กะเหรี่ยงกลิ้งหิน


ในความคิดเห็นของผม “กะเหรี่ยงกลิ้งหิน” กับ “แก๊งปาหิน” ช่างมีความหมายที่แตกต่างกันอย่างลิบลับเหลือเกิน

 

 

 

 

 

เรื่องเล่าริมทาง : 

กะเหรี่ยงกลิ้งหิน 

 

 

 

 

 

(1)

 

 

 

          ในบรรดาเส้นทางขนส่งสินค้าทั้งหลายที่ผมเดินทางไป ดูเหมือนว่าสายแม่ฮ่องสอนจะมีความวิบากมากที่สุด เนื่องจากจะต้องข้ามภูเขาเป็นร้อยๆ ลูก แถมยังมีโค้งต่างๆ อีกเกือบ 2,000  แห่ง หากเป็นช่วงฤดูฝนด้วยแล้วยิ่งลำบากหนักเข้าไปอีก เพราะถนนจะลื่นและอันตรายมากๆ บางช่วงถนนก็ถูกน้ำเซาะขาด  ดินถล่มขวางทางก็มี บางครั้งต้นไม้ก็โค่นล้มลงมาขวางถนน จนทำให้เสียเวลาเดินทางไปหลายชั่วโมงก็มี(ต้องรอให้เจ้าหน้าที่มาตัดต้นไม้ออกก่อนถึงจะไปต่อได้)

          แม้ว่าเส้นทางสายแม่ฮ่องสอนจะสุดแสนอันตรายเพียงใดก็ตาม  แต่ผมก็ชอบไปมากกว่าสายอื่นๆ เนื่องจากมีความสนุก ท้าทาย   ตื่นเต้น  เงียบสงบ  ได้สัมผัสกับธรรมชาติมากมาย ส่งของง่าย และเหลือค่ากับข้าวเยอะกว่าที่อื่นๆ ด้วย  คิคิคิ

          ตอนที่ผมเข้ามาทำงานขนส่งสินค้าใหม่ๆ เมื่อเกือบ 4 ปีที่แล้ว  จู่ๆ วันหนึ่งทางบริษัทก็จัดสินค้าให้ผมขึ้นไปส่งที่ตัวเมืองแม่ฮ่องสอน โดยที่ผมไม่มีสิทธิ์ต่อรองอะไรเลย เนื่องจากรถไม่พอใช้นั่นเอง  ได้แต่บ่นอุบอิบในใจอย่างสุภาพตามประสาคนที่เคยบวชนานว่า  “แม่ง! ส่งกูไปตายชัดๆ เลยนิหว่า”

         เที่ยวแรกของการเดินทาง ผมใช้เวลาเดินทางไป 9 ชั่วโมง กลับอีก  9 ชั่วโมง  ไปถึงแม่ฮ่องสอนแล้ว ไม่อยากจะกลับมาอีกเลยจริงๆ  อยากจะนอนอยู่ที่นั่นสักเดือนแล้วค่อยกลับ  เพราะว่าแสนจะโคตรเหนื่อยมากๆ  แข้งขานี่ชาและปวดระบมไปหมด กลับมาถึงบ้านต้องขอให้ลูกกับเมียนวดและเหยียบหลังให้เป็นชั่วโมงๆ เลยทีเดียว

          อย่างไรก็ตาม  ชะรอยว่าทางบริษัทจะเห็นว่าผมไปแม่ฮ่องสอนทีไรก็รอดชีวิตกลับลงมาได้ทุกทีหรืออย่างไรก็ไม่ทราบได้  ต่อมาเขาก็เลยให้ผมไปส่งสินค้าที่แม่ฮ่องสอนอยู่บ่อยๆ จนกลายเป็นขาประจำไปในที่สุด จวบจนกระทั่งถึงทุกวันนี้ ซึ่งเฉลี่ยแล้วก็ประมาณเดือนละ 4 ครั้ง.....จนทำให้ผมรู้สึกชอบและประทับใจเส้นทางสายนี้มากที่สุดไปโดยปริยาย

          อะแฮ่ม!  เกริ่นซะยาวเชียว  เข้าเรื่องกันดีกว่านะคร๊าบ  พี่น้อง  คิคิคิ

 

 

 

(2)

   

         

          เมื่อหลายเดือนก่อน ผมขับรถนำสินค้าไปส่งให้กับลูกค้าที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน โดยขาขึ้นไปผมใช้เส้นทางของอำเภอปาย ไปถึงตัวเมืองแม่ฮ่องสอนประมาณ 7 โมงเช้า ใช้เวลาลงสินค้าประมาณครึ่งชั่วโมงก็เสร็จ จากนั้นก็เดินทางกลับเชียงใหม่โดยใช้เส้นทางแม่ฮ่องสอน-แม่สะเรียง เนื่องจากยังมีร้านค้าอีกแห่งอยู่ที่แม่สะเรียง ซึ่งผมจะต้องนำสินค้าไปส่งให้ด้วย

          เมื่อผมขับรถส่งสินค้าเดินทางเข้าไปสู่เขตอำเภอแม่สะเรียง  ปรากฏว่าตามสองข้างทางมีดินถล่มอยู่เป็นระยะๆ บางแห่งก็มีก้อนหินหล่นกระเด็นตกลงมาอยู่บนขอบถนน ทำให้ต้องขับรถอย่างระมัดระวังมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม

          ประมาณ 10 กิโลเมตร ก่อนจะถึงตัวอำเภอแม่สะเรียง  ผมทอดสายตามองไปข้างหน้าประมาณ 200 เมตร ผมมองเห็นผู้ชายสองคนกำลังก้มๆ เงยๆ อยู่บนไหล่ถนน ผมได้แต่คิดว่าเขาคงกำลังช่วยกันทำอะไรสักอย่างอยู่ตรงนั้น

          ครั้นเมื่อผมค่อยๆ ขับรถไปเกือบจะถึงจุดนั้นแล้ว ผมถึงได้เห็นสิ่งที่ผู้ชายสองคนนั้นกำลังทำอยู่อย่างชัดเจน

          ใช่แล้วครับ.....เขากำลังช่วยกันกลิ้งหินที่หล่นมาจากภูเขาแล้วกระเด็นมากองอยู่บนถนนให้ออกไปอยู่ข้างทาง เพื่อให้รถราต่างๆ สามารถขับผ่านไปได้ โดยไม่ต้องขับชนก้อนหินดังกล่าว

          พอผมเห็นดังนั้น ก็เลยค่อยๆ ชะลอรถเข้าไปจอดที่ข้างทาง ห่างออกไปประมาณ 30 เมตร  จากนั้นก็ลงจากรถมาช่วยผู้ชายสองคนนั้นกลิ้งก้อนหินออกไปจากข้างทาง ซึ่งมีทั้งก้อนเล็กและก้อนใหญ่ ประมาณเกือบ 15 ลูก โดยลูกใหญ่ที่สุดต้องช่วยกันกลิ้งทั้ง 3 คน ถึงจะสามารถดันไปไว้ที่ข้างทางได้

          ลักษณะการแต่งกายด้วยชุดชนเผ่าและภาษาที่พูดจากัน ทำให้ผมทราบได้ทันทีว่า เขาทั้งสองคนเป็นชนเผ่า “ปะกากะญอ” หรือ ที่คนพื้นราบเรียกว่า “กะเหรี่ยง” นั่นเอง

         ทั้งสองคนเป็นพ่อลูกกัน คนพ่ออายุประมาณ 40 กว่าๆ ส่วนคนลูกอายุคงจะราวๆ 18 ปี ทั้งสองคนเพิ่งกลับจากไปนอนไร่ พอขี่มอเตอร์ไซค์ผ่านมาถึงตรงจุดนั้น เห็นก้อนหินหล่นกระเด็นเข้ามาอยู่บนถนนที่มีรถราวิ่งผ่านไปมาอยู่ตลอดเวลา  เขาเกรงว่ารถที่ขับมาโดยไม่ระวังตัวจะชนก้อนหินเหล่านั้นเข้าและจะได้รับอันตราย ก็เลยช่วยกันกลิ้งก้อนหินเหล่านั้นออกไปจากข้างทางเสีย

          “ผมทำอย่างนี้ประจำแหละครับ  เห็นก้อนหินหล่นมาอยู่บนถนน ก็จะช่วยกันเก็บหรือกลิ้งไปไว้ข้างทาง เพื่อไม่ให้รถที่วิ่งผ่านไปมาได้รับอันตราย  เพราะแถวนี้อยู่ไกลจากตัวเมือง หากเป็นอะไรขึ้นมาจะลำบากมาก ยิ่งกลางค่ำกลางคืนด้วยแล้ว ยิ่งอันตรายมากขึ้นอีก เพราะคนขับบางคนตาไม่ดี อาจจะมองไม่เห็นก็ได้  จะรอให้พวกกรมทางมาเก็บหรือจัดการก็คงจะไม่ทันการ อะไรช่วยได้ ก็ช่วยกันไป ทำได้ก็ทำ แต่ถ้าหากว่ามันเกินกำลังของเราจริงๆ ก็คงจะทำไม่ไหวหรอกครับ”

           กะเหรี่ยงผู้พ่ออธิบายถึงเหตุผลให้ผมฟัง  ในขณะที่ผมเองก็รับฟังด้วยความสนใจและรู้สึกทึ่งในสิ่งที่เขาพูดและได้ลงมือทำลงไป

          ในขณะที่กะเหรี่ยงสองพ่อลูกกำลังช่วยกันเก็บเศษก้อนหินเล็กๆ ที่หลงเหลืออยู่โยนไปไว้ข้างทางอยู่นั้น ผมคิดอะไรบางอย่างได้  ก็เลยรีบเดินมาที่รถขนสินค้า จากนั้นก็เปิดท้ายรถและแกะเอาชา “อิชิตัน”  ออกมาจากกล่อง จำนวน 1 แพ็ค(6 ขวด) แล้วก็หิ้วเดินไปหาสองพ่อลูกคู่นั้น

          “น้ำอะไรครับ?” ผู้เป็นลูกชายถามผม

          “น้ำชาเขียวครับ  เคยกินไหม?”

          “เคยเห็นในโฆษณาครับ  แต่เกิดมายังไม่เคยกินชาเขียวเลยครับ เพราะว่ามันแพง เคยกินแต่ชาธรรมดาๆ ที่พวกเราปลูกเอง”

         “ผมเอามาให้ลองกินดูนะครับ  ฟรีครับ  ไม่คิดสตังค์แต่อย่างใด  เพื่อเป็นการตอบแทนความดีที่อ้ายและลูกได้ทำในวันนี้  ซึ่งเป็นสิ่งที่ผมรู้สึกประทับใจอย่างที่สุดเลย” 

          พูดเสร็จ ผมก็ยกชาทั้งแพ็คให้กับผู้เป็นพ่อ ในขณะที่เขามีอาการงงๆ และลังเลว่าจะรับหรือไม่รับดี จนผมต้องขยั้นขยอให้เขารับให้ได้ ซึ่งในที่สุดเขาก็ยอมรับไปแต่โดยดี พร้อมทั้งกล่าวขอบคุณผมเสียยกใหญ่ ในขณะที่ผมเองก็กล่าวขอบคุณเขาเช่นกัน ที่ทำให้ผมได้พบเห็นสิ่งที่ดีๆ อีกครั้งหนึ่งในชีวิต

          “นายจะปิ๊กเจียงใหม่ก๋า?” ผู้พ่อถาม

          “ครับอ้าย   ผมจะปิ๊กเจียงใหม่”

          “ขับรถระวังโตยเน่อ  ดินถล่มนักขนาด อันตรายแต้ๆ  ขอหื้อนายโชคดีเน่อ “

          “ขอบคุณนักๆ ครับอ้าย  ลาก่อนนะครับ”  

          ผมขอบคุณ พร้อมทั้งยกมือไหว้อำลา เพื่อจะได้เดินทางไปยังจุดหมายปลายทางต่อไป

 

 

 

(3)

 

 

 

          บนเส้นทางขากลับ....  นอกจากผมจะขับรถอย่างมีความสุขและอารมณ์ดีแล้ว ผมก็ยังคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยตามประสาของคนช่างคิดอย่างผม

          ภาพของกะเหรี่ยงสองพ่อลูกที่ช่วยกันกลิ้งก้อนหินโดยไม่ต้องมีการร้องขอที่ผมได้พบเห็นในวันนี้ เป็นอีกหนึ่งของความงดงามที่นักเดินทางอย่างผมได้พบเห็นอยู่เป็นประจำตามเส้นทางที่ผมขับรถผ่านไป

          ภาพของกะเหรี่ยงสองพ่อลูกที่ผมได้เห็น ทำให้ผมมองเห็นความงดงามและความดีงามแห่งน้ำใจของผู้คนที่มีอยู่ในทุกหลืบมุมของสังคม  ไม่เว้นแม้กระทั่งตามป่าเขาและดงดอยที่อยู่ไกลแทบจะสุดขอบโลก(อย่างแม่สะเรียง)

          ช่วงหนึ่ง  ผมพลันนึกไปถึงข่าวคราวต่างๆ เกี่ยวกับ “แก๊งปาหิน” ที่ก่อนหน้านี้มักจะเกิดขึ้นเป็นประจำในแถบภาคกลาง ทำให้มีคนได้รับบาดเจ็บ เดือดร้อน หรือแม้กระทั่งถึงกับเสียชีวิตลงอย่างน่าหดหู่ที่สุด

         

 

         ในความคิดเห็นของผม “กะเหรี่ยงกลิ้งหิน” กับ “แก๊งปาหิน”  ช่างมีความหมายที่แตกต่างกันอย่างลิบลับเหลือเกิน

 

 

 

 

 

 

 

 

 

หมายเหตุ :

1. วันนั้นผมไม่ได้เอากล้องกระจอกๆ ของผมติดตัวไปด้วย ก็เลยไม่ได้ถ่ายรูปกะเหรี่ยงสองพ่อลูกเอาไว้....หลายวันก่อนได้พบเห็นหินถล่มและกระเด็นลงมาอยู่บนถนนลักษณะคล้ายๆ กัน ก็เลยถ่ายรูปเอาไว้

2. ก้อนหินที่เห็นเหล่านี้ ตอนหลัง "กะเหรี่ยงพันธุ์อึ่งยืน" ได้จัดการกลิ้งไปไว้ข้างทางเรียบร้อยหมดแล้วนะครับ  คิคิคิ

 

 

 

 

 

 

 

 

เพลง      "น้ำเอย น้ำใจ"

ร้องโดย       "อัสนี-วสันต์  โชติกุล"

 

 

 

 

หมายเลขบันทึก: 453460เขียนเมื่อ 11 สิงหาคม 2011 22:41 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 20:15 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (26)

สวัสดีครับ...

ถนนก็พันโค้งแล้วนะครับ

เมื่อเจอหินหล่นลงมาอีก

ขอให้พี่ปลอดภัยทุกครั้งนะครับ

และเจอกับ 2 พ่อลูก...กะเหรี่ยงกลิ้งหิน

และคนที่น้ำใจดีนะครับ

โลกของเราจะงดงามเพราะมีน้ำใจให้กันครับ

ช่างเหมือนกันราวฟ้ากับเหวเชียวนะครับ

คำก็ดูเป็นกวีในที

กระเหรี่ยงกลิ้งหิน คนไทยปาหิน

เอวังครับงานนี้

สวัสดีครับ คุณหมออดิเรก(ทิมดาบ)

ขอบคุณมากๆ ครับ ที่คุณหมอกรุณาเป็นห่วงผม

ผมจะพยายามดูแลและรักษาชีวิตของตนเองเอาไว้อย่างดีที่สุดนะครับ

อย่างน้อย....ก็เพื่อจะได้ค้นหาเรื่องราวที่ดีๆ มาเล่าให้คุณหมอและเพื่อนได้อ่านกันอีกนานๆ

ขอบคุณมากๆ ครับ

สวัสดีครับ ท่านอาจารย์โสภณ

บังเอิญว่า เป็นเรื่อง "หินๆ" คล้ายๆ กันนะครับ

ก็เลยทำให้ผมประหวัดไปถึงตรงนั้น

ซึ่งมีความหมายที่แตกต่างกันลิบลับเลย

"กะเหรี่ยงกลิ้งหิน".....นึกถึงทีไรก็รู้สึกอบอุ่นและมีความสุขใจ

ส่วน "แก๊งปาหิน" นั้น.....นึกถึงทีไร ก็รู้สึกหวาดกลัวและหนาวสั่นขึ้นมาทุกที....ไม่อยากเจอเลยจริงๆ

ขอบคุณมากๆ ครับผม

สวัสดีค่ะคุณอักขณิช

น้ำใจพวกเขางามมากค่ะน่ายกย่องและเอาเป็นแบบอย่างของการทำดี

แทนที่จะบอกว่าธุระไม่ใช่ซึ่งง่ายกว่าแต่กลับช่วยกันเอาความเสี่ยงออกไปจากถนน ช่วยชีวิตคนได้มากเลยค่ะ

แสดงน้ำใจแบบนี้สังคมน่าอยู่ขึ้นเยอะค่ะ

ชื่นชมในน้ำใจ น้ำชาเขียว และขอบคุณบันทึกดีๆนี้ค่ะ

แม่ฮ่องสอนยังไม่เคยเยือน

ชื่นชมชนเผ่าที่เขาเล็งเห็นการไกล.....ก้อนหินบนถนนเห็นอันตรายอยู่หน้า แก้ปัญหาการสูญเสียทรัพย์สินและชีวิต

แต่คนเมืองเห็นเพื่อนปาดหน้า......ก็รู้ว่าต้องเสียชิวิตและทรัพย์สิน

สวัสดีครับ  อ่านบันทึกนี้แล้วชวนคิดถึงบ้านครับ  ตามที่บอกไปแล้วว่าผมเป็นกะเหรี่ยง แม้บ้านผมจะไม่อยู่บนดอยสูงเหมือนแม่ฮ่องสอน แต่กับความมีน้ำใจแล้ว หากขึ้นตาชั่งแล้วนำหนักคงไม่แพ้กันครับ (กะเหรี่ยงเป็นชนเผ่าที่มักน้อย สันโดษมีน้ำใจครับ) แต่บางครั้งด้วยความสันโดษ ไม่อยากมีปากเสียงกับใคร ผลรับที่ได้จึงกลับกลาย เป็นว่า "ทำลายป่า"

 

เดินท่องมองดินฟ้ากว้าง
เวิ้งว้างนทีภูผา
หลายร้อยพันปีผ่านมา
มีกะลากะเหรี่ยงดงดอย

 

อาศัยธรรมชาติเลี้ยงชีพ
ไม่รีบไม่เร่งใช้สอย
มีข้าวกินเพราะไร่เลื่อนรอย
เฝ้าคอยหมุนเวียนทำไป

 

จวบจนสัมปทานป่าไม้
เข้าไปแผ้วถางเนินใหญ่
บุรุกป่าดงพงไพร
แล้วใส่ไฟว่ากะเหรี่ยงทำลาย

 

ผืนป่าน้อยนิดทำไร่
อาศัยปลูกพืชข้าวไว้
เพียงเพื่อเลี้ยงใจและกาย
ยืนได้อยู่ไปวัน - วาน

 

มักน้อยสันโดษเหลือขนาด
ใจไม่ขลาดเมตตาสงสาร
สัตว์ป่าสัตว์น้ำเต็มลำธาร
บนบานผีสางเทวดา

 

ต่อเมื่อคนเมืองรุกล้ำ
เยียบย่ำดงดอยผืนป่า
เจ้าป่าเจ้าเขาเทวา
คงด่าทอพี่น้องเอาอา..(เอาเป็นภาษาเหนือ แปลว่า "น้า")

 

เทวดาฟ้าดินจึงพิโรธ
ลงโทษหมู่เหล่ามนุษา
คนรับกรรมกลับเป็นชาวพนา
ปกาญอพี่น้องผองเรา.....

สวัสดีครับ คุณถาวร

ผมไม่เคยมองข้ามความสำคัญของสิ่งต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใหญ่หรือเล็กน้อยเพียงใดก็ตาม

ด้วยเหตุนี้ เวลาเดินทางไปที่ไหน ผมจึงได้พบเห็นแต่เรื่องราวดีๆ และงดงามอยู่เสมอ

ทำให้มีเรื่องราวดีๆ มาเล่าสู่กันฟังอยู่บ่อยๆ

โปรดช่วยกันให้กำลังใจแก่คนดีๆ นะครับ เพื่อให้เขามีแรงใจที่จะทำความดีให้กับสังคมมากยิ่งๆ ขึ้น

ขอบคุณครับ

สวัสดีครับ ท่าน วอญ่า-ผู้เฒ่า-natachoei

หากเป็นคนในเมือง ผมว่า....(บางคน)แทนที่จะกลิ้งหินออกไปจากถนน บางทีเขาอาจจะกลิ้งให้หินเข้ามาอยู่กลางถนนมากขึ้นก็ได้นะครับ

โปรดช่วยกันให้กำลังใจคนดีๆ นะครับ เพื่อให้เขามีกำลังใจที่จะทำความดีเพื่อสังคมของเรามากยิ่งๆ ขึ้น

ขอบคุณครับ

สวัสดีครับ ป่าไม้เลื้อย/พาดีซอ

เมื่อหลายปีก่อน ผมเคยไปนอนกับพี่น้องชาวกะเหรี่ยงที่อำเภอจอมทอง อยู่ 2 คืน(ไปทำข่าวเรื่องการอนุรักษ์ป่า)

ได้เห็นความน่ารักของพวกเขาหลายอย่าง รวมทั้งมิตรไมตรีและความมีน้ำใจของพวกเขาด้วย

คราวนั้นผมกลับลงมาด้วยความประทับใจ แม้กระทั่งถึงวันนี้ก็ยังไม่ลืมเลือนเลยครับ

โปรดช่วยกันทำความดีนะครับ แล้วความดีจะคุ้มครองเราให้มีความสุขและพบเจอแต่สิ่งที่งามอยู่ตลอดเวลา

จะรอให้พวกกรมทางมาเก็บหรือจัดการก็คงจะไม่ทันการ อะไรช่วยได้ ก็ช่วยกันไป ทำได้ก็ทำ แต่ถ้าหากว่ามันเกินกำลังของเราจริงๆ ก็คงจะทำไม่ไหวหรอกครับ”

ความงาม ความดี ความเป็นปราชญ์ มีอยู่ในคนรอบตัวเรา ขอเพียงเปิดใจมองเห็น
..เห็นแบบ วงกลม ด้วยนะเออ :-) 

 

ชอบเพลงนี้มากครับ นานๆได้ฟัง ฟังแล้วนึกถึงน้ำใจคนไทยทุกวันนี้ อยากให้ฟังกันทุกๆวันทุกๆคนจัง

สวัสดีครับ คุณหมอแต้ CMUpal

หากเรามองโลกด้วยความปรารถนาดี เราก็จะมองเห็นความงดงามอยู่เสมอนะครับ

และเราก็จะมีความสุขและเบิกบานใจทุกเวลาด้วย

แหม! วันนี้มีการ "แซว" ด้วยเน๊าะ

คำว่า "วงกลม" นิคุ้นๆ จังเลย คิคิคิ

สวัสดีครับ คุณ พ.แจ่มจำรัส

ผมชอบเพลงนี้ตั้งแต่ตอนที่ออกมาใหม่ๆ แล้วนะครับ

ตอนนั้นยังเป็นเณรน้อยอยู่ ยังเผลอสวดมนต์เป็นเพลงนี้เลยนะครับ

เพราะว่าชอบมากกกกกกกก คิคิคิ

  • สวัสดีครับ
  • ความงดงามน้ำใจ ของคนไทยใจดีมีให้เห็นเสมอ ถือเป็นความเอาใจใส่ต่อสังคม น่าชื่นชมและเป็นแบบอย่างครับ
  • เวลาที่เกิดอุบัติเหตุผู้ที่ได้รับความเสียหายใช่เฉพาะคนที่ขับรถเท่านั้น ยังมีครอบครัวได้ต้องรับผลกระทบไปด้วย เป็นการทำดีที่น่ายกย่อง เหมือนปิดทองหลังพระ ใครอาจไม่รู้ แต่ผู้ที่ทำนั้นแสนสุขใจ
  • ยังไงก็เดินทางด้วยความระมัดระวัง ขอให้เดินทางโดยปลอดภัยตลอดเวลาที่มีการเดินทางครับ

สวัสดีครับ คุณชำนาญ เขื่อนแก้ว

รู้สึกยินดีมากๆ ครับที่ได้รู้จัก

ขอบคุณมากๆ ที่กรุณาแวะเข้ามาเยี่ยมและให้กำลังใจ

ขอบคุณมากครับ ที่กรุณาเป็นห่วงเป็นใย

ขอบคุณมากๆ เลยครับ

อ่านแล้วนึกภาพเส้นทาง เป็นอีกหนึ่งความประทับใจ ชอบๆ และเห็นด้วยอย่างยิ่งค่ะ ชาวบ้าน ชาวเขา ชาวดอย ล้วนรุ่มรวยด้วยน้ำใจงาม และมิตรไมตรี การันตีจากที่ไปสัมผัสพื้นที่มา ขอบคุณทำให้ได้คิดถึง เมืองสามหมอกนะคะ

สวัสดีครับ คุณ Poo

คนไทยใจดีและมีน้ำใจเสมอนะครับ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ตาม

ที่เชียงรายเองก็มีเรื่องราวที่น่าสนใจมากมายเช่นกันนะครับ

เอาไว้จะเล่าสู่กันฟังวันหลังละกัน

  • คิดดีและทำดี
  • ย่อมจะมีคนสรรเสริญ
  • ทำดีไม่มีเกิน
  • คนเจริญย่อมทำดี

สวัสดีค่ะ อ่านแล้วสุขใจในความรู้สึกที่ดี มีเรื่องราวที่น่าประทับใจในความมีน้ำใจของชาวบ้านนะคะ อย่าลืมถ่ายภาพที่น่าสนใจแบบหินหล่นข้างทางแบบนี้อีกนะคะ " ช่างแตกต่างกันจริงๆ กลิ้งหิน ก่ะ ปาหิน"

สวัสดีครับ คุณคีต์ตะวัน

ขอบคุณมากๆ ครับ ที่กรุณาแวะมาเยี่ยมและให้กำลังใจ

หากเราช่วยกันยกย่องคนดี เขาก็คงจะมีกำลังใจที่จะทำความดีเพื่อสังคมมากยิ่งๆ ขึ้นนะครับ

สวัสดีครับ คุณ Rinda

ยินดีที่ได้รู้จักครับ

ขอบคุณมากๆ ครับ ที่กรุณาแวะมาเยี่ยมและให้กำลังใจ

ผมจะพยายามถ่ายรูปต่างๆ มาฝากนะครับ

รวมทั้งจะนำเรื่องราวที่ดีๆ ที่ได้พบเห็นมาเล่าสู่กันฟังบ่อยๆ ครับ

ขอบคุณมากครับ

น้ำใจ ไม่เคยเหือดแห้งๆไปจากสังคมไทย

 

 ความเอื้อเฟื้อ ความมีน้ำใจ สามารถเรียนรู้ได้จากสังคมรอบข้าง

อ่านแล้วชื่นใจ  

สวัสดีครับ เอื้อย กระติก~natachoei ที่ ~natadee

ขอบคุณเอื้อยหลายๆ เด้อคับ ที่แวะมาให้กำลังใจเป็นประจำ

คนไทยใจดีและมีน้ำใจเสมอนะครับ

หากพบเห็นที่ใด ก็ขอได้โปรดช่วยกันชื่นชมและให้กำลังใจเขาด้วยนะครับ

เพื่อให้เขาได้มีกำลังใจในการทำความดีมากยิ่งๆ ขึ้น

ยินดีที่ได้รู้จักนักเดินทาง และนักเล่าค่ะ อ่านบันทึกแล้วราวกับได้เดินทางไปตามเส้นทางนั้นด้วย

อ่านเพลิน ได้เห็นน้ำใจและมิตรภาพของคน ๓ คน  อยากเห็นคนไทยไม่นิ่งเฉยแบบนี้เยอะๆ  อ่านแล้วชื่นใจ

คุณพาดีซอ ทำให้ดิฉันรู้จักกระเหรี่ยงดีขึ้น แต่จบแบบเศร้าๆ นะ

เทวดาฟ้าดินจึงพิโรธ
ลงโทษหมู่เหล่ามนุษา
คนรับกรรมกลับเป็นชาวพนา
ปกาญอพี่น้องผองเรา.....

สวัสดีครับ คุณ nui

ขอบคุณมากๆ ครับ ที่กรุณาแวะมาเยี่ยมและให้กำลังใจอยู่เป็นประจำ

มิตรภาพและความงดงาม ยังมีอยู่ในสังคมไทย และเรายังสามารถพบเห็นได้เสมอนะครับ

ขอให้ช่วยกันยกย่องและให้กำลังใจคนดีนะครับ....เพื่อช่วยกันจรรโลงสังคมของเราให้งดงามและน่าอยู่ยิ่งขึ้นครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท