จดๆจ้องๆ....แม้แต่จะเลือกหมวดหมู่ยังงุนงงได้เหมือนกัน
...........................................
นึกไม่ออกว่าได้ปลูกต้นมะฮอกกานีไว้ที่รร.สหกรณ์นิคมเกลือตั้งแต่เมื่อไหร่
แต่วันนี้มันสูงใหญ่และเริ่มบดบังอาคารเรียน 2 ชั้นแล้ว พร้อมออกลูกมาให้เห็นอย่าง
น่าอัศจรรย์ นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันเห็นต้นไม้ที่มีอายุนานอย่างมะฮอกกานีออกลูก
และยังอดภูมิใจสองมือสองแขนนี้ที่ได้ปลูกไม้ใหญ่
และเฝ้าดูการเติบโตของมันตลอดมา
เท่มากเลย ลูกของมันชูขึ้นล้อเล่นกับท้องฟ้า ท้าลมและแสงแดดอย่างไม่เกรงกลัว
รังสีUVAและUVB นึกสนุกคิดไปว่าต้นมะฮอกกานีเหล่านี้อาจผลิตสารป้องกันแสง
แดดได้เองจนไม่รู้ร้อนรู้หนาว หนำซ้ำเจ้ามดแดงพากันไต่ขึ้นไปทำรังถือครอง
กรรมสิทธิ์จำนวนมากก็ตามจนเด็กน้อยต้องย้ายที่นั่งเล่น..
แต่ที่แน่ๆ ฉันได้ปลูกพวกเขา ก่อนการประกาศปฏิรูปการศึกษาราว 5 ปี
และก่อนที่เพื่อนครูซึ่งช่วยกันปลูกคนละ 5 ต้นจะจากโลกนี้ไปในวัยเพียง 40 กว่า
ถ้าเช่นนั้นมันน่าจะมีอายุประมาณ 15 ปีแล้ว หรือมากกว่าเล็กน้อย
วันนี้นั่งมองทุกต้นที่ได้ลงมือปลูกด้วยตัวเอง และมองต้นที่เพื่อนผู้ล่วงลับได้ปลูกไว้
จำได้ว่าเราเคยเอ่ยปากประลองกันว่ามะฮอกกานีฝั่งขวาหรือซ้ายจะโตกว่ากัน
แล้วทั้งครูและเด็กก็ดูแล หมั่นใส่ปุ๋ย รดน้ำกัน 2 ปี ผ่านไป มะฮอกกานีทั้ง 2 ฝาก
อาคารต่างเติบโต และแข็งแรงอย่างเห็นได้ชัด แม้ว่าจะดูผอมไปหน่อย
ฝั่งต้นของเพื่อนที่ปลูกเริ่มโอนเอนลำต้นออกห่างชายคาเพื่อหาแดด เพราะเพื่อน
ปลูกห่างชายคาเพียง50 เซ็นติเมตร แต่ของฉันเลือกที่จะปลูกห่างชายคาออกไป
ประมาณ 1.50 เมตร จึงทำให้มีลำต้นตรง สูงชะลูดแทงขึ้นไป จนต้องตัดสินใจตัด
ยอดออกต้นหนึ่ง ที่บังเอิญสูงจนหวาดเสียวว่าเวลาลมพัดแรงจะโอนเอนกวาด
หลังคาอาคารจนเสียหาย มันก็ยังคงเติบโตแข็งแรง ลำต้นใหญ่และหนาขึ้น
วันนี้มีเวลาให้เฝ้ามองมันอย่างพินิจอีกครั้ง เพราะมันมีลูกให้ชม จึงต้องดูว่าต้นไหน
บ้างที่ออกลูก และต้นไหน ยังไม่ออก ออกมากี่ลูกก็แหงนหน้านับจนเมื่อย มองไป
ทางกลุ่มต้นที่เจ้าของจากไปแล้วกลับโตช้ากว่ามาก เห็นได้ชัดถึงความแตกต่าง....
รึนี่เป็นสัญญาณบอกให้เข้าใจว่าต้นไม้ก็มีจิตวิญญาณของความเป็นสิ่งมีชีวิตหรือไร
และหรือต้นไม้มีความผูกพันกับชีวิตมนุษย์ที่เกี่ยวข้อง
ย้อนไปหลังจากปลูกได้ประมาณ 4 ปี 1 ในจำนวน 5 ต้นที่เพื่อนปลูก หักล้มลงด้วย
เหตุว่ามันอยู่ใกล้มือคน และเป็นทางที่ใครๆก็ต้องเดินผ่านทางนี้
มันจึงถูกทำร้าย บ่อยมาก บาดแผลบริเวณโคนต้นฉีกหักและกว้างใหญ่ขึ้น เมื่อมัน
โดนทำร้ายซ้ำแล้วซ้ำอีก มันจึงทอดร่างลงบนพื้นดินโดยที่ยังมีเปลือกเชื่อมต่ออยู่
รอบๆอีกครั้ง ..ฉันใช้วิธีปักไม้รวกลงดินใกล้บริเวณโคนต้นที่หักให้มากที่สุดยึดให้
แน่นก่อนพันด้วยเชือกฟางที่คลี่ออก และตามด้วยเชือกว่าวพันรัดกับกิ่งไม้รวกอีก
ครั้ง..ไม่มั่นใจกับการทำเช่นนี้แต่คิดว่าเป็นวิธีที่ดีที่สุด เนื้อไม้น่าจะเชื่อมต่อกันได้
ฉ้นค่อยๆรดน้อลงไปบนดินให้น้ำค่อยๆซึมลงไปโดยพยายามไม่ให้โคนต้นบริเวณที่
หักเปียกเพราะเกรงจะเน่าได้ ทุกครั้งที่รดน้ำ จะพูดกับต้นไม้ต้นนี้ว่า
"ลุกขึ้นมาเถิด จงฟื้นขึ้นมาอีกครั้งนะ "
สำหรับมะฮอกกานี 5 ต้นที่ฉันปลูกนั้น ดูจะมีความสุขมาก มันพากันเติบโตอย่างที่
บอกไว้ อาจเป็นเพราะฉันได้ปลูกต้นมะยม และต้นหมากให้เป็นเพื่อนยามสายลมพัด
ผ่าน และแสงแดดที่แผดเผา อีกทั้งยามที่รร.ปิดภาคเรียนในฤดูร้อนที่ต้นไม้เหล่านี้
ต้องพากันอดน้ำบ้างเป็นครั้งคราว ต่างพากันมีชีวิตอยู่และเติบโตจนทุกวันนี้
หลังวันที่ 30 กันยายน เป็นต้นไป ต้นไม้เหล่านี้จะยังอยู่หรือจากไป
ก็ขึ้นอยู่กับวิสัยทัศน์ผู้นำคนใหม่แล้วหละ
นึกขึ้นได้...ยังมีมะฮอกกานีอีกต้นหนึ่งของเพือนซึ่งถูกเด็กน้อยแสนซนพากันโยก
เล่นทุกวันๆ จนรากคลอน และถอนขึ้นจากดิน...มันนอนอยู่โดยไม่มีใครสนใจ
ยามน้ำทะเลขึ้นมันก็จมลงไปในน้ำที่เอ่อขึ้นมา
ยามน้ำทะเลแห้งมันก็แห้งตามจนกิ่งก้านกรอบ ใบร่วงหมด
ลำต้นมันใหญ่เกินที่ฉันจะยกเองได้ ระยะนั้นฉันเองมีภาระต้องไปทำงาน
ร่วมกับศูนย์ ERIC สมุทรสาครที่รร.สคณ. อีกทั้งไปราชการเป็นวิทยากร
ให้การอบรมการใช้ภาษาอังกฤษให้กับหน่วยงานต่างๆเช่นกลุ่มงานรพ.สมุทรสาคร
กลุ่มโรงงาน กลุ่มแคดดี้ และกลุ่มไกด์ จึงแทบไม่มีเวลาว่างปลูกต้นไม้ที่ตัวเองชอบ
มากนัก จนเวลาผ่านไป 3 เดือน เจ้าต้นมะฮอกต้นนี้ก็ยังนอนเอ้งเม้งอยู่บนดินเค็ม
รากแห้งเกร็ง แต่ก็ยังไม่มีเวลาจัดการอะไรนอกจากขอให้เด็กๆช่วยกันลากมันมา
พิงไว้ใต้ต้นที่แข็งแรง อีกไม่ถึงอาทิตย์ก็จะถึงวันพ่อของปีนั้นแล้ว
วันที่ 4 ธันวาคม รร.จัดกิจกรรมวันพ่อ ให้เด็กและครูได้ปลูกต้นไม้ร่วมกัน นอกเหนือ
จัดพิธีราชสดุดีถวายพ่อหลวง กับจัดนิทรรศเทิดพระเกียรติแล้ว ฉันและเด็กน้อยจิต
อาสาเลือกที่จะปลูกต้นไม้ พร้อมกับจับมะฮอกกานีที่ใครๆเชื่อว่ามันตายแล้วปลูกลง
ไปบนดินจืดที่เตรียมไว้เป็นเนิน
แล้วปลูกตะไคร้ล้อมรอบ เฝ้ารดน้ำทุกวันจนอ่อนใจเข้าใจว่ามันตายแน่ๆ
นานข้ามปี จนฝนใหม่มา มันเริ่มแตกใบอ่อนมาให้ชื่นใจ พร้อมๆกับตะไคร้เริ่มหนาตา
และดูออกจะรกเกินไป นับเป็นการคืนชีวิตใหม่ให้กับต้นมะฮอกกานีต้นนี้จริงๆ
หลังจากนั้นไม่นาน ฉันตัดสินใจปลูกเพื่อนให้มัน ด้วยความเชื่อ
ว่าจะช่วยกันเติบโตได้ดี ฉันเลือกมะพร้าวน้ำหอมให้อยู่คู่มะฮอกกานี
ไม่มีเหตุผลใดๆ นอกจากความพอใจที่จะให้มันอยู่เป็นเพื่อนกัน
อาจไม่ถูกต้องตามหลักการเกษตรก็ได้ แต่ถูกใจ อิอิ
และต่อจากนี้ไปต้นไม้ที่ปลูกทุกต้นที่ฉันปลูก ควรได้รับการบันทึกข้อมูลสักที
ขอบคุณผู้อ่านทุกท่านค่ะ
พี่ครูต้อยครับ ลูกมันเป็นแบบไหนครับ...
เรียกว่า เห็นมันมาจากต่างประเทศกลัวมันเหงาเลยหาคู่ให้มันหน่อย
เมื่อไม่เหงามันเลยโตงอกงามดีนะครับ
เกิดได้ด้วยใจจริงๆ ค่ะ
ขอบคุณค่ะ น้องอ.ดร.ขจิต ฝอยทอง ยังคงรักษาความเร็วได้เช่นเคยนะคะ
ขอบคุณท่านอ.โสภณ เปียสนิท ต้นไม้ก็คงต้องการสังคมเช่นกันนะคะ
ขอบคุณค่ะน้องBright Lily ที่ไหนมีรักที่นั่นมีพลังบวกเช่นทบ้านg2kหลังนี้นะคะ
ÄÄ..ยายธีอ่านแล้ว..คิดถึงต้นไม้..ในป่าที่ปลูกไว้..สักต้นหนึ่ง,,ล้มเมื่อโดนลม..ลำต้นใหญ่แล้ว..มีคนจ้องมองหา..ผลประโยชน์กับไม้ล้ม..(อยากตัดทอน..ให้เป็นราคา)...ยายธี..กลับ..ปล่อยให้เขาได้นอนทอดตัวเป็น..ธรรมชาติ..อยู่อย่างนั้น...วันเวลาผ่านไป..สักต้นนั้นกลับงอก..ลำต้น..และแตกกิ่ง..ก้าน สาขา..ออกมาอีก....(เลยได้เรียน..คำว่า..ไม่ล้ม..อย่าข้าม..เจ้าค่ะ..ยายธี)
อ่านด้วยความประทับใจกับการเฝ้าดูมะฮอกกานีที่ปลูก
ให้อะไรหลายอย่างค่ะ
แต่ที่เห็นด้วยคือการปลูกพืชแบบให้เขาพึ่งพากัน
เหมือนมนุษย์ที่ไม่สามารถอยู้ได้คนเดียวบนโลก
ทุกสิ่งอย่างต้องพึ่งพากันนะคะ
ขอให้เขายังอยู่ หลัง ๓๐ กันยายน ๕๔ นะคะ
-ขอบคุณค่ะ น้องศน.ลำดวน
พี่ก็หวังเช่นนั้น.............
"ชีวิตที่พึ่งพาของป่าช่วยนำพาให้ป่าสมบรูณ์"
อยากเป็นเจ้าของป่าเร่งตัดไม้แต่ต้นฝน
ทำลายสิ้นวายชนม์ สุดขื่นขมร้าวรานใจ
วันดีอยากฟื้นป่า ระดมกู่ร้องเรียกหา
ใคร่ครวญหนาวอุราป่าทั้งผืนถล่มลง
เจ็บปวดยิ่งยวดนักเมื่อถามซักหาเหตุผล
มนุษย์หน้ามลๆหัวใจกลเป็นคนทำ
ขอบคุณค่ะ
ขอบคุณค่ะ