประวัติศาสตร์เรื่องนี้สบายมากเลยคะ เราคุย 3 คนคือคุณจี้ คุณแมวและดิฉัน คุยกันสักพักเล่าเรื่องการสัมมนาเพิ่มทักษะคุณลิขิตซึ่งมีการถ่ายทอดสดอยู่สักพัก ในที่สุดก็ชักชวนให้คุณวสันต์พี่ใหญ่ของเราเปิดบล็อกดีกว่า เพราะคุณวสันต์มีความรู้ฝังลึกอยู่มากทีเดียว ผ่านการทำงานมาหลายจังหวัดตั้งแต่สุราษฎร์ธานี ยะลา ฯลฯ คุณจี้กับคุณแมวบริการอย่างกุลีกุจอ ถ่ายรูป แนะนำเสร็จสรรพพร้อมทั้งพูดว่าอย่าลืมไปเขียนนะคะ คุณวสันต์พูดได้คำเดียวว่า"ครับ" พร้อมกับกล่าวขอบคุณด้วยรอยยิ้มเพื่อไปประชุมต่อ  ชมบล็อกคุณวสันต์(คลิก)ได้คะ

     สักพักเมื่อคุณวสันต์ไปแล้ว คุณทวี มาสขาวเข้ามา เป็นหัวเรือใหญ่ทีม KM ของนครพนม ตอนนี้ห่างหายจากแวดวงไปเพราะมาเรียนนักบริหารของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ คุณทวีมีประสบการณ์มากมาย เคยทำงานร่วมกับดิฉันในการทดลองคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ที่จังหวัดอุบลราชธานี ได้รับการคัดเลือกให้เป็นจังหวัดทดลองทำ จนมีการขยายผลไปสู่ระดับประเทศและโครงการนี้เป็น 1 ในโครงการสำคัญของกรมฯที่มีผลงานเกินเป้าหมายที่กำหนดไว้ของกรมฯ  นี่แหละคะผู้มีส่วนสำคัญในการดำเนินงานเรื่องนี้จนสำเร็จและเกิดการขยายผล คนทั่วไปอาจไม่ทราบ เขาเป็นผู้ปิดทองหลังพระตามพระราชดำรัสของในหลวงจริง ๆ  เราทำงานด้วยกันสนุกมาก จึงคุยกันว่าน่าจะเอาประสบการณ์ที่ฝังลึกในตัวคุณทวีมา ลปรร. ในบล็อก คุณแมวเป็นผู้เปิดบล็อกให้ ด้วยคำมั่นสัญญาว่าจะกลับไปเขียนเพราะเมื่อหลายเดือนก่อนเคยชวนแล้ว มาสำเร็จวันนี้เองติดตามผลงานคุณทวีได้คะ(คลิก)

     ทั้งสองท่านเป็นบุคคลากรที่มีคุณภาพของกรมฯ ที่ดิฉันภาคภูมิใจมาก ดิฉันหวังว่าจะได้อ่านเรื่องราวดีๆ ประเทืองปัญญาและเป็นประสบการณ์ให้นักส่งเสริมรุ่นหลังได้ทราบข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อองค์กรและเกษตรกรต่อไป

     เมื่อการเปิดบล็อกเสร็จสิ้นลง ก็หลีกไม่พ้นการประชุมอยู่ดี ท้ายสุดของวันทำงานนี้ก้เข้าประชุมหารือโครงการกองวิจัยฯปี 2550  นี่แหละชีวิตข้าราชการไทยคนหนึ่งที่มีอาชีพนี้เพียงอาชีพเดียวหลีกหนีการประชุมไม่พ้นจริง ๆ

ธุวนันท์ พานิชโยทัย

25 ส.ค. 2549

 

หมายเลขบันทึก: 46236เขียนเมื่อ 25 สิงหาคม 2006 08:02 น. ()แก้ไขเมื่อ 4 พฤษภาคม 2012 00:07 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

เห็นด้วยค่ะประชุมบ่อยจริงๆ การประชุมบางครั้งก็ไม่ได้รับประโยชน์อะไร ต้องอดทนต่อไปค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท