สรุปภาพรวม 1 ปี โครงการพัฒนาต้นแบบการดำเนินงานสร้างเสริมสุขภาพในบริบทพยาบาล
ที่มา/แนวคิด
-พยาบาลเป็นวิชาชีพที่กระจายอยู่ในสถานบริการสาธารณสุขที่ใกล้ชิดกับครอบครัวและชุมชนมากที่สุด
-พยาบาลเป็นวิชาชีพที่ทำงานใกล้ชิดกับผู้ป่วย ครอบครัวและชุมชนมากที่สุด
-พยาบาลเป็นวิชาชีพที่สามารถใช้องค์ความรู้ทั้ง 4 มิติในการดูแลรักษาพยาบาลเบื้องต้น การสร้างเสริมสุขภาพ การป้องกันโรค การฟื้นฟูสภาพ รวมทั้งสามารถใช้ความรู้ทางด้านสังคม จิตวิทยาในการทำงานกับผู้ป่วย ครอบครัวและชุมชน
-พยาบาลจึงเป็น Change Agent ที่สำคัญในการสนับสนุนให้เกิดการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพของประชาชน สนับสนุนให้ คนมีสุขภาพดี มีการดูแลตนเอง ลดพฤติกรรมเสี่ยง และเมื่อเจ็บป่วยสามารถดูแลตนเองให้ทุเลาหรือหายจากโรคได้ โดยใช้กิจกรรมหรือกระบวนการ ที่กระทำกับบุคคล ครอบครัว ชุมชน มีเป้าหมายเพื่อ มุ่งเน้น การสร้างปัจจัยเอื้อ กระบวนการเรียนรู้ กระบวนการมีส่วนร่วม กระบวนการจัดการด้านสุขภาพ การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม และการมีนโยบายรัฐสนับสนุน
จุดเริ่มต้น.....โครงการ จึงได้วิเคราะห์สถานการณ์การดำเนินงานสร้างสุขภาพของพยาบาล นำไปสู่กระบวนการเรียนรู้ร่วมกันเพื่อพัฒนาวิธีคิดและพัฒนาวิธีการทำงานสร้างสุขภาพให้สอดคล้องกับพื้นที่ โดยใช้เครื่องมือของการศึกษาวิจัยเชิงคุณภาพ เพื่อค้นหาปัญหาที่ซับซ้อนที่มีอยู่ในผู้ป่วย ครอบครัว ชุมชน หรือแม้แต่ในระบบการทำงานสาธารณสุข ในบริบทที่แตกต่างกันไป
ใน 1 ปีที่ผ่านมา ชมรมพยาบาลชุมชน มีพยาบาลจำนวนประมาณ 30 คน ที่สมัครเข้าเรียนรู้โดยผ่านกระบวนการใช้เครื่องมือของการศึกษาวิจัยเชิงคุณภาพ เข้าทำงานในพื้นที่ของตนเอง ข้อค้นพบที่เกิดขึ้น ใน 1 ปี
ด้านการเรียนรู้
-โครงการสร้างทักษะการวิจัยเชิงคุณภาพโดยการสนับสนุนของ สสส.เป็นกระบวนการเรียนรู้ทุกขั้นตอนซึ่งนำไปสู่การสร้างสุขภาพในบริบทพยาบาลโดยมีผู้ป่วย/ชุมชนเป็นศูนย์กลาง
-ความรู้และทักษะที่ได้รับการฝึกฝนสามารถนำไปขยายผลฝึกอบรมสมาชิกในทีมเพื่อร่วมกันเรียนรู้ทั้งงานวิจัยและกระบวนการแก้ไขปัญหาให้สำเร็จ
ด้านพฤติกรรมบริการ
-แพทย์ พยาบาลและเจ้าหน้าที่ ที่เกี่ยวข้องเกิดการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมบริการ เนื่องจากวิธีการทำงานเอื้อให้มีการสื่อสาร ๒ ทางกับผู้ป่วยมากขึ้น ให้ความสำคัญกับพฤติกรรมการดูแลตนเองของผู้ป่วย รวมทั้งการนำทักษะการสัมภาษณ์ การสังเกต ไปประยุกต์ใช้ในการทำงานชุมชน
“การรับฟังคำพูดของผู้ป่วยมีประโยชน์ในการวางแผนให้การดูแลเขาต่อได้“
"จนท. สามารถทำงานหาปัญหา ได้มากขึ้น นำทักษะการสัมภาษณ์ การสังเกต มาใช้ในการทำงาน ลงพื้นที่หมู่บ้าน"
"แพทย์ซักประวัติผู้ป่วยเกี่ยวกับพฤติกรรมการดูแลตนเองเป็นหลักฐานให้มีการดูแลต่อเนื่องซึ่งเมื่อก่อนไม่ค่อยมีการซักประวัติเช่นนี้มาก่อน“
"ได้เรียนรู้ถึงการเข้าตัวคน เข้าถึงชุมชนจริงๆ เป็นการดีที่เราจะนำวิธีการวิจัยนี้ไปใช้ในงานอื่นๆ จากการที่เราไม่เคยฟังผู้มารับบริการเลย มีแต่เราเป็นคนป้อนข้อมูลต่างๆให้เขา เพื่อให้ได้ตามเป้าหมายที่เราตั้งไว้ แต่เราไม่เคยรู้เลยว่า ตอนนี้ผู้มารับบริการคิดอย่างไร ต้องการอะไรจากเรา ได้คิดว่า เราต้องฟังเขามากขึ้น คิดร่วมกันมากขึ้น"
ด้านทัศนคติของ จนท.
เจ้าหน้าที่ ที่เกี่ยวข้องในโครงการเกิดทัศนคติในการทำงานในแนวราบมากขึ้นทั้งกับผู้ป่วย และผู้ร่วมงาน/สหวิชาชีพ ตื่นตัวเห็นความสำคัญของกระบวนการทำงานเชิงคุณภาพมาก และมีทัศนคติเชิงบวกกับผู้ป่วยและการทำงานมากขึ้น ตระหนักถึงความสำคัญของการใช้ข้อมูลที่ได้จากผู้ป่วย/ชุมชนมาใช้ในการทำงานและแก้ไขปัญหามากขึ้น
"จนท.เกิดความตื่นตัวในการทำงาน คิดวิเคราะห์มากขึ้น แต่ก่อนมุ่งทำงานให้เสร็จอย่างเดียว"
"มีการตื่นตัวพร้อมที่จะร่วมมือกัน..ทุกคนเข้าใจและให้ความร่วมมือมากขึ้น”
"กลุ่ม รพ.อื่นในจังหวัดสนใจในการทำวิจัยนี้และถามว่าจะมาเข้าโครงการได้อย่างไร“
"หัวหน้าตึกผู้ป่วยใน บอกว่าน่าจะมีการขยายผลการทำวิจัยเชิงคุณภาพอย่างนี้ให้ครอบคลุมทั้ง รพ. ประธาน HRD มีความสนใจ เข้าใจงานวิจัยเชิงคุณภาพมากขึ้นอยากนำมาใช้พัฒนางาน“
"ทำให้มีความเข้าใจผู้ป่วยและญาติ ดูแลเหมือนเขาเป็นญาติของตน ฟังผู้ป่วยมากขึ้น“
ด้านการทำงานร่วมกับพหุพาคีสุขภาพ
ผลของการทำงานเชิงคุณภาพในพื้นที่ทำให้เกิดความร่วมมือระหว่างบุคลากรทางสาธารณสุขกับพหุพาคีอื่นๆ เช่น องค์ปกครองท้องถิ่น หน่วยงานระดับอำเภอ ชุมชน/ผู้นำ/ผู้รับบริการ/ครอบครัว เกิดความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้ป่วยและญาติ
"เกิดความเข้าใจ ซึ่งกันและกันระหว่างบุคลากรด้านสาธารณสุขและบุคลากรขององค์กรปกครองท้องถิ่น...เกิดพลังในชุมชน"
"ขอเบี้ยยังชีพจากเทศบาลตำบลให้ผู้สูงอายุ ผู้พิการได้”
“ยังหางบประมาณจากกองทุนหมู่บ้าน กองทุน ๗,๕๐๐ มาจัดสรรแบ่งเป็นค่าผู้นำออกกำลังกายในหมู่บ้าน ค่าน้ำ ค่าไฟ
“นำหลักการจากโตรงการนี้ ไปพัฒนาโครงการวิจัยร่วมกับ ชมรมอนุกรักษ์กลุ่มน้ำชี มีทีมงานประกอบด้วย NGO/อบต./ตัวแทนชุมชน/บุคลากร สธ. ได้รับการพิจารณาอนุมัติโครงการเป็นวงเงิน ๓๐๐,๐๐๐ บาท จาก สกว.แล้ว
ด้านการทำงานร่วมกับสหวิชาชีพ
การทำงานเชิงคุณภาพ ทำให้สัมพันธภาพของทีมพยาบาลกับสหวิชาชีพดีขึ้น เกิดเครือข่ายสหวิชาชีพในการสร้างสุขภาพในชุมชน และการให้บริการผู้ป่วย สหวิชาชีพเริ่มเข้าใจและให้ความสนใจกับการทำงานเชิงเชิงคุณภาพร่วม
"เกิดเครือข่ายสหวิชาชีพ มีทั้งพยาบาลวิชาชีพ นวก.สธ. จนท.บริหาร สธ. จนท.สธ....ได้เครือข่ายการสร้างสุขภาพ"
“เกิดทีมวิจัยเพิ่มขึ้นคือทันตแพทย์ และแพทย์ ในรพ.สนใจอยากมาร่วมทีมอีกและให้ความร่วมมือดีในการทำงานด้านอื่นๆ เช่น ตรวจคนไข้ให้ดีขึ้น ร่วมงานวิชาการดีขึ้น สัมพันธภาพกับเราดีขึ้น"
ผลกระทบของโครงการ
ด้านพฤติกรรมของ จนท.
ผลกระทบของการทำงานเชิงคุณภาพในพื้นที่ครั้งนี้ ทำให้บุคลากรที่เกี่ยวข้อง มีส่วนร่วม/ให้ความร่วมมือในการทำงานระหว่างกลุ่มงานต่าง ๆ และจนท.บางคนมีการปรับพฤติกรรมบริการในทางที่ดีขึ้น
"เกิดความร่วมมือระหว่างกลุ่มงานใน รพ...จนท.บางคนมีเกิดการเปลี่ยนพฤติกรรม.”
"เกิดความร่วมมือ และการมีส่วนร่วมในการทำงาน.”
ด้านการพัฒนาระบบบริการ
ผลกระทบจากการดำเนินงาน ทำให้เกิดการพัฒนาระบบบริการสุขภาพทั้งในสถานบริการ/ชุมชน การดูแลผู้ป่วย/การสร้างเสริมสุขภาพ ระบบข้อมูล การประสานงานในแนวราบกับสหวิชาชีพและพหุพาคีรวมทั้งกระบวนการรับรองคุณภาพโรงพยาบาล
“มีการจัดระบบการนัดผู้ป่วยให้มาด้วยกันในผู้ป่วยที่อยู่หมู่บ้านเดียวกัน เพื่อความสะดวกและประหยัดค่าใช้จ่าย."
”เกิดแนวคิดว่าการให้ความรู้กับผู้ป่วยจะต้องให้ญาติมามีส่วนร่วมในการดูแลผู้ป่วยด้วย โดยเฉพาะผู้ที่ทำหน้าที่ดูแลผู้ป่วยจริง (จากเดิมจะให้ความรู้กับผู้ป่วยหรือให้เฉพาะญาติคนใดคนหนึ่งก็พอ”
"การสร้างทีมงานวิจัยการทำงานเชิงคุณภาพใน รพ.เพื่อบูรณาการกับกระบวนการรับรองคุณภาพ รพ.”
"ผู้บริหารเห็นความสำคัญของการจัดระบบบริการให้ความรู้ ในแผนกผู้ป่วยในมากขึ้น สนับสนุนแลให้กำลังใจ มีการพัฒนาระบบจำหน่ายผู้ป่วยให้มีคุณภาพ"
ด้านทัศนคติผู้รับบริการ
ผลกระทบของการทำวิจัยเชิงคุณภาพในพื้นที่ครั้งนี้ ทำให้บุคลากรที่เกี่ยวข้อง มีส่วนร่วม/ให้ความร่วมมือในการทำงานระหว่างกลุ่มงานต่างๆ และบางรายมีการปรับพฤติกรรมเสียใหม่
"ผู้ป่วยมีส่วนร่วม ให้ความร่วมมือไว้วางใจและกล้าเปิดเผยพฤติกรรมเสี่ยง ที่เกิดขึ้น“
"ผู้ป่วยและญาติผู้ป่วยที่เป็นกลุ่มเป้าหมายในการเข้าไปเก็บข้อมูลมีความกระตือรือร้น ในการที่จะดูแลสุขภาพตนเอง และดูแลช่วยเหลือกันมากยิ่งขึ้น“
"เกิดความเข้าใจกันกับ จนท.กับประชาชน ชาวบ้านในพื้นที่ชมว่ามีหมอมาดูแลเอาใจใส่ดีขึ้นกว่าเดิม มาพูดคุยเป็นกันเองมากขึ้น"
ปัญหาอุปสรรคผู้วิจัย
ผู้บริหาร/เพื่อนร่วมงาน/สหวิชาชีพ บางส่วนยังไม่เข้าใจ/ไม่เห็นความสำคัญ จึงไม่ให้การสนับสนุนการทำโครงการอย่างเต็มที่ บางครั้งกลับมอบหมายภาระงานอื่นเพิ่มเติม แต่ไม่ถึงกับขัดขวางการทำงาน ผู้วิจัยต้องปรับตัว/เวลา/บริหารตนเอง เพื่อฝ่าฟันบากบั่นทำงานโครงการนี้ให้สำเร็จให้ได้ นอกจากนี้งานประจำบางอย่างในระบบการสั่งการแบบนึกเอาจากบนลงล่าง เป็นสิ่งไม่จำเป็นแต่เป็นภาระในการสร้างภาพ
สรุป สิ่งที่เกิดขึ้นใน 1 ปี
1 . มีรูปแบบและเครื่องมือการสร้างสุขภาพในระดับพื้นที่
2 . มีผู้นำการสร้างสุขภาพเพื่อขับเคลื่อน งานสร้างสุขภาพในชุมชนอย่างเป็นระบบ
3. เกิดบทบาทใหม่ของพยาบาลเพื่อ การสร้างสุขภาพเชิงรุก
4. มีการสนับสนุนพยาบาลและเครือข่ายในการดำเนินงานสร้างสุขภาพ ระดับจังหวัด
5. มีรูปแบบ / องค์ความรู้ ที่เหมาะสมเพื่อผลักดันงานสร้างสุขภาพเชิงรุก ต่อกระทรวงสาธารณสุข
ความคิดเห็นต่อโครงการฯ ของผู้ทรงคุณวุฒิ / ที่ปรึกษา / สหวิชาชีพ /ทีมประเมินภายนอก /ตัวแทนเครือข่ายชมรมพยาบาลชุมชน
“รู้สึก ทึ่ง ภูมิใจในวิชาชีพมากขึ้น ไม่เคยเห็นพยาบาลเป็นแบบนี้ ควรมีการขยายวงให้กว้างขึ้น”
“เริ่มเปลี่ยนมุมมอง เมื่อได้ทำงานในชุมชน ตำราเล่มไหนก็สู้ไม่ได้ได้เรียนรู้กับชุมชน จะปล่อยปัญหาไว้ได้อย่างไร”
“รู้สึกเป็นบุญ หัวหน้าดันให้มา ได้รับคำตอบว่าหัวใจ PCU.อยู่ที่ไหน”
ข้อเสนอแนะ... จากที่ปรึกษาในพื้นที่
“การวิจัยเชิงคุณภาพ คือพลวัตรของการเปลี่ยนแปลง”
“โครงการเล็กๆ แต่ยิ่งใหญ่ รู้สึกดีใจ ผมไม่ได้เป็นพยาบาล เห็นการเปลี่ยนแปลง น่าจะนำไปให้ สหวิชาชีพอื่นๆได้นำไปใช้ “
“ไปปรับใช้กับการสอนนักศึกษาในการลงพื้นที่ภาคสนาม นักศึกษาบอกว่า...ทำไมอาจารย์ไม่สอนแบบนี้แต่แรก..”
ข้อเสนอแนะ... จากที่ปรึกษาหลัก
“20 โครงการนับค่าไม่ได้ หนึ่งแสนบาทถือว่าไม่แพงแสน...แต่สิ่งที่อยู่ในตัวพยาบาลที่มาร่วมโครงการมีอีกมากมาย ที่จะนำไปใช้ในเกิดประโยชน์กับประชาชน”
“ โครงการนี้เป็นหนึ่งในสามความภูมิใจที่สุดของผม ผมคิดว่าเราคงจะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงอนาคตของประเทศชาติอย่างแน่นอน “
ข้อเสนอแนะ... จากผู้ประเมินภายนอก
“ไม่ได้มีหน้าที่ประเมิน แต่มาร่วมเรียนรู้ กับทีม อยากให้ถอดบทเรียนการดำเนินโครงการนี้”
“ ดีใจ....พยาบาลมีความสามารถ ขอให้นักวิชาการได้มาเรียนรู้กับนักปฏิบัติ ขอให้มีโอกาสสนับสนุนแก่พยาบาลภาคปฏิบัติบ้าง
เรียนปรึกษาการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพค่ะ
ยินดีครับ ผมตอบไปทาง email ของคุณแล้ว
สุพัฒน์