การแสดงลิเกป่า


นำเสนอเป็นความรู้

ลิเกป่า 

 

ประวัติ

                ปี พ.ศ. ๒๔๒๒ ลันตูพ่อค้าชาวชวา (ซึ่งได้ไปทำการค้าขายพร้อมด้วยพี่ ๆ น้อง ๆ ที่เมืองกัลกัตตา ประเทศอินเดีย) ได้เดินทางเข้ามาค้าขายในเมืองไทย ลันตู หรือแขกดำ (บางคณะเรียกแขกแดง) ได้เมียเป็นหญิงไทยคนหนึ่งชื่อ “ยาหยี” ลันตูและยาหยีทำการค้าอยู่ในเมืองไทยกว่าสิบปี จนร่ำรวยมาก วันหนึ่งเขาคิดถึงพ่อแม่ พี่น้องที่อยู่อินเดีย คิดจะกลับไปเยี่ยม จึงบอกให้ยาหยีรู้ ยาหยีเศร้าโศกเศร้ามากเพราะไม่เคยจากพ่อแม่ไปไหน

                ในวันที่อาบังลันตูและยาหยีจากเมืองไทยไป ได้มีครอบครัวหนึ่งซึ่งเป็นเพื่อนบ้าน เห็นเหตุการณืโดยตลอด ครอบครัวนี้มีลูกสาวสองคนชื่อ นางยวนและสร้อยระย้า เธอทั้งสองได้นำเหตุการณ์ของคนทั้งสองในวันนั้นมาร้องเป็นเพลงและแสดงเป็นเรื่องราว (พ.ศ.๒๔๓๒) เรียกว่า “มโนราห์มะหยัง” เล่นอยู่ประมาณ ๘ ปี (ที่เกาะลันตา จังหวัดกระบี่)

                พ.ศ. ๒๔๔๐ ได้มีคนนำเข้ามาเล่นที่ตรัง ในสมัยนั้นเจ้าเมืองตรังไม่ทราบชื่อแน่ชัด พร้อมข้าราชการได้ออกไปจับช้างในเขตแดนเมืองตรังและกระบี่ เมื่อจับช้างได้แล้ว ก็มีการเฉลิมฉลอง การละเล่นในคืนนั้นมีมโนราห์มะหยังด้วย เจ้าเมืองตรังเห็นว่า มโนราห์มะหยังที่เล่นในคืนนั้นสนุกพอ ๆ กับลิเกเมือง จึงเปลี่ยนชื่อมโนราห์มะหยังเป็น “ลิเกป่า”

                พ.ศ. ๒๔๕๐ ลิเกป่าได้แพร่หลายเข้ามาในเมืองนครศรีธรรมราชและพัทลุง ยุคนี้ลิเกป่าเฟื่องฟูมาก จนมีการเล่นเกือบทุกหมู่บ้านในสี่จังหวัดดังกล่าว

                พ.ศ. ๒๔๘๐ จนถึงปัจจุบัน การเล่นลิเกป่าซบเซามาก จนเหลือเพียง ๒- ๓ คณะเท่านั้น

 

โอกาสที่แสดง

                แสดงในโอกาสสนุกรื่นเริง หรือเทศกาลต่าง ๆ งานฉลอง และงานมงคล

 

สถานที่แสดง

                ปลูกเป็นดรงยกพื้นสูงประมาณ ๑ เมตร หรือปลูกเป็นโรคติดพื้นดินกว้างประมาณ ๕x๘ เมตร (ขนาดโรงโนรา) แบ่งเป็นสองตอน โดยใช้ม่าสนกั้นตอนหน้า มีเนื้อที่ประมาณ ๒ ใน ๓ ใช้เป็นที่แสดงและที่นั่งของลูกคู่ ตอนหลังใช้เป็นที่แต่งตัว และที่พักของผู้แสดง

 

ดนตรี

                ดนตรีประกอบการแสดงลิเกป่า มี ๒ ชุด คือ

ชุดธรรมดา

                ประกอบด้วย รำมะนา หรือโทน ๓ ใบ ขนาดใหญ่ ๒ ใบ เล็ก ๑ ใบ โหม่ง ๑ คู่ ฉิ่ง ๑ คู่ ปี่ ๑ เลา และกรับ ๑ คู่

ชุดใหญ่

                ประกอบด้วย รำมะนา หรือโทน ๔ ใบ ขนาดใหญ่ ๒ ใบ ขนาดกลาง ๑ ใบเล็ก ๑ ใบ โหม่ง ๑ คู่

ฉิ่ง ๑ คู่ ปี่ ๓ เลา ซอด้วง ๑ คัน กรับ ๔ คู่ กลองตุก ๑ ใบ

                เครื่องดนตรีลิเกป่ามีลักษณะเด่นในการบรรเลงต่างกัน ๒ ลักษณะ คือ การบรรเลงเครื่องดนตรีกำกับจังหวะ และเครื่องดนตรี ประกอบทำนองขับร้อง รำมะนาจัดเป็นเครื่องดนตรีกำกับจังหวะที่สำคัญที่สุด เป็นดนตรีหลักที่ขาดไม่ได้ ด้วยความสำคัญของเครื่องดนตรีชนิดนี้จึงเรียกการละเล่นชนิดนี้ว่า “ลิเกรำมะนา” ปี่และซอเป็นดนตรีที่ใช้ประกอบทำนองร้อง จะใช้เป่าตามลักษณะการรับของลูกคู่เฉพาะแต่ละเพลงไป

 

เครื่องแต่งกาย

                ลักษณะการแต่งกายแตกต่างกันตามลักษณะของตัวละคร ดังนี้

เจ้าเมือง

                เนื่องจากลิเกป่าเพิ่งเกิดขึ้นในยุครัตนโกสินทร์ตอนกลาง ซึ่งเป็นยุคที่รับอารยธรรมของฝรั่ง เจ้าเมืองจึงสวมสูท หรือนุ่งผ้าม่วง เสื้อราชปะแตน ถือดาบ

แขก หรือ อาบัง

                นุ่งกางเกงขายาว มีผ้าโสร่งนุ่งทับครึ่งท่อน (เลยเข่า) สวมเสื้อเชิ๊ต และสวมเสื้อกั๊กทับ หรือ สวมสูท สวมหมวกแขก

ยาหยี

                แต่งตามแบบสาวอิสลาม คือ นุ่งผ้าปาเต๊ะ สวมเสื้อแขนกระบอก มีผ้าโปร่งคลุมศีรษะ

เสนา

                แต่งกายแบบพื้นเมือง คือ นุ่งโสร่ง สวมเสื้อคอกลม สวมลอกพอก (แบบชาวมุสลิม)

 

ลีลาการแสดง

                ท่ารำหรือลีลาการแสดงของผู้แสดงแต่ละคนจะต่างกัน

                เจ้าเมืองและยาหยี

                                จะรำอย่างอ่อนช้อย แต่ไมถึงขนาดงดงามเท่าโนรา

                แขก

                                จะเต้นในลีลาที่สง่างาม องอาจ เอาจริง เอาจัง ถือเป็นช่วงที่สนุกสนานที่สุดของลิเกป่า จนบางครั้งเรียกลิเกป่าว่า “เต้นแขก” หรือเต้นแขกแดง

                เสนา

                                การเต้นของเสนาคล้าย ๆ กับแขก และการเต้นของพรานมโนราห์

 

ธรรมเนียมการแสดงลิเกป่า

                การแสดงลิเกป่ามีบทบาทเหมือนละคร มีทั้งคำพากย์และเจรจา มีธรรมเนียมการแสดงที่เป็นแบบแผน ดังนี้

                ๑ ลงโรง หรือโหมโรง

                                เป็นการบรรเลดนตรีล้วน ๆ เพื่อเรียกคนดู และให้ผู้แสดงเตรียมพร้อม

                ๒. ไหว้ครู

                                เป็นการร้องคารวะครู และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ อันเชิญมาพิทักษ์รักษาคุ้มครองคณะลิเกป่า คำไหว้ครูบางครั้งเรียกว่า “เชิญครู” คำเชิญครูของแต่ละคณะจะแตกต่างกันไม่มากนัก แต่ทำนองที่ร้องใช้ทำนองเดียวกัน เช่น

                ลูกคู่        ค่ำแล้วเชิญครูมาอยู่เบื้อซ้ายเบื้องขวา  (ซ้ำ)

                                ราชครูเอิงเอยของน้อง ลอยล่องกันเข้ามา เข้ามาเหอกันเข้ามา

                ร้อง         หัวค่ำดำเนิน ลูกร้องเชิญ แม่นางยวน  (ซ้ำ)

                                ห่มแพรนั่นแลสีนวน แล้วรีบด่วนกันเข้ามา

ลูกคู่        ค่ำแล้วเชิญครูมาอยู่เบื้อซ้ายเบื้องขวา  (ซ้ำ)

                                ราชครูเอิงเอยของน้อง ลอยล่องกันเข้ามา เข้ามาเหอกันเข้ามา

                ร้อง         โอมสี่สิบสี่เที่ยวล่องเร่บนเวหา  (ซ้ำ)

                                ประนมมือเอิงเอยเหมอหน้า นิ้วลูกยาดังเทียนราย

ลูกคู่        ค่ำแล้วเชิญครูมาอยู่เบื้อซ้ายเบื้องขวา  (ซ้ำ)

                                ราชครูเอิงเอยของน้อง ลอยล่องกันเข้ามา เข้ามาเหอกันเข้ามา

                ร้อง         ม่วงทองหม่อมรอง ลูกนั่งร้อง กาศจ้ายจ้าย ทั้งขวานั่นแลทางซ้าย นั่งไหว้ ยอวันทา 

                ลูกคู่        ค่ำแล้วเชิญครูมาอยู่เบื้อซ้ายเบื้องขวา  (ซ้ำ)

                                ราชครูเอิงเอยของน้อง ลอยล่องกันเข้ามา เข้ามาเหอกันเข้ามา

                ร้อง         โอมพร้อมมาพร้อม ขอมาล้อมในคืนนี้ ราชครุเอิงเอยของพี่ คืนนี้ให้เหมา

                ลูกคู่        ค่ำแล้วเชิญครูมาอยู่เบื้อซ้ายเบื้องขวา  (ซ้ำ)

                                ราชครูเอิงเอยของน้อง ลอยล่องกันเข้ามา เข้ามาเหอกันเข้ามา

               

 

 

๓. ช้าดอก หรือว่าดอก

                เป็นการผลัดกันร้องผลัดกันรับทีละคนไปรอบ ๆ วง การว่าดอกมักใช้ปฏิภาณและไหวพริบของแต่ละคน การว่าดอกจะว่ายาวหรือสั้นก็ได้ การเล่นแต่ละครั้งจะว่ากี่บทก็ได้ แล้วแต่ระยะเวลาในการแสดง ลิเกป่าบางคณะจะว่าช้าดอกกับเชิญครูพร้อมกัน ช้าดอกแต่ละตอน เพลงรับจะไม่เหมือนกันเช่น

รับ           ร่มโด1  โพดกที่ยังมีรังนกเขาชวา  แขกเต้า  ของพี่  ป่านี้ไม่เห็นมา

ร้อง         เจ้าช่อมะกอก พี่รัดเจ้าดอกกล้วยเถื่อน2  ชมดาวสาวเอยล้อมเดือน  ชมเกลื้อน3 ล้อมนม

สาว (ซ้ำ)

รับ           ร่มโด โพดกโพดกที่ยังมีรังนกเขาชวา  แขกเต้า  ของพี่  ป่านี้ไม่เห็นมา

ร้อง         แจวเรือ ออด  ออด  พี่มาแจวจอดตรงหน้าท่า แจวไปเอิงเอยแจวมา รับน้องยาไปด้วยกัน (ซ้ำ)

รับ           ร่มโด โพดกโพดกที่ยังมีรังนกเขาชวา  แขกเต้า  ของพี่  ป่านี้ไม่เห็นมา

ร้อง         บ้านน้องอยู่นี่ บ้านของพี่ช่างอยู่ไกล หนทางน้องเอยเดินยาก แสนลำบากตอนจากไป

(หนอย น่อย น้อยน้อย น่อยน้อย หนอย นอย นอย น้อย น้อย น้อย น้อย น้อย หน่อย หนอย น้อย น่อย เอย)

                รับ           เดนั่ง  เดนั่ง  ลังก่ง ไอ้ม่วยกันตง แม่ศรีระย้า

                ร้อง         รักนวล ชวนนวลเข้าไปในสวน ชมดอกมณฑา กรีดเล็บน้องเอ่ยเก็บได้ จะพาไปให้กับสุดา

                รับ           เดนั่ง  เดนั่ง  ลังก่ง ไอ้ม่วยกันตง แม่ศรีระย้า

ร้อง         รักนวล ชวนนวลเข้าไปในสวน ชมดอกสาเหล้า กรีดเล็บน้องเอ่ยเก็บได้ จะพาไปให้
พวกสาว ๆ

                รับ           เดนั่ง  เดนั่ง  ลังก่ง ไอ้ม่วยกันตง แม่ศรีระย้า

ร้อง         รักนวล ชวนนวลเข้าไปในสวน ชมดอกนมหวัน กรีดเล็บน้องเอ่ยเก็บได้ จะพาไปให้
แจ่มจันทร์

                (หน่อย น่อย น้อย)

               

 

 

 

1 โด  หมายถึง  ประดู่

กล้วยเถื่อน  หมายถึง  กล้วยป่า

3  เกลื้อน  หมายถึง  โรคเกลื้อน  การมีเกลื้อนถือว่ามีเสน่ห์

๔. บอกชุด

                                เป็นการบอกเรื่องที่จะเล่นว่า มีอะไรบ้าง เข้าใจว่าเดิมลิเกป่าคงตัดตอนเอานิทาน หรือนิยายหลาย ๆ เรื่อง ๆ มาเล่นเป็นตอนสั้น ๆ แบบเดียวกับที่โนราเล่นบทสิบสอง แต่ขณะนี้การแสดงทำนองนั้นได้เลิกไปแล้ว ที่ยังคงบอกชุดกันในคณะลิเกป่า คงทำเป็นประเพณีกันมาเท่านั้น

 

ตัวอย่างการบอกชุด

                รับ           เอ้ยภุมตละภุมมาริน บินมาเชยกลิ่น เกสรมาลา มาลาเหอ เกสรมาลา

                ชุดที่หนึ่ง              ฉันบอกให้แน่ บอกพ่อ บอกแม่ สิบสองภาษา เอ้ยภุมตละภุมมารินฯ

                ชุดที่สอง               แขกแดงเสงี่ยม เล่นตามธรรมเนียม1 แต่ก่อนสอนมา เอ้ยภุมตละภุมมารินฯ

                ชุดที่สาม               พระชูงามขำ บอกแม่ตาต่ำ ออกมารำทำท่า เอ้ยภุมตละภุมมารินฯ

                ชุดที่สี่                    ยังมีคับคั่ง เล่นเรื่องฝรั่งสิบสองภาษา เอ้ยภุมตละภุมมารินฯ

                ชุดที่ห้า                  ชื่อว่ามามอญ เที่ยวเล่นลักซ่อนอยู่ในกลางป่า เอ้ยภุมตละภุมมารินฯ

                ชุดที่หก                 ตกมอญมะเทิ่ง  เมียชื่อมวยเจิง รูปโอโสภา เอ้ยภุมตละภุมมารินฯ

                ชุดที่เจ็ด                 ยังมีญาน้อย รูปร่างชดช้อย สุดสวยโสภา เอ้ยภุมตละภุมมารินฯ

                ชุดที่แปด               พระจันทโครบ  ตอนเปิดผอบที่ในกลางป่า เอ้ยภุมตละภุมมารินฯ

                ชุดที่เก้า                 เล่าเรื่องนางยวน ห่มแพรสีนวน สาวเดินลอยหน้า เอ้ยภุมตละภุมมารินฯ

                ชุดที่สิบ                 ยกหัตถ์ทิพย์ขึ้นตั้ง ไหว้พี่น้องนั่งทั้งซ้ายขวา เอ้ยภุมตละภุมมารินฯ

                ชุดที่สิบเอ็ด           พระสุวรรณญาหงส์ เมื่อต้องศรทรงที่ในกลางป่า เอ้ยภุมตละภุมมารินฯ

                ชุดที่สิบสอง         มีสองยามเศษ ต่อไปแขกเทศออกมารำทำท่า รำมะนามาพร้อม ขอน้อมคำนับ

จะจับเพลงแขกให้แปลกภาษา

 

                ๕. ออกแขก

                                การออกแขกบางคณะก็เรียกแขกแดง บางคณะเรียกแขกดำ แต่ทุกคณะก็แสดงเหมือนกันทั้งหมด เป็นการเล่นตามธรรมเนียม เนื้อเรื่องโดยสังเขป มีว่า เช้าตรู่วันหนึ่งแขกแดงนำเรือเข้าเทียบท่า ได้พบกับเสนา พูดจาสื่อสารกันไม่รู้เรื่อง เสนาจึงนำความไปทูลเจ้าเมือง เจ้าเมืองออกพบแขกแดง ทราบความว่าจะขอลูดเรือสัก ๑ คน เพื่อเดินทางกลับเมือง เจ้าเมืองให้เสนาไปกับแขก แล้วแขกแดงไปหายาหยีสาวไทยซึ่งเป็ในภรรยา ชวนนางไป แต่นางไม่ยอม แขกอ้อนวอนจนนางตกลง นางกล่าวลาพ่อแม่ พี่น้อง เครื่องใช้ไม้สอย และผู้ชม แล้วไปลงเรือ ตอนเรืออยู่กลางทะเล แขกและยาหยีได้ร้องชมเกาะ ชมปลา และชมดาวต่าง ๆ ไปเรื่อย ๆ จนถึงเมือง

__________________________

1 การแสดงเรื่องแขกแดง เป็นการแสดงตามธรรมเนียมก่อนการแสดงเรื่องต่าง ๆ

ทำนองว่าบทของแขก ผู้แสดงพยายามดัดสำเนียงให้เป็นภาษาแขก ถ้อยคำมัความหมายบ้าง ไม่มีความหมายบ้าง ตอนแรกจะว่าอยู่ในม่าน

                เพลงรับก่อนออกแขก มีสองเพลง ร้องเพลงใดก็ได้

                “ไอ้โรงโจงโกรง ทำบินระโยงระยา อะเหน้ระยา ตุมันตาเร”

                “ไอ้โรงโจงโกรง ทำบินระโยงระยา จำปีลอยไป พวงมาลัยลอยมา”

 

                ขึ้นบท

                ลูกคู่        แขกมาแล้วเหวอ แขกมาแล้ววา (ซ้ำ) เร็ว ๆ เข้าต้า ออกมาเร็วไว

รับ           หน่อย น้อย นอย น่อย หน่อย น้อย นอย หนอย หนอย นอย น้อย น้อย น้อย น้อย

หนอย หน่อย หน่อย น้อย หน่อย เอย

                ในม่าน (หลังฉาก)

แขกจะจุดเทียน และถือไว้ก่อนออกจะกระตุกผ้าม่านเบา ๆ แล้วขึ้นบทร้องว่า

เอเห อนาตินา ตะดำประเด ยุปะบันตนสะหะกะลี โดโด่สินี สะยาพิกิน ลิเก

                รับ           ไอโรงโจงโกรง ฯ  อิสลัมมาลัยเขิม ละต้วนลาตัง มานามารี โดโดสินี สะยาฟิกี้ โอรัง

                รับ           ไอโรงโจงโกรง ฯ  ตุรุวันนานา ตุรุวันนานา อเดระย้า ลักตาสิงค์โปร์

                รับ           ไอโรงโจงโกรง ฯ  มานามาเร อะเดรยา ตุมันตาเร

                รับ           ไอโรงโจงโกรง ฯ   สุรงจันเต มาเรมาน่า สรั่งลังกา มานามาเร

                รับ           ไอโรงโจงโกรง ฯ 

                                                แขกออกจากม่าน

                บทร้อง   เอ้เหตรุวันมานา อเหนระยา ตุมันตาเร

                รับ           ไอโรงโจงโกรง ทำบินระโยงระยา จำปีลอยไปพวงมาลัยลอยมา

                บทร้อง   มาถึงมาถึง พี่แขกมาถึง มาแต่เมืองงู แขกไม่กินหมู กินแต่เป็ดไก่

                รับ           ไอโรงโจงโกรง ทำบินระโยงระยา จำปีลอยไปพวงมาลัยลอยมา

                บทร้อง   เอ้เห ตุรุวันนาน่า วันแรกแขกมาจากลักตา ถึงสิงคโปร์

                รับ           มาแล้วเหวอ มาแล้ววา อะเหน้ระยา ยะตุมันตาเร

                                                แขกกลับเข้าม่าน

 

 

 

 

 

บทเสนา

                เสนาออกจากม่าน ดนตรีตีเพลงเดิน ออกมาถึงก็พูดจาแนะนำตนเองแก่ผู้ชมว่า มีหน้าที่ตรวจด่านภาษี หรือเป็นศุลการักษ์นั่นเอง เมื่อแนะนำจบก็ไปทำหน้าที่

 

                ร้อง                         คิดแล้วเอ๋ยเท่านั้น เสนาก็ไม่ทันช้า ลึงลังตั้งหน้าออกไปด่านภาษี

                รับ                           หน่อย.....

                ร้อง                         บัดเดี๋ยวเอ๋ยบ่หึง มาถึงเข้าแล้วด่านภาษี เวลานั้นปานี้เห็นพี่แขกแปลกหน้า

                รับ                           หน่อย.....

                                เสนาพบแขกและพูดจากันไม่รู้เรื่อง เสนาจึงไปทูลเจ้าเมือง

                ร้อง                         เสนาเอ๋ยพามูล ผมนี้ต้องไปทูลนาย ทูลเจ้าวังพรายเร็วพลันทันใด

                รับ                           หน่อย.....

                ร้อง                         บัดเดี๋ยวเอ๋ยบ่หึง มาถึงเข้าแล้วหน้าธานี ยอกรชุลีถามไปทันใด

                รับ                           หน่อย.....

 

 

                                                                บทเจ้าเมือง

                เมื่อเจ้าเมืองได้ยินเสียงเสนามาทูลก็แต่งองค์ทรงเครื่อง (ในม่าน)

                รับ                           ใช้เพลงรับได้สามเพลง

 

                เพลงรับที่ ๑ (ในม่าน)

รับ                           เอ้ยญากาแก้วบินมาแล้วพร้อมด้วยกาทอง ลอยแล้วลอยล่อง ลอยเข้าในห้องไหนเอย เอ๋ย เออ เอ้อ เออ เออ เออ เอิง เอย

ร้อง                         พอรุ่งแจ้งแสงทองขึ้นส่องฟ้า องค็เจ้าภาราตกแต่งกาย หยิบเสื้อนวมขึ้นมาสวมใส่ ดูงามวิไลมีลวดลายเอย

รับ                           เอ้ยญากาแก้วบินมาแล้วพร้อมด้วยกาทอง ลอยแล้วลอยล่อง ลอยเข้าในห้องไหนเอย เอ๋ย เออ เอ้อ เออ เออ เออ เอิง เอย

ร้อง                         เอาเกือกทองเข้ามารองบาท เจ้าวังราชคิดจะไคลคลา เอาหมวกฝรั่งบังเกศา จับพระขรรค์ทาเร็วทันใดเลย

รับ                           เอ้ยญากาแก้วบินมาแล้วพร้อมด้วยกาทอง ลอยแล้วลอยล่อง ลอยเข้าในห้องไหนเอย เอ๋ย เออ เอ้อ เออ เออ เออ เอิง เอย

ร้อง                         ออกไปนั่งบัลลังก์แก้ว พอแต่งเสร็จแล้วก็คลาไคล ยกพระบาทดำเนินไว เสด็จออกไปหาเสนาเอย

รับ                           เอ้ยญากาแก้วบินมาแล้วพร้อมด้วยกาทอง ลอยแล้วลอยล่อง ลอยเข้าในห้องไหนเอย เอ๋ย เออ เอ้อ เออ เออ เออ เอิง เอย

                                                (นอกม่าน ดนตรีตีจังหวะเดิน)

ร้อง                         สถิตเฉยเลยนั่งยังเก้าอี้ ที่เสนีเคยนั่งฟังแต่เสียง หมู่อำมาตย์มากมายอยู่รายเรียง จึงมีสำเนียงตรัสถามไปเอย

รับ                           เอ้ยญากาแก้วบินมาแล้วพร้อมด้วยกาทอง ลอยแล้วลอยล่อง ลอยเข้าในห้องไหนเอย เอ๋ย เออ เอ้อ เออ เออ เออ เอิง เอย

 

                เพลงรับที่ ๒ (ในม่าน)

                รับ                           เอ้ยภุมตลภุมมาริน ฯ บินมาเชยกลิ่นเกสรมาลา มาลาเหอ เกสรมาลา

                ร้อง                         จะกล่าวถึงเจ้านิเวศน์ ปกครองประเทศมานานหนักหนา

                รับ                           เอ้ยภุมตลภุมมาริน ฯ บินมาเชยกลิ่นเกสรมาลา มาลาเหอ เกสรมาลา

                ร้อง                         หยิบเกือกทองขึ้นมารองบาท จอมเจ้าวังราชคิดจะไคลคลา

                รับ                           เอ้ยภุมตลภุมมาริน ฯ บินมาเชยกลิ่นเกสรมาลา มาลาเหอ เกสรมาลา

                ร้อง                         ดับแดงเธอตกแต่งองค์ สอดใส่เครื่องทรงไปทั้งซ้ายทั้งขวา

                รับ                           เอ้ยภุมตลภุมมาริน ฯ บินมาเชยกลิ่นเกสรมาลา มาลาเหอ เกสรมาลา

                ร้อง                         ดับเสร็จสำเร็จไม่นาน จองเจ้าสิงคารเธอค่อยไคลคลา

                รับ                           เอ้ยภุมตลภุมมาริน ฯ บินมาเชยกลิ่นเกสรมาลา มาลาเหอ เกสรมาลา

                ร้อง                         สถติเฉยท้าวเลยมานั่ง เหนือแท่นบัลลังก์ที่เคยสั่งเสนา

                รับ                           เอ้ยภุมตลภุมมาริน ฯ บินมาเชยกลิ่นเกสรมาลา มาลาเหอ เกสรมาลา

               

                                                (นอกม่าน)

ร้อง                         สถิตเฉยเลยนั่งยังเก้าอี้ ที่เสนีเคยนั่งฟังแต่เสียง หมู่อำมาตย์มากมายอยู่

รายเรียง จึงมีสำเนียงตรัสถามไปเอย

รับ                           เอ้ยญากาแก้วบินมาแล้วพร้อมด้วยกาทอง ลอยแล้วลอยล่อง ลอยเข้าในห้องไหนเอย เอ๋ย เออ เอ้อ เออ เออ เออ เอิง เอย

 

                เพลงรับที่ ๓ (ในม่าน) ทำนองเดียวกันกับเพลงที่ ๑ ต่างกันที่บทร้อง และรับ

                รับ                           คิดซีเจ้าสร้อยแม่นา ชูคำพร่า1 มารำเพลงมอญ ทอดแขนแม่แอ่นอ่อน

 เหมือนนางขี้หนอน (กินร)ที่ร่อนลงรำ

ร้อง        รุ่งแจ้งพอส่องแสงทอง  อาทิตย์ส่องอยู่บนนภา  ได้ยินพหลพลเสนา  ทูลเจ้าภาราด้วยธุระใด

รับ          คิดซีเจ้าสร้อยแม่นา  ชูคำพร่า  มารำเพลงมอญ  ทอดแขนแม่แอ่นอ่อน  เหมือนนางขี้หนอน  (กินร)  ที่ร่อนลงรำ

ร้อง        ดับแดง1  ตกแต่งกายา  แป้งผัดหน้าพระจอมราชัย  หยิบจกส่องน้ำมันใส่  ตกแต่งกามัยไม่ช้าพลัน

รับ           คิดซีเจ้าสร้อยแม่นา  ชูคำพร่า  มารำเพลงมอญ  ทอดแขนแม่แอ่นอ่อน  เหมือนนางขี้หนอน  (กินร)  ที่ร่อนลงรำ

ร้อง        หยิบธำมรงค์ขึ้นมาสอดก้อย  ประดับแหวนพลอย  แขนสร้อยน้ำมัน2  ดับแดงแต่งกายัน  เหมือนเทพวันในชั้นนิมมา3  

รับ           คิดซีเจ้าสร้อยแม่นา  ชูคำพร่า  มารำเพลงมอญ  ทอดแขนแม่แอ่นอ่อน  เหมือนนางขี้หนอน  (กินร)  ที่ร่อนลงรำ

ร้อง        หยิบเสื้อนวมขึ้นมาสวมใส่  นุ่งผ้าใยไหมงามโสภา  ประดับเพชรนิลพร้อมจินดา  จอมเจ้าภาราอยู่ห้องใน

รับ           คิดซีเจ้าสร้อยแม่นา  ชูคำพร่า  มารำเพลงมอญ  ทอดแขนแม่แอ่นอ่อน  เหมือนนางขี้หนอน  (กินร)  ที่ร่อนลงรำ

ร้อง        แต่งองค์เธอทรงเครื่องยศ  ช่างสวยสดดูงามวิไล  จะยกย่างจากปรางคไชย  ด้วยเสนาไซร้มาเรียกหา

รับ           คิดซีเจ้าสร้อยแม่นา  ชูคำพร่า  มารำเพลงมอญ  ทอดแขนแม่แอ่นอ่อน  เหมือนนางขี้หนอน  (กินร)  ที่ร่อนลงรำ

ร้อง         หยิบเกือกทองเข้ามารองบาท  ค่อยเดินนาดออกจากห้องใน  พระกรขวาจับพระขรรค์ชัย  เสด็จออกไปหาเสนา

รับ           คิดซีเจ้าสร้อยแม่นา  ชูคำพร่า  มารำเพลงมอญ  ทอดแขนแม่แอ่นอ่อน  เหมือนนางขี้หนอน  (กินร)  ที่ร่อนลงรำ

 

(นอกม่าน)

ร้อง         สถิตเฉยเธอเลยมานั่ง  เหนือบัลลังก์ที่ร้องสั่งเสนา  แล้วถามพหลพลโยธา  ตัวท่านขึ้นมาด้วยธุระใด

รับ           คิดซีเจ้าสร้อยแม่นา  ชูคำพร่า  มารำเพลงมอญ  ทอดแขนแม่แอ่นอ่อน  เหมือนนางขี้หนอน  (กินร)  ที่ร่อนลงรำ

เจรจา      เสนากราบทูลเจ้าเมืองว่าตนได้ออกไปปฏิบัติหน้าที่  พบแขกนำเรือเข้ามา  แต่พูดจากันไม่รู้เรื่อง  มากราบทูลเจ้าเมือง  เจ้าเมืองจึงให้นำไปดู  (บทเจรจาระหว่างเสนากับเจ้าเมืองและแต่ปฏิภาณของผู้แสดง)

ร้อง         เสนาเอ๋ยนำหน้า  เจ้าจอมภาราตามหลัง  เดินไม่รอรั้งไปยังด่านภาษี

รับ          หน่อย  นอย  นอย  นอย  น่อย  น่อย  หน่อย  หนอย  น่อย  นอย  ว่าหน้อย  หน่อย  เหอ  น้อย  น้อย  น้อย  น้อย  หนอย  หนอย  น่อย  หนอย  น้อย  น้อย  น้อย  หนอย  น้อย  หนอย  หนอย  น้อย  หนอย  เอย

ร้อง         บัดเดี๋ยวเอ๋ยบ่หึงมาถึงเช้าแล้วที่สี่แยก  ไม่ร้จีนหรือแขกเพราะมันแปลกภาษา

รับ          หน่อย  นอย  นอย  นอย  น่อย  น่อย  หน่อย  หนอย  น่อย  นอย  ว่าหน้อย  หน่อย  เหอ  น้อย  น้อย  น้อย  น้อย  หนอย  หนอย  น่อย  หนอย  น้อย  น้อย  น้อย  หนอย  น้อย  หนอย  หนอย  น้อย  หนอย  เอย

เจรจา      เจ้าเมืองให้เสนาเจรจากับแขก  จนเข้าใจว่าแขกมาขอลูกจ้างเพื่อจะไปเมืองกัลกัตตา  เจ้าเมืองก็ให้เสนาไปกับแขก  (บทเจรจาระหว่างแขกกับเสนา  จะสอดแทรกมุขตลกอย่างไร  ขึ้นอยู่กับปฏิภาณของผู้แสดง)  เมื่อตกลงเจรจากันแล้ว  แขกจะขึ้นบทร้องกล่าวถึงประวัติของตน  และให้เสนาขนของลงเรือ  ยาหยี  แขก  และเสนา  ลาญาติพี่น้องลงเรือ

 

แขก

ร้อง         ผมหนอขอกล่าวถึงแขกดำล้ำเลิศ  ถือกำเนินเกิดอินโดนีเซีย

รับ          เดนัง  ดังเนโดนังๆ  อาบังเหอ  ดั

คำสำคัญ (Tags): #วัฒนธรรมไทย
หมายเลขบันทึก: 449870เขียนเมื่อ 19 กรกฎาคม 2011 11:31 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 ธันวาคม 2012 13:49 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท