สมมติฐาน (Hypothesis)
สมมติฐานแบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือ สมมติฐานทางสถิติและสมมติฐานการวิจัย หลักการตั้งสมมติฐานทั้ง 2 แบบ คือ แบบอุปมาน (Inductive logic) และแบบอนุมาน (deductive logic)
การตั้งสมมติฐานการวิจัย (Research
Hypothesis)
สมมติฐานการวิจัยเป็นสิ่งที่จำเป็นและสำคัญมาก
เพราะผู้วิจัยความคาดหวังผลที่เป็นคำตอบจากการวิจัย
เป็นการนำคำอธิบายของทฤษฎีหรือผลงานวิจัยมาทำนาย
การเขียนสมมติฐานการวิจัยจะนำคำถามการวิจัยมาให้อยู่ในรูปของคำตอบที่คาดเดาอย่างมีเหตุผล
การตั้งสมมติฐานใช้วิธีการของการอุปมานที่เน้นการสังเกต
และการอนุมานเน้นการให้เหตุผลวิเคราะห์สิ่งที่สังเกตได้
สมมติฐานสามารถตั้งได้อย่างน้อยหนึ่งข้อหรืออาจมากกว่าได้
คุณลักษณะของสมมติฐาน
ความสำคัญของสมมติฐาน
สมมติฐานการวิจัยเขียนใน 2 ลักษณะ
สมมติฐานทางสถิติ (Statistical Hypothesis)
สมมติฐานทางสถิติ เป็นการเขียนเพื่อการทดสอบ รูปประโยคจะเป็นข้อความที่กล่าวถึงค่าพารามิเตอร์ (parameters) คือค่าต่าง ๆ ของประชากร เช่น ค่าเฉลี่ย ค่าความแปรปรวน ในรูปพจน์หรือประโยคสัญลักษณ์ทางคณิตศาสตร์ แบ่งออกเป็น 2 อย่าง คือ
1.สมมติฐานศูนย์ (Null hypothesis) จะเขียนในรูปที่ไม่แสดงอิทธิพลของตัวแปรอิสระ H0 : µ1 = µ2
2.สมมติฐานเลือก
เขียนในรูปที่แสดงความสัมพันธ์หรืออิทธิพลของตัวแปรอิสระเขียนแทนด้วย
H1 และมีอยู่ 2 ชนิดด้วยกันคือ
2.1 สมมติฐานแบบไม่มีทิศทาง (non -
directional hypothesis)
เป็นสมมติฐานที่ระบุค่าพารามิเตอร์ค่าใดค่าหนึ่งไม่เท่ากับค่าใดค่าหนึ่ง
เช่น
H1 = µ1 ¹ µ2
2.2 สมมติฐานแบบมีทิศทาง (Directional hypothesis) ได้แก่ สมมติฐานที่ระบุค่าพารามิเตอร์ค่าใดค่าหนึ่งมากกว่าหรือน้อยกว่า ค่าใดค่าหนึ่ง หรือสัมพันธ์ทางบวก สัมพันธ์ทางลบ เช่น
H1 : µ1 > µ2 หรือ µ1 < µ2
การทดสอบทางสถิติของสมมติฐานนี้เรียกว่าการ ทดสอบสมมติฐานแบบทางเดียว (One - tailed test)
ไม่มีความเห็น