จากอนุทิน (หากินง่ายอีกแล้วครับ)
เตรียมใจ : วันนี้ (13 กันยายน 2554) ผมเดินทางไป ม.ขอนแก่น ตั้งใจนานแล้ว แต่อดจะตื่นเต้นไม่ได้ (นอนตื่นเช้ามาก) กะเตรียมอะไรติดไม้ติดมือหลายอย่าง แต่พอถึงเวลาเหลือแค่...หัวใจและตัวที่จะไปร่วมงาน KKU Show and Share 2011 ผมอยากเจอทุกท่านในบ้านของเรา ...GotoKnow ...ทุกท่านคงใจดีนะครับ ผมมีความรู้สึกอย่างนั้น..
บ่าย ๆ จะกลับไป ภาควิชาสังคมวิทาและมานุษยวิทยา ...กราบอาจารย์ ...และทุกอย่าง ๆ ณ แห่งนั้น ...สูดดมความทรงจำที่แสนหวานอีกครั้ง...คิดถึงเพื่อน ๆ จัง...
ผมเดินลัดเลาะจากหอประชุมวิทยาลัยการปกครองท้องถิ่นที่จัดงาน KKU Show and Share 2011 ไม่ไกลกันเลยนะครับ หลังจากที่ร่ำลากันอย่างมิตรภาพที่เบ่งบาน
นึกย้อนถึงสมัยที่ลามาเรียนปอโทที่สาขานี้ ...ด้วยผมเป็น หมออนามัย (เรียน 2 ปี เรียนปริญญาตรีด้านสาธารณสุข ของ มสธ. อีก 2 ปีกว่า ๆ) แต่ด้วยขอเรียนสาขาที่แปลกออกไปที่ไม่ใช่สายด้านการแพทย์ พยาบาล หรือสุขภาพ จึงโดนท่านนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเข้าพบ..ว่า คุณจะลาเรียนสาขานี้ทำไม ?
ผมก็บอกว่า...เมื่อเป็นหมออนามัยก็ต้องทำงานกับชาวบ้าน ปอตรีก็จบด้านสาธารณสุขแล้ว แต่น่าจะเรียนสายสังคมและมนุษย์ เพราะน่าจะเอื้อ และพัฒนาการทำงานด้านสุขภาพชุมชนได้
ท่านก็คงงง ๆ มั้ง...เลยให้ไปเรียน...แต่เป็นคนแรกและคนเดียวของจังหวัด เพราะนับตั้งแต่นั้นมา...ถ้าใครลาศึกษาต่อต้องไปเรียนที่ได้วุฒิทางด้านวิทยาศาสตร์ ไม่ใช่ศิลปศาสตร์อย่างผม
จะโชคดีหรือโชคร้ายไม่รู้...ที่ผมได้น่าเรียนสาขานี้...แต่แน่ ๆ คือ ผมได้ศาสตร์และศิลปะในการทำงานที่มองถึงหัวใจ...และความเชื่อมโยงที่จะสิ่งถึงความมีชีวิตของชาวบ้าน...และเรียนรู้ที่จะเข้าถึงทุกข์ของชาวบ้าน
นับตั้งแต่นั้นมา ชีวิตของผม 3 ปี ก็วนเวียนภายในคณะ ต่างคณะ และห้องสมุด
สมัยก่อนรถราไม่เยอะเหมือนวันนี้...ผมยังนึกภาพผมกระโดดเก็บตะขบ...บริเวณบัณฑิตศึกษา....และใกล้คณะ
และแล้วก็มาถึงภาควิชาของผม....
นอกจากจะมีพวกเราเรียงรายหน้าสะลอน...เกาะกลุ่ม...เตรียมพร้อมยื่นคอให้ครูเชือด...ในการสอบปากเปล่า...อาทิตย์ละ 2-3 ครั้ง
ที่ที่พวกเราอยู่จะมี หมา อยู่ด้วยเสมอ...จนผมขอให้ครูรับเป็นที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์เรื่อง...วิถีหมา ๆ เหมือนนักวิจัยมานุษยวิทยาที่เข้าวิจัยมด...การทำงานของมด เพื่อเปรียบเทียบกับวิถีมนุษย์...แต่ครูไม่ยอม...แถมยังดุเข้าอีก...
มาถึงห้องธุรการ...ผมต้องไหว้เจ้าสำนักก่อน
เจ้าพ่อทฤษฎีสังคมและมานุษยวิทยาทั้งหลาย
ที่พวกเราปวดหัวกับท่านมากมาย...เพราะเปิดฉากการเรียนด้วยพวกท่านนี้แหละ...แต่ต้องอ่านเป็นภาษาอังกฤษ ...ยิ่งผมเก่งชนิด go day day (ไปวันวัน)
เพื่อนบางคน...พร่ำเพ้อถึงเจ้าสำนักแทบจับไข้...และละเมอ
แต่จริง ๆ แล้ว ทุกท่านสำคัญมากต่อการเรียนรู้และนำไปใช้ในการทำงานครับ...(นอกเหนือจากที่ได้เกรดเท่านั้น)
ผมไม่ได้นัดครูล่วงหน้า...ไปอ่านตารางสอนหน้าห้อง...ยาวถึงห้าโมงเย็น
ผมจึงฝากขนม และหนังสือให้ครูที่ล็อคเกอร์ พร้อมจดหมายน้อย
แต่พอขณะขับรถจะถึงบ้านเกือบทุ่ม...คุณครูก็โทรมา...ว่ามา...มอขอ. ทำไมไม่นัดครูก่อน...จะได้คุยกัน
ผมบอกว่า...ผมมาประชุม และคิดถึงบรรยากาศเก่า ๆ เอาไว้จะนัดกันมาหาครูใหม่โดยพร้อมเพรียงกันครับ
แค่ได้คิดถึงก็เป็นสุขใจนะครับ...คุณครู...
การเรียนในเวลาสั้นของพี่แก้ว คือ Mini MBAที่คณะฯนี้
ทำให้เราได้แนวคิดและศิลปมากขึ้นเช่นกัน
แค่คิดถึงก็สุขใจ เป็นสุดยอดวิชา "มานุษยวิทยา"
มีความสุข ที่นึกถึงความทรงจำ
กว่าพวกเราเรียงรายหน้าสะลอน...เกาะกลุ่ม...เตรียมพร้อมยื่นคอให้ครูเชือด...ในการสอบปากเปล่า...อาทิตย์ละ 2-3 ครั้ง
จะจบได้ เฮ้อ.... เชื่อว่าชีวิตนึกศึกษา ของบัณฑิตศึกษาทุกคนคงผ่านภาวะแบบนี้ถ้วนหน้า
พี่ใหญ่ขอร่วมสนับสนุนการศึกษาด้านนี้ค่ะ ได้เคยเรียนเป็นวิชาในแขนงหนึ่งของรัฐศาสตร์บัณฑิตที่จุฬาฯ ให้ประโยชน์มากมายในการอยู่ร่วมกับเพื่อนมนุษย์และสังคมอย่างมีความสุข :)
ทุกสาขาคือ วิชาเดียวกัน คือ วิชา ธรรมชาติ ครับ
แต่มนุษย์เราแยกออกมา เพื่อความง่ายสำหรับตัวเองเท่านั้น
เยี่ยมเลยครับ ;)...