ครั้งหนึ่งในชีวิตแม่


ครั้งแรกที่รู้ตัวว่าจะได้เป็นแม่มีความรู้สึกดีใจแบบบรรยายไม่ถูก  ก็ไปฝากท้องกับคลินิกหมอใกล้บ้าน  ตอนท้องก็ไม่มีมีอาการแพ้อะไรมาก แพ้เฉพาะของที่มีกลิ่นหอม เช่น น้ำหอม แป้ง สบู่ และ สามี เห็นหน้าสามี จะเหม็นและอ้วนทุกครั้ง  อาหารทุกอย่างรับประทานได้หมด  ยกเว้น "นม" กลืนไม่ลง  จนน้ำหนักขึ้นไป 20  กิโล ไปทำงานทุกวัน จนถึงวันที่หมอนัด กำหนดคลอด ดิฉันฝากท้องที่คลินิกค่ะไม่มีเครื่องอุตราซาวด์คุณหมอนัดให้ไปซาวด์ที่โรงพยาบาลประจำอำเภอ ปรากฏว่าอยู่ท่าก้นเด็ก คุณหมอแนะนำให้ผ่าท้องคลอดค่ะเพราะว่าอันตรายต่อแม่และลูกมาก  คุณหมอให้นอนโรงพยาบาล วันที่ 22 ก.พ. 43 นัดผ่าวันที่ 23 ก.พ.43 เวลา 08.30 น.  คืนวันที่  22 เวลา 19.00 น เริ่มปวดท้อง ปวดหน้า-ปวดหลัง พยาบาลเข้ามาดูบอกว่าปากมดลูกเปิดแล้วจะคลอดคืนนี้แน่ จะทำอย่างไรดี กลางคืนผ่าคลอดไม่ได้เพราะบุคลากรไม่เพียงพอโรงพยาบาลเล็กๆก็เป็นแบบนี้แหละ ต้องส่งตัวไปโรงพยาบาลประจำจังหวัด ระยะทางประมาณ 40 กิโลเมตร มีความรู้สึกว่าระยะทางมันไกลมากกว่าจะถึงโรงพยาบาล พอไปถึงโรงพยาบาลต้องไปรอที่ห้องผ่าตัดอีก ก็จังหวัดเล็กๆ ห้องผ่าตัด มี 4 ห้องเองต้องรอคิวอีก โอ้ยอะไรกันนี่ทำไม่คนอื่นเค้าคลอดกันง่ายๆ ทำไม่เราต้องมาเจอสภาพยังงี้ พยาบาลบอกว่าจะคลอดแล้วพาเข้าห้องคลอดดีกว่า อีกคนบอกว่าคุณหมอสั่งผ่ามาแล้วก็ให้ผ่าเถอะ ตกลงคืนนั้นดิฉันก็ได้ผ่าท้องคลอดลูกเวลา 01.03 น ตรงกับวันที่ 23 ก.พ.43 นำหนัก 3,000 กรัม หมอใช้วิธีวางยาสลบ ผ่าแบบฉุกเฉิน กับคุณหมอประจำเวร เย็บกับด้ายธรรมดาต้องล้างแผลทุกวัน เป็นประสบการณ์ที่ลืมไม่ลงเลยค่ะ แต่พอเห็นหน้าลูกความเจ็บเพิ่มไปอีกค่ะ เพราะลูกดิฉันตัวเล็กนิดเดียว แขน ขา เล็ก ยาว แต่หัวโต ปากนิด จมูกหน่อย ผิวดำ ตามลำตัวมีเม็ดเล็กๆ เต็มไปหมด นอนขาถ่างแบบ กบ แต่ร่างกายแข็งแรงคุณหมอบอกว่าเด็กไม่ได้กลับหัว ทำให้หัวโต แขน ขาเล็ก พักอยู่ห้องรวม ใครผ่านไป ผ่านมาเป็นต้องแวะมาดูเด็กประหลาด ดิฉันอยู่โรงพยาบาล 2 วันก็ขอคุณหมอกลับบ้าน บอกว่าจะมาล้างแผลที่โรงพยาบาลใกล้บ้าน คุณหมอก็อนุญาตเพราะแข็งแรงทั้งแม่ทั้งลูก ดิฉันตั้งชื่อว่า ลูกปัด  กลับมาอยู่ที่บ้านลูกดิฉันก็ร้องไห้ทุกวัน  คุณหมอบอกว่า  เด็กมีอาการ "ร้องโคลิค"จะหายไปเองเมื่อครบ  3  เดือน กลางคืนจะร้องทั้งคืน ต้องอุ้ม ถ้าวางจะร้องทันที ดิฉันโชคดีที่มีสามีที่ดีช่วยเลี้ยงดู ซักผ้าอ้อม ช่วยงานทุกอย่างที่ทำได้ และ ลูกปัด เป็นเด็กที่เลี้ยงยากมากๆ ลูกดิฉันจะไม่กินนมผง กินเฉพาะ นมแม่  ชงใส่ขวดให้ก็ไม่ดูด  ทำทุกวิธีก็ไม่กิน ดิฉันต้องทำงานนอกบ้าน ต้องให้คุณย่าเลี้ยง ท่านต้องให้ดูดนมแห้ง  ตัวก็เล็กนิดเดียว กินก็ยาก แต่วันนี้ ลูกดิฉันเรียนอยู่ ป.6 แล้วค่ะ ใครที่เห็นตอนเล็กๆ จะไม่เชื่อว่าเป็นคนเดียวกัน นำหนัก 56 ก.ก ส่วนสูง 159 แล้วค่ะ เป็นสาวตัวขาวแล้วค่ะ

                                รูปถ่ายตอนอายุ 2 เดือน

                                             รูปถ่ายปัจจุบัน

          ตอนที่นอนโรงพยาบาลคนที่คิดถึงมากที่สุดตอนนั้น คือ  "คุณแม่"อยากให้  แม่ มาอยู่ใกล้ ๆ แต่มันเป็นไปไม่ได้เพราะท่านเสียชีวิต ตั้งแต่ดิฉันยังไม่ได้แต่งงาน 

หมายเลขบันทึก: 453457เขียนเมื่อ 11 สิงหาคม 2011 22:05 น. ()แก้ไขเมื่อ 23 มิถุนายน 2012 11:53 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

เป็นบันทึกที่งดงามมากครับ

หญิงชราใบหน้ากร้านเพราะผ่านโลก

เผชิญโชคโศกสุขไปทุกอย่าง

กลั่นเลือดเนื้อเพื่อลูกยอมทุกทาง

หญิงตัวอย่างคือแม่โดยแท้จริง

 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท